|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แอลจีเสริมไลน์อัพเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ 49 รุ่น ตอบสนองตลาดทุกเซกเมนต์หวังชิงความเป็นผู้นำตลาดจากมิตซูบิชิ พร้อมรุกตลาดเชิงพาณิชย์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Best of From & Function พร้อมพัฒนาร้านค้าไปสู่การเป็น LG Art Cool Air Gallery เพื่อเจาะตลาดพรีเมี่ยม ล่าสุดเตรียมเซ็นสัญญาแดจังกึมเป็นพรีเซ็นเตอร์ช่วยสร้างแบรนด์ หวังเบียดผู้นำตลาดอย่างมิตซูบิชิที่ยืนหยัดในตลาดมากว่า 35 ปี ในขณะที่แอลจีเพิ่งทำตลาดได้เพียง 4 ปีเท่านั้น
ความสำเร็จของเครื่องปรับอากาศแอลจีในระดับโลกที่สามารถสร้างยอดขายสูงสุดเป็นระยะเวลา 6 ปีติดต่อกัน เป็นตัวผลักดันที่ทำให้เครื่องปรับอากาศแอลจีในหลายประเทศต่างพยายามครองความเป็นผู้นำในประเทศนั้นๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งปัจจุบันแอลจีสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำ 3 อันดับแรก ภายในเวลา 4 ปี โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปีที่ผ่านมาเป็น 16% ในปีนี้ พอๆกับพานาโซนิค ในขณะที่ซัยโจเดนกิที่เคยอยู่อันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 20% มีผลการดำเนินงานที่แผ่วลงไป ส่วนมิตซูบิชิยังสามารถครองความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างต่อเนื่องโดยมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 25-30% จากตลาดรวมที่มี 650,000 เครื่องหรือคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 13,000 ล้านบาท
การแข่งขันสำหรับตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศไทยในช่วง 2 ปีหลังหลายค่ายต่างหันมาให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นด้านสุขภาพ มีระบบฆ่าเชื้อโรค ฟอกอากาศ เช่น ซิลเวอร์นาโนของซัมซุง นีโอพลาสม่าของแอลจี โอทูพลัสของพานาโซนิค ชาร์ปมีพลาสม่าคลัสเตอร์ ซัยโจเดนกิก็มีระบบฟอกอากาศเอพีเอส ส่วนผู้นำตลาดอย่างมิตซูบิชิก็มีซัพพลีเมนต์แอร์ หรือแม้แต่ยอร์คที่ทำตลาดโครงการก็หันมาทำตลาดแอร์บ้านโดยมีเทคโนโลยีนาโนทีโอทูที่ตอบสนองด้านสุขภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเพื่อหนีคู่แข่งที่เล่นสงครามราคา ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อซาร์สและไข้หวัดนกทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจในเครื่องปรับอากาศที่มีฟังก์ชั่นในการกำจัดเชื้อโรคในอากาศมากขึ้น
แม้ตลาดเครื่องปรับอากาศจะมีการแข่งขันที่รุนแรงแต่ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าประเทศไทยมีอัตราการถือครองเครื่องปรับอากาศต่อครัวเรือนเพียง 11% เท่านั้น นั่นหมายความว่ายังมีโอกาสทางการตลาดอีกมากที่จะทำให้ตลาดมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่นจะพบว่าประชากรมีเครื่องปรับอากาศทุกครัวเรือนและมีกันทุกห้อง ในขณะที่เมืองไทยนอกจากจะมีไม่กี่ครัวเรือนแล้ว บ้านที่มีเครื่องปรับอากาศก็ไม่ได้มีทุกห้อง เรียกได้ว่าตลาดยังห่างไกลจากจุดอิ่มตัว
