|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เอ็มเอฟซี เปิดแผนปีจอ ตั้งเป้าระดมทุนเพิ่มอีก 24,000-26,000 ล้านบาท จากกองทุนใหม่ 12 กองทุน ทั้งตราสารหนี้-กองทุนหุ้น-พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์-FIF "พิชิต" เผยการปรับสัดส่วนการถือหุ้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เชื่อในที่สุดแล้วจะส่งผลดีธุรกิจ กับธนาคารออมสินเองและธนาคารทหารไทยด้วย
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดกองทุนใหม่อีกประมาณ 12 กองทุน โดยในจำนวนนี้ประกอบด้วยกองทุนตราสารหนี้ประมาณ 6 กองทุน กองทุนหุ้น 1-2 กองทุน กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ประมาณ 2 กองทุน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีกประมาณ 1-2 กองทุนเช่นกัน ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าระดมทุนให้ได้ประมาณ 24,000-26,000 ล้านบาท จากจำนวนกองทุนที่จะเปิดใหม่ทั้ง 12 กองทุน
สำหรับกองทุนตราสารหนี้ เชื่อว่ายังเป็นกองทุนที่ความต้องการ เนื่องจากเป็นลักษณะการลงทุนที่ใกล้เคียงกับเงินฝากธนาคารพาณิชย์ และให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่า ซึ่งถือเป็นโอกาสในการลงทุนผู้นักลงทุนในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยลักษณะกองทุนที่ผ่านมามีการคุ้มครองเงินต้น ซึ่งสามารถสร้างความมั่นใจในเรื่องของความเสี่ยงให้แก่ผู้ลงทุนได้
ทั้งนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ ผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเป็นหลัก รวมถึงการขึ้นลงของราคาตราสารนั้นๆด้วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา จากการลงทุนของบลจ.เอ็มเอฟซี พันธบัตรอายุ 6 เดือนให้ผลตอบแทนสูงกว่า 3% เกือบ 4% ส่วนพันธบัตรอายุ 1 ปีให้ผลตอบแทนประมาณ 4% กว่าๆ
สำหรับกองทุนหุ้นในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าจะเปิดขายกองทุนใหม่ประมาณ 1-2 กองทุน โดยจะเน้นกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ที่กำหนดผลตอบแทนแน่นอน ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนกองทุนรวมเอ็มเอฟซี ฟิฟทีน คิวบ์ ที่เปิดขายในปี 2548 ที่ผ่านมา และกำลังจะครบกำหนดอายุโครงการ โดยกองทุนกองใหม่ที่จะจัดตั้งนั้น ในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นกองทุนทาร์เก็ตฟันด์ที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 16% คือ หากผลตอบแทนจากการลงทุนถึง 16% ก็จะจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยและปิดโครงการได้ นอกจากนั้น ก็จะเป็นกองทุนที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการศึกษา
ส่วนกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ก็มีแผนที่จะจัดตั้งอีกประมาณ 1-2 กองทุนเช่นกัน ซึ่งกองทุน FIF ในปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ โดยกองทุนเปิด โกลบอล อิควิตี้ ฟันด์ ที่เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกให้ผลตอบแทนประมาณ 14% ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในระดับ 6% เท่านั้น ขณะที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) อยู่ในแผนการจัดตั้งกองทุนประมาณ 2 กองทุน ซึ่งในปีที่ผ่านมาการจัดตั้งพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์นั้นค่อนข้างทำได้ยาก เพราะขึ้นอยู่กับการเจราจาระหว่างเจ้าของทรัพย์สินเป็นสำคัญ
นายพิชิต กล่าวต่อถึงการที่ธนาคารทหารไทย ขายหุ้นของเอ็มเอฟซีให้กับธนาคารออมสินว่า การขายหุ้นดังกล่าวไม่มีการเปลี่ยนแปลงถึงนโยบายของบริษัท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเป็นเรื่องปลายเหตุเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นนโยบายที่บริษัทจะหาพันธมิตรมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันด้วย
ทั้งนี้ การปรับสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าว ในที่สุดแล้วเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท จากทั้งกับธนาคารออมสินเองและธนาคารทหารไทยด้วย
|
|
|
|
|