ไออีซี หันจับธุรกิจ พลังงาน-ธุรกิจลอจิสติกส์ อยู่ระหว่าง การเจรจากับผู้ร่วมทุน คาดสรุป ก.พ. นี้ เล็งหาพันธมิตรนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ-สถาบันการเงินเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน 613 ล้านหุ้น ตั้งเป้าปีนี้โกยรายได้ 6.2 พันล้านบาท หลังก่อนหน้านี้ขายให้พันธมิตรฮ่องกงประเภท Hedge Fund ระบุหลังล้างขาดทุนสะสมหมดจะจ่ายปันผล ตลท.จี้ให้ชี้แจงซื้อ A-HOST หุ้นละ 1,700 บาท
นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจิเนียริง จำกัด (มหาชน)หรือ IEC เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาในการเข้าไปลงทุนในธุรกิจพลังงาน และธุรกิจลอจิสติกส์ ซึ่งคาดว่าจะสรุป ได้ในเดือน ก.พ. รวมถึงลักษณะการ ลงทุนว่าจะเป็นในลักษณะเข้าไปถือหุ้นหรือตั้งบริษัทย่อย โดยการที่บริษัทจะเข้าไปดำเนินธุรกิจดังกล่าวนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ของบริษัท เพราะในอดีตบริษัทเคยดำเนินธุรกิจดังกล่าวและได้มีการหยุดดำเนินการ ซึ่งขณะนี้บริษัทมองว่าธุรกิจดังกล่าว ยังมีการเติบโตที่สูง
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่เข้าไปลงทุน ในธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ เพื่อที่จะสนับสนุนธุรกิจของบริษัท และมีความสามารถที่จะนำเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยล่าสุดบริษัทอนุมัติให้บริษัทย่อย คือ ไออีซี บิซิเนส พาร์ทเนอร์ส จำกัด ซึ่งจะจัดตั้งขึ้นใหม่ เข้าไปซื้อหุ้น บริษัท แอปพลิเคชั่น โฮสติ้ง เซอร์วิส จำกัด (A-HOST) จำนวน 53,900 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1,700 บาท รวมเป็นเงิน 91.63 ล้านบาท กำหนดชำระค่าหุ้น ในไตรมาส 1/49 ซึ่งถือ เป็นบริษัทที่ 2 ที่บริษัทเข้าไปลงทุน
"ราคาหุ้นละ1,700 บาท ซึงถือว่าเป็นราคาที่ต่ำ เพราะราคาหุ้นที่ปรึกษาทางการเงินได้มีการประเมิน ว่าราคาเหมาะสมที่ 2,300 บาท แต่บริษัทได้มีการเจรจาจึงซื้อได้ในราคา ที่ 1,700 บาท ต่อหุ้น"นายสุมิท กล่าว
สำหรับหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทที่ได้มีการขออนุมัติไว้ เพื่อจัดสรรหุ้น เพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง ขณะนี้บริษัทเหลือหุ้นเพิ่มทุนอีก 613 ล้านหุ้น ซึ่งบริษัทต้องการที่จะได้พันธมิตรเข้ามาถือหุ้นเป็นนักลงทุนต่างประเทศที่เป็นนักลงทุนสถาบัน และเป็นด้านนักลงทุนสถาบันการเงิน ซึ่งจะถือหุ้นของบริษัทในระยะยาวและจะไม่เข้ามาครอบงำของบริษัท
หลังจากที่บริษัทได้มีการจัดสรร หุ้นจำนวน 36.04 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5.55 บาท ให้กับ Nezu Asia Limited ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ดูแลบริหารจัดการกองทุนให้แก่นักลงทุน ในต่างประเทศในลักษณะของ Equity Hedge Fund โดยได้รับใบอนุญาต ให้ดำเนินธุรกิจ Investment Management จากฮ่องกง และนายนพพร เทพสิทธา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสการ จัดส่ง และส่งออกบริษัท ปูนซีเมนต์ นครหลวง จำกัด(มหาชน) เนื่องจาก สามารถช่วยเหลือให้คำแนะนำและวางแผนการดำเนินโครงการการด้าน พลังงาน ซึ่งจะชำระเงินค่าหุ้นใน วันที่ 17 ม.ค.นี้
"การที่นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัท เพราะมองเห็นศักยภาพของบริษัทในอนาคตไม่ได้มองแค่ขณะนี้จึงเข้ามาซื้อหุ้น ถึงแม้ขณะนี้บริษัทจะมีกำไรแค่นิดหน่อย"
นายสุมิท กล่าวว่า ขณะนี้บริษัท มีความสามารถที่จะจ่ายเงินปันผลให้ กับผู้ถือหุ้นได้แล้ว เพราะบริษัทได้มีการล้างขาดทุนสะสมรวมที่มี 624 ล้านบาท เมื่อไตรมาส 4/48 โดยการ นำส่วนเกินมูลค่าหุ้นจำนวน 1,116 ล้านบาท ซึ่งหลังการล้างขาดทุนสะสมบริษัทมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นอีก 492 ล้านบาท ทำให้บริษัทสามารถที่จะจ่ายเงินปันผลของผลประกอบการปี 2549 ซึ่งบริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผล 40-50% ของกำไรสุทธิ แต่จะจ่ายได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับผลประกอบการปีนี้
ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้จำนวน 6,224 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ จากธุรกิจของบริษัทหลังปรับโครง สร้างไม่รวมธุรกิจใหม่ที่จะเจรจาได้ โดยปี 2548 ที่คาดมีรายได้ 5,200 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงาน 2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีผล ขาดทุน 94 ล้านบาท จากการที่บริษัท ได้มีการเพิ่มยอดขายโทรศัพท์เคลื่อน ที่โดยการเพิ่มและขยายช่องท่างการจัดจำหน่ายของบริษัท
นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ 3 สาย คือ ธุรกิจ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจวิศวกรรม และธุรกิจไอที ให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เช่น ในธุรกิจมือถือจะรุกด้าน Total Information & Communications Solutions และ จะมีการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์มากขึ้นเป็น 700 ราย จากเดิม 500 ราย ให้ครอบคลุม 70% ของประเทศ รวมถึงคงจะมีการ พัฒนาธุรกิจสายใหม่ขึ้น คือ ธุรกิจ non voice service ซึ่งจะทำให้บริษัทเป็นผู้ให้บริการระบบสื่อสารแบบครบวงจร
สำหรับการที่หุ้นของบริษัทได้มี การถูกห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบ ราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์ เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) หลายครั้งนั้น ซึ่งถือเป็น หน้าที่ของ ตลท.ที่จะต้องปกป้องนักลงทุนเมื่อเห็นการซื้อขายมีความผิดปกติ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
อย่างไรก็ตาม เมื่อหุ้นของบริษัท ถูกสั่งห้ามก็มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนใน หุ้นบริษัท ซึ่งนักลงทุนดังกล่าวถือว่า เป็นนักลงทุนที่แท้จริงไม่ได้เข้ามาเล่น แบบเก็งกำไร เพราะนักลงทุนที่มีการ แบบ Net Settlement และ Margin Trading เป็นนักลงทุนรายย่อย
ทั้งนี้บริษัทก็มีหน้าที่ที่จะชี้แจง ข้อมูลและดำเนินธุรกิจให้มีความโปร่งใส ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทอาจจะไม่ค่อยมีการออกสื่อว่าขณะนี้บริษัทได้มีการดำเนินการอะไรบ้าง
ด้านนายศรายุทธ กอุพาณิชานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IEC กล่าวว่า บริษัทได้มีการชำระคืนหนี้วงเงิน 415 ล้านบาท และโอนส่วนเกินมูลค่า หุ้นบางส่วนมาชดเชยการขาดทุนสะสม ของบริษัทจำนวน 624 ล้านบาท เหลือ ส่วนเกินมูลค่าหุ้นอีก 492 ล้านบาท ซึ่งหากผลการดำเนินงานในปีนี้มีกำไร บริษัทมั่นใจว่าจะจ่ายเงินปันผลในอัตราร้อยละ 40-50 ของกำไรสุทธิ
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ให้ IEC ชี้แจงข้อมูล เพิ่มเติมมายังตลาดหลักทรัพย์ภายใน วานนี้(12 ม.ค.) ดังนี้ 1)ผู้ถือหุ้นของ A-HOST กรณีเป็นนิติบุคคลให้ระบุ Ultimate shareholders และความ สัมพันธ์กับ IEC 2)มูลค่าตามบัญชี ต่อหุ้นของ A-HOST (ณ 30 ก.ย. 48) 3)สรุปประมาณการงบการเงินของ A-HOST ในช่วงปี 2549-2553 พร้อมทั้งระบุแหล่งที่มาของกระแสเงินสดที่บริษัทคาดว่าจะได้รับจาก A-HOST ในช่วงปี 2549-2553
นางสาวอัจฉราภรณ์ ปรีชา กาญจนดิษฐ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(MSC) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า ตามที่บริษัทได้ขายหุ้นบริษัท แอพพลิเคชั่น โฮสติ้ง เซอร์วิส จำกัด นั้นซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทนั้น โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทแอพพลิเคชั่น โฮสติ้ง เซอร์วิส จำกัด ประกอบด้วย นายบุญประสิทธิ์ ตั้งชัยสุข ถือหุ้น 30%, นายสุชัย เย็นฤดีถือหุ้น 5%, นายณรงค์ จารวุจนะ, นายธวิช จารวุจนะ และนายอนันต์ ลี้ตระกูล ถือหุ้นคนละ 1 หุ้นหรือ 0.0009% โดยทั้ง 3 คนเป็นกรรมการบริษัท
นายขจรชัย ตั้งชัยสุข ถือหุ้น 1%, นายประสงค์ เอื้อสุริยนันท์ ถือหุ้น 3%, บริษัทเมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้น 51% และบริษัทอินโนเวทีฟบิสซิเนส เวนเจอร์ ถือหุ้น 10%
ส่วนมูลค่าหุ้นของบริษัท แอพพลิเคชั่น โฮสติ้ง เซอร์วิส จำกัด โดยราคาตามมูลค่าหุ้น ได้กำหนด หุ้นละ 100 บาท ราคาตามบัญชีหุ้นละ 534.05 บาท โดยราคาขายหุ้นในราคา หุ้นละ 1,700 บาทเป็นราคาที่ประเมิน โดยบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทอินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ซื้อ ซึ่งคณะ กรรมการบริษัทฯได้พิจารณาแล้วเห็น ว่าราคาดังกล่าวเป็นราคาที่เหมาะสม จึงมีมติอนุมัติให้ขายหุ้นในราคาดังกล่าว
|