แต่ทั้งนี้การทำตลาดเครื่องปรับอากาศในระดับครัวเรือนยังมีอุปสรรคในเรื่องของกำลังซื้อที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันและความผันผวนทางเศรษฐกิจ รวมถึงสภาพอากาศในบางปีที่หนาวนานกว่าปกติก็จะขายได้น้อย ในขณะที่การโปรโมทเครื่องปรับอากาศมักจะทำก่อนที่ฤดูร้อนจะมาถึงเนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องใช้เวลาในการติดตั้ง แต่ถ้าในช่วงดังกล่าวมีอากาศที่หนาวก็จะทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อออกไป งบที่โปรโมทก็จะสูญเปล่า ดังนั้นแอลจีจึงหันมาให้ความสำคัญกับการรุกตลาดเชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน หรือ โครงการต่างๆซึ่งต้องติดตั้งระบบปรับอากาศไม่ว่าจะหนาวหรือร้อนก็ตาม ประกอบกับการที่ก่อนหน้านี้มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นมากมายซึ่งหลายโครงการก็ยังไม่ได้ติดตั้งระบบเครื่องทำอากาศภายในอาคาร อีกทั้งยังเป็นตลาดที่สร้างมูลค่าในการขายสูงกว่าตลาดครัวเรือนหลายเท่า จึงเป็นโอกาสที่แอลจีจะสร้างยอดขายเพื่อครองความเป็นผู้นำตลาดในทุกเซกเมนต์
ในปีที่ผ่านมาซัมซุงซึ่งถือว่ายังใหม่ในตลาดนี้มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 5% ก็มีการพัฒนาช่องทางขายเพื่อเจาะตลาดโครงการโดยเฉพาะเนื่องจากปีที่ผ่านมามีโครงการอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นมากกว่า 40,000 ยูนิต ประกอบกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่หันมาพักในคอนโดมิเนียมมากขึ้นจึงถือเป็นตลาดที่น่าสนใจโดยซัมซุงจะติดต่อกับเจ้าของโครงการเพื่อติดตั้งเครื่องปรับอากาศในแต่ละห้อง เรียกได้ว่าถ้าได้ 1 โครงการก็สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่าตลาดครัวเรือนเป็นสิบเป็นร้อยเท่า
อย่างไรก็ดีแอลจีก็ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดเครื่องปรับอากาศในครัวเรือนเพียงแต่จะให้ความสำคัญกับรุ่นไฮเอนด์มากขึ้นเนื่องจากสร้างกำไรได้มากกว่ารุ่นโลว์เอนด์ที่ใช้ในการแข่งขันด้านราคากับคู่แข่ง
ปีนี้ถือเป็นปีที่แอลจีมีการออกเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ๆมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยปีที่แล้วแอลจีมีเครื่องปรับอากาศในตลาดเพียง 17 รุ่นเท่านั้น แต่ในปีนี้มีสินค้ารุ่นใหม่มากถึง 49 รุ่น เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของตลาดโดยเป็นเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์สำหรับลูกค้าโครงการ 26 รุ่น เครื่องปรับอากาศในครัวเรือน 23 รุ่น ซึ่งยังแยกย่อยเป็นรุ่นต่างๆอีก 3 หมวดคือ Jet Cool เป็นเครื่องปรับอากาศรุ่นที่มีราคาถูกเจาะตลาดระดับล่าง Neo Plasma เป็นรุ่นที่มีฟีเจอร์ตอบสนองต่อคนที่รักสุขภาพ และรุ่น Art Cool ซึ่งเป็นระดับไฮเอนด์ที่มีทั้งเทคโนโลยีทำความเย็นและการดีไซน์ที่ทำให้เป็นเสมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในห้องนั้น
Best of From & Function เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ของแอลจีในการทำตลาดปีนี้ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากนโยบาย Move Up to Hi-end ที่แอลจีประกาศเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพื่อยกระดับและสร้างมูลค่าให้กับสินค้าของแอลจี โดยจะเน้นสินค้าที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงและการดีไซน์ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งถ้าเป็นเครื่องปรับอากาศในครัวเรือนก็จะเห็นได้ชัดในรุ่น Art Cool ที่เป็นศิลปะแห่งความเย็นสามารถเปลี่ยนหน้ากากเป็นลวดลายต่างๆได้
