|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ทนง-วิจิตร-วิเชฐ" ช่วยกันรั้ง "กิตติรัตน์" ไม่ให้ออกจากตำแหน่ง "วิจิตร" เชื่อเบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้นไทย ได้ ส่วน ก.ล.ต.อนุมัติให้จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นการ เปิดช่องให้ระดมทุนได้ "วิเชฐ" ย้ำไม่ต้องรับผิดชอบเพราะประกาศ ก.ล.ต.ไม่ได้ห้ามเบียร์เข้าตลาดหุ้น "จำลอง" ยังปักหลักหน้า ก.ล.ต.จนกว่าจะได้คำตอบ ห้ามเข้าตลาดหุ้นไทย "ทริส" ให้อันดับเครดิตเบียร์ช้างที่ระดับ "A+" สะท้อนความเป็นผู้นำตลาด กระแสเงินสดแข็งแกร่ง ชี้เบียร์ในไทย ยังมีช่องเติบโต ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยถึงกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะลาออกจากตำแหน่งหาก บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ (เบียร์ช้าง) ไม่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ไทยได้ว่า ตนได้มีการหารือถึงเรื่อง ดังกล่าวกับนายกิตติรัตน์เรียบร้อย แล้ว ซึ่งได้บอกไปว่าไม่มีความจำเป็นต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าไม่มีปัญหาจนถึงทำให้ต้องลาออกแต่อย่างใด ซึ่งในขณะนี้คิดว่านายกิตติรัตน์เองจะไม่ลาออกด้วยเช่นกัน
"เบียร์ช้างที่จะเข้าตลาดฯที่สิงคโปร์ก็ยังไม่ได้เข้าในทันที เพราะเมื่อวานแค่ยื่นไฟลิ่งไปเท่านั้นยังเหลือขั้นตอนอีกมาก จึงไม่น่าจะถึงกับทำให้ลาออก"
นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) อนุมัติให้ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ (เบียร์ช้าง) เข้าจดทะบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศสิงคโปร์นั้นมองว่าเป็นการเปิดช่องให้สามารถเข้าไปจดทะเบียนตลาดหุ้นสิงคโปร์ได้ เพื่อให้บริษัทสามารถระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจได้ แต่ก็ยังหวังว่า บมจ. ไทยเบฟเวอเรจจะเข้าตลาดหุ้นไทยได้
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวต้องการให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเป็น หลัก เพราะ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ เป็นบริษัทของไทย และเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยในแง่การจัดเก็บภาษี ซึ่งหากออกไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ก็จะดูไม่ค่อยดี และไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น ดังนั้น เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะสามารถจบลงได้ด้วยดี
สำหรับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการ ยื่นหนังสือลาออก และนายกิตติรัตน์ไม่จำเป็นต้องลาออก เพราะเชื่อว่าทุกอย่างจะสามารถจบลงได้ด้วยดี แต่จะเป็นลักษณะใดต้องติดตาม โดยเชื่อว่าจะมีการตีความให้เบียร์ช้างเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้
นายจำลอง ศรีเมือง ประธานกองทัพธรรมมูลนิธิ แกนนำผู้ชุมนุมคัดค้านเบียร์ช้างเข้าจดทะเบียนซึ่งปักหลักประท้วง ก.ล.ต.เป็นวันที่ 2 กล่าวว่า จากคำแถลงการณ์ของ ก.ล.ต. ที่ระบุว่าจะรอการออกกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอยากถามว่าทำไมคณะกรรมการก.ล.ต.จะต้องรอกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาได้เคยมีการหารือในเรื่องดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีการออกกฎหมายหรือไม่ ก็ไม่ได้มีข้อสรุปถึงการควบคุมการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยของเบียร์ช้าง "ที่มีกลุ่มผู้คัดค้านบางคนกลับบ้านไปก่อน เพราะว่าเราถูกหลอก แกนนำเด็กบางคนไม่เข้าใจ ในเนื้อหาจาคำแถลงการณ์" นายจำลองกล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่หุ้นเบียร์ช้างจะเข้าจดทะเบียนได้หรือไม่ ก็จะต้องมีการออกกฎหมายใน เรื่องการควบคุมการดื่ม โฆษณาอยู่ดีซึ่งสะท้อน ให้เห็นว่าเรื่องทั้ง 2 เรื่องเป็นคนละเรื่องกัน
"เราจะปักหลักจนกว่าบอร์ด ก.ล.ต.จะดำเนินการตามกฎหมาย เราถึงจะกลับถ้าไม่อย่างนั้นเราจะปักหลักต่อสู้ต่อไป และอยากฝากเชิญชวนผู้ที่มีธรรมะในใจมารวมพลังกัน"
