|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ผู้ถือหน่วยลงทุน "เอ็มเอฟซี อิสลามิกฟันด์" เฮรับเงิน ปันผล 0.50 บาทต่อหน่วยสำหรับรอบระยะเวลาวันที่ 21 ธันวาคม 2547 -31 ธันวาคม 2548 หลังฟันกำไรหุ้น กลุ่มสื่อสาร-พลังงาน พร้อมเดินหน้า ลุยตราสารภาครัฐอายุ 6 เดือนต่อ เปิดขาย "M-66R2" ระหว่างวันที่ 16-27 มกราคมนี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) (MFC) ในฐานะผู้จัดการกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อิสลามิก ฟันด์ (MIF) เปิดเผยว่า บริษัทจะจ่ายเงินปันผลกองทุนดังกล่าวสำหรับรอบระยะเวลาวันที่ 21 ธันวาคม 2547-31 ธันวาคม 2548 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อ ณ วันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 17 มกราคม 2549 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.50 บาท โดยจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 มกราคม 2549
สำหรับกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อิสลามิกฟันด์ เป็นกองทุนที่เน้นลงทุน ร้อยละ 0-100 ของมูลค่าทรัพย์สิน สุทธิ ลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ ที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม โดยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่าง น้อยปีละ 1 ครั้ง ไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสะสมหรือการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน
กองทุนดังกล่าว จดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เป็น กองทุนเปิดไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของกองทุนรวม โดย ณ วันที่ 13 มกราคม 2549 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 382,515,856.17 บาท มูลค่าหน่วยลงทุน 11.3718 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานกองทุน เอ็มเอฟซี อิสลามิกฟันด์ (MIF) ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2548 มูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 10.9165 บาทต่อหน่วย ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 0.56% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 10.90% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 9 เดือน อยู่ที่ 9.31% และย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 9.06% สำหรับผลตอบ แทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 9.16% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานอ้างอิงที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่4.67%
สัดส่วนหลักทรัพย์ที่กองทุนลง ทุน (พอร์ตการลงทุน) คิดเป็นเปอร์-เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ เดือนพฤศจิกายน 2548 แบ่งเป็น ลงทุนในหุ้นกู้ 71.89% ลงทุนในเงินฝาก P/N และตั๋ว B/E คิดเป็น 28.35% สำหรับหลักทรัพย์ 10 อันดับแรกที่กองทุนลงทุน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ เดือนพฤศจิกายน 2548 ประกอบด้วย 1. หุ้นสามัญ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) 23.42% 2. หุ้นสามัญ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) 20.59% 3. KASIKORNBANK PLC. 12.79%
4. หุ้นสามัญ บริษัท แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH) 7.98% 5. GOVERNMENT SAVING BANK 6.87% 6.หุ้นสามัญ บริษัทไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) (TOC) 5.19% 7. KRUNG THAI BANK PUBLIC COMPANY LIMITED 4.87% 8. ISALAMIC BANK 3.82% 9. หุ้นสามัญ บมจ. เอเชียน อินซูเล-เตอร์ (AI) 3.66% 10. หุ้นสามัญ บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) (DCC) 3.45%
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีจะเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี หก-หก โรล โอเวอร์ สอง (MFC six-six Roll over Fund Two) หรือ M-66R2 ซึ่งเป็น กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้นกองทุนใหม่ของบริษัท เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่ง ให้แก่นักลงทุนที่ต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมจากการลงทุน ในตราสารหนี้ระยะสั้น และเพื่อกระตุ้นการลงทุนในช่วงต้นปี 2549
โดยกองทุนเปิด M-66R2 เป็น กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น (Capital Protected Fund) ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Specific Fund) เปิดขายวันที่ 16-27 มกราคมนี้ ภายหลังจากที่กองทุนเปิด M-66R ที่เปิดขายในช่วงงาน SET in the City เมื่อปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ถือหน่วยลงทุน
สำหรับกองทุนเปิด M-66R2 มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท มีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล เพื่อส่งเสริมการออมเงินระยะสั้น โดยกองทุนจะนำเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่า ทรัพย์สินสุทธิของกองทุนไปลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และตราสารทางการเงินที่มีคุณภาพที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ที่มีอายุใกล้เคียงหรือเท่ากับ 6 เดือน เพื่อคุ้มครองเงินต้นทุกงวด 6 เดือนของผู้ถือหน่วยและเพื่อผลตอบ แทนที่เหมาะสม โดยผู้ถือหน่วยลงทุน ต้องถือหน่วยลงทุนเป็นเวลา 6 เดือนนับจากวันที่เริ่มลงทุนจนถึงวันสิ้นรอบ เดือนที่ 6 ซึ่งเป็นวันครบรอบระยะเวลาการลงทุนของแต่ละรอบ
นายพิชิตกล่าวว่า ในปีนี้เอ็ม เอฟซีมีนโยบายที่จะเสนอขายกองทุนที่มีความหลากหลายในการลงทุนเพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์การลงทุนประมาณ 10-12 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมตราสารหนี้ ระยะสั้นอย่างน้อย 6 กองทุน กองทุนรวมตราสารทุนอย่างน้อย 2 กองทุน กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund) อย่างน้อย 2 กองทุน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อย่างน้อย 1 กองทุน
|
|
|
|
|