ส่วนเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์นั้น แอลจี จะเน้นเทคโนโลยีระบบความเย็นมากกว่าการขายเป็นรายยูนิตโดยจะมีทุกรูปแบบที่สอดคล้องกับการใช้งานของอาคารสำนักงาน โรงแรม และโครงการต่างๆ ทั้งที่ใช้กับห้องโถงใหญ่ หรือกระจายความเย็นไปตามส่วนต่างๆของอาคารซึ่งมีการดีไซน์เพื่อซ่อนท่อส่งความเย็นทำให้เพดานดูเป็นระเบียบ และยังเน้นในเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงาน ความประหยัดไฟ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อของลูกค้า ทั้งนี้ในการขยายธุรกิจสู่การทำระบบความเย็นนั้นแอลจียังจะต้องแข่งขันกับยักษ์ใหญ่คือ แคร์เรีย ยอร์ค และเทรน แต่แอลจีมีความได้เปรียบในเรื่องราคาเนื่องจากมีการเพิ่มไลน์การผลิตระบบปรับอากาศเชิงพาณิชย์ในเมืองไทยทำให้มีราคาถูกกว่าคู่แข่งที่ต้องนำเข้า
ปัจจุบันแอลจีมีกำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศในครัวเรือนปีละ 2 ล้านเครื่อง ส่วนการผลิตเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ผลิตได้ 300,000 เครื่อง โดยจะเป็นการส่งออก 80%
นอกจากการออกสินค้ามากกว่าทุกปีที่ผ่านมาแล้ว ปีนี้เครื่องปรับอากาศแอลจียังใช้งบมากกว่าปีที่แล้วเป็นเท่าตัวจาก 100 ล้านบาท เพิ่มเป็น 200 ล้านบาท โดยจะมีการพัฒนาช่องทางจำหน่ายที่มีศักยภาพเพื่อรองรับตลาดระดับไฮเอนด์โดยใช้ชื่อว่า LG Art Cool Air Gallery ซึ่งปัจจุบันมี 4 แห่งและจะขยายให้ครบ 70 แห่ง โดยจะมีการทำ In Store Promotion เพื่อเจาะลูกค้าระดับพรีเมี่ยม ทั้งนี้หลังการพัฒนาช่องทางที่เป็นแกลเลอรี่แล้วแอลจีคาดว่าจะสามารถผลักดันให้สินค้าไฮเอน์มีสัดส่วนที่สูงขึ้นได้
อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้มิตซูบิชิก็มีการพัฒนาดีลเลอร์ให้เป็นร้านค้าเฉพาะโดยใช้ชื่อว่า มิตซูบิชิอีเล็คทริคพลาซ่าและมิตซูบิชิ ชอป ซึ่งบริษัทจะมีการสนับสนุนข้อมูลและส่งเสริมการขายให้กับร้านค้ากว่า 400 ร้าน ขณะที่พานาโซนิคก็มีการจัดกิจกรรมโรดโชว์ในพื้นที่ของดีลเลอร์เพื่อดึงดูดลูกค้า ส่วนซัมซุงซึ่งมีดีลเลอร์กว่า 400 รายก็พยายามแสวงหาดีลเลอร์เพิ่มขึ้นอีก 10%
ทั้งนี้ด้วยความที่แอลจียังถือว่าเป็นน้องใหม่ในตลาดนี้จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างแบรนด์ให้หนักกว่าคู่แข่ง ดังนั้นทางบริษัทจึงมีการดึง ลี ยอง เอ นางเอกซีรี่ส์เกาหลีชุดแดจังกึมมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ซึ่งคาดว่าโฆษณาชุดแรกจะออกอากาศในเดือนมีนาคมนี้
"ความสำเร็จของแอลจีเกิดจากการออกแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาศักยภาพในการผลิต และการปรับโครงสร้างธุรกิจให้สามารถรองรับความต้องการของตลาด เช่น การขยายตลาดจากครัวเรือนมาสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ที่ให้มูลค่าที่สูงกว่า สำหรับยอดขายเครื่องปรับอากาศในปีนี้เราคาดว่าจะสามารถทำได้ 3,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 1,800 ล้านบาทคิดเป็นการเติบโต 80%" อลงกรณ์ ชูจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายขาย แอลจีมิตร อีเลคทรอนิคส์ กล่าว
|
|
|
|
|