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์กลุ่มผู้คัดค้าน มีผู้ชุมนุมประมาณ 200-300 คน โดยในช่วงประมาณ 11.00 น. กลุ่มผู้คัดค้านได้เตรียมเปิด เวทีในการปราศรัย รวมถึงตั้งโรงอาหารชั่วคราว และติดตั้งเครื่องขยายเสียง ซึ่งทำให้ต้องปิดการ จราจรบางส่วน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่สัญจรในถนนวิทยุก่อนที่กลุ่มผู้คัดค้านได้สลับกันปราศรัยอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสันติอโศกที่ผ่านการอบรมกับพลตรีจำลอง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ30-40 นายคอยดูแลความสงบ
นายวิเชฐ ตันติวานิช ประธานที่ปรึกษาตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และรองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่นายกิตติรัตน์ ประกาศว่าจะมีการลาออกจากตำแหน่งหาก บมจ.ไทยเบฟเวอเรจในตลาด หุ้นไทยนั้น ซึ่งหากพิจารณาจากประกาศของ ก.ล.ต.ไม่ได้ห้ามให้ไทยเบฟเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นจึงมองว่ายังไม่ตรงประเด็นกับที่นายกิตติรัตน์ประกาศไว้ ซึ่งนายกิตติรัตน์ก็ควรที่จะอยู่ในตำแหน่งที่จะผลักดันต่อไป
"การแสดงความรับผิดชอบนั้นมีหลายรูปแบบ และขึ้นอยู่กับตัวบุคคล แต่เรื่องการอนุมัติหรือไม่นั้นไม่ใช่งานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งกิตติรัตน์ยังไม่น่าที่จะลาออก"
ทั้งนี้ ได้หารือกับผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้กำลังใจนายกิตติรัตน์ และไม่อยากให้ลาออกจากตำแหน่งรวมถึงตนเองด้วยซึ่งนายกิตติรัตน์ ก็ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) กล่าวถึงกรณีการอนุมัติให้ บมจ.ไทยเปฟเวอเรจไปจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์สิงคโปร์ว่าเป็นการพิจารณาตามคำขอ ของทางเบียร์ช้างว่าจะขอไปจดทะเบียนในตลาดฯ สิงคโปร์ ซึ่งไม่มีอะไรที่อนุญาตไม่ได้ แต่ในส่วนของการจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งคงต้องถาม ก.ล.ต.อีกครั้งหนึ่ง
นายเกษมสันต์ วีระกุล ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กร บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ กล่าวถึงการเสนอมาตรการห้ามโฆษณาและขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของ รมว.สาธารณสุข ว่า บริษัทพร้อมจะดำเนินงานตามกฎหมายหากมีการ ประกาศใช้ แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นธรรมต่อทุกบริษัทในอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ควรจะต้องมีการประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากมีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวว่าจะกระทบต่ออุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น สื่อเอนเตอร์เทนเมนต์มากน้อยเท่าไหร่ เนื่องจากอุตสาหกรรมหลายประเภทมีความเชื่อมโยงธุรกิจแอลกอฮอล์ นอกจากนี้น่าจะต้องมีการพิจารณาในหลายประเทศที่ไม่มีการบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวด แต่ก็ไม่มีปัญหาด้านสังคมที่เกิดขึ้นจากธุรกิจแอลกอฮอล์ ว่ามีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างไร และจะต้องมีการนำมาตรการใดมาปรับใช้กับประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม การห้ามโฆษณาหรือบังคับใช้ มาตรการต่างๆ ก็คงไม่ส่งผลกระทบอะไรมากมายกับบริษัทที่เป็นผู้นำในธุรกิจนั้น เนื่อง จากความสามารถในการแข่งขันย่อมจะดีกว่าบริษัทขนาดเล็ก
"เราก็พร้อมจะปฏิบัติตามกฎหมาย แต่หลายฝ่ายก็ควรจะพิจารณาถึงผลกระทบหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมที่อยู่รอบด้านด้วย"นายเกษมสันต์กล่าว
ทริสให้เครดิตช้าง A+
ด้านบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตองค์กร ให้แก่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ หรือ เบียร์ช้าง และบริษัทลูก คือ บริษัท แสงโสม จำกัด ที่ระดับ "A+" พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่"เท่ากัน โดยอันดับเครดิต ของ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ สะท้อนความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของกลุ่มบริษัท ตลอดจนความสามารถและประสบการณ์ ของคณะผู้บริหาร และการประหยัดจากขนาด เนื่องจากการเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ การให้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและสม่ำเสมอ รวมทั้งเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง และความเสี่ยงจากข้อบังคับทางกฎหมายที่อาจกระทบต่อความต้องการในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมาย ว่าบริษัทจะยังคงดำรงความสามารถในการแข่งขันและสถานะความเป็นผู้นำในตลาดเบียร์และสุรา แต่บริษัทยังจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งจากผู้ผลิตเบียร์ไทยและผู้นำเข้าสุราจากต่างประเทศ จากผลของการเปิดเสรีธุรกิจ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนผลของข้อตกลง ในเรื่องเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) และเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ)
ส่วนอันดับเครดิตของบริษัทแสงโสมสะท้อนความเป็นผู้นำในตลาดสุราสีในกลุ่ม สินค้าราคาประหยัด ตลอดจนตราผลิตภัณฑ์ "แสงโสม" ที่เป็นที่รู้จัก ความสามารถและประสบการณ์ของคณะผู้บริหาร รวมทั้งเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง การให้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท แต่ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากการชะลอตัวของอัตราการเติบโตของการบริโภคสุราในประเทศ การแข่งขันกันเองระหว่างผลิตภัณฑ์สุราสีของบริษัทแม่และภาวะการแข่งขัน ที่คาดว่าจะรุนแรง ขึ้นจากสุราสีนำเข้า เนื่องจากผลของโครงสร้างภาษีสรรพสามิตอัตราใหม่ ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่า บริษัทจะได้รับการสนับสนุนที่ดีจาก บริษัทแม่ และจะสามารถดำรงสถานะผู้นำในตลาดสุราสีในประเทศต่อไป อย่างไรก็ตาม การที่อันดับเครดิตของบริษัทขึ้นอยู่กับอันดับเครดิต ของ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ อาจส่งผลให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของบริษัท หากกลุ่ม บมจ.ไทยเบฟเวอเรจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่จะมีผลกระทบในทางลบต่อบริษัททั้งในทางการเงิน และธุรกิจ
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นในบริษัทต่างๆ จำนวน 63 แห่ง ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายประเภท ทั้งเบียร์ สุราขาว สุราสี สุราสมุนไพรจีน และสาเก โดยตราสินค้าส่วนใหญ่เป็นที่รู้จักกันดีในประเทศไทย เช่น แสงโสม แม่โขง มังกรทอง รวงข้าว และคราวน์ 99 สำหรับเครื่องดื่มสุรา และเบียร์ช้าง สินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทมีกลุ่มเป้าหมายที่บริโภคสินค้าราคาประหยัด ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของตลาดโดยรวม ปัจจุบันกลุ่มไทยเบฟเวอเรจครองตลาด ในประเทศเป็นหลัก โดยเป็นผู้นำตลาดเบียร์ในสัดส่วนร้อยละ 60 และในตลาดสุราร้อยละ 74 เป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกำลังการผลิตสุรา 1,090 ล้านลิตรต่อปี และมีกำลังการผลิตเบียร์ 790 ล้านลิตรต่อปี จึงทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรองในการซื้อวัตถุดิบในระดับหนึ่ง มีโรงกลั่นถึง 15 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ ยังทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบในการกระจายสินค้า สู่ผู้บริโภคด้วย เครือข่ายในการกระจายสินค้า ของบริษัทแข็งแกร่งและกว้างขวาง ประกอบด้วย ตัวแทนจำหน่าย 2,600 ราย พนักงานขายตรงกว่า 900 คน และคลังสินค้ามากกว่า 400 แห่ง เพื่อรองรับการกระจายสินค้าไปยังจุดขายที่มีมากกว่า 260,000 แห่ง ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งระบุว่า ตลาดเบียร์ในประเทศไทยยังมีช่องทางในการเติบโต เนื่อง จากปริมาณการบริโภคเบียร์ในระดับ 25.7 ลิตรต่อคนต่อปี ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับประเทศที่มีการบริโภคสูงสุด 20 อันดับแรกของโลก ตลาดเบียร์ในประเทศไทยมีผู้ผลิตรายใหญ่จำนวนไม่กี่ราย และมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยมีการใช้งบประมาณในการโฆษณา จำนวนมหาศาล รวมทั้งมีการส่งเสริมการขาย และการใช้กลยุทธ์ตัดราคาอย่างกว้างขวางเพื่อกระตุ้นยอดขาย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ยอดขายเบียร์มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 7.6 ต่อปี
|
|
|
|
|