ผู้บริหารจีสตีล ฟุ้งรายได้ปี 51 กระโดด 3 เท่า เป็น 7 หมื่นล้านบาท หลังเพิ่มกำลังการผลิตใช้เงิน 1.2 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินสายโรดโชว์ขายหุ้นเพิ่มทุนที่สิงคโปร์ ชี้แค่ 1.5 พันล้านหุ้น เพราะเงินทุนเพียงพอ และไม่ต้อง การให้ผู้ถือหุ้นเดิมลดสัดส่วนมากนัก เซ็นอันเดอร์ไรต์วันนี้ เปิดจองหุ้น 17-20 ม.ค. เทรด 25 ม.ค. โบรกฯเผยเหตุจีสตีลได้เงินกู้ระยะยาวจากต่างประเทศทำให้ไม่ต้องระดมทุนถึง 2 พันล้านหุ้นตาม เป้าหมายเดิม ปี 48 โชว์กำไร 2.7 พันล้าน
นายเรียวโซ โอกิโน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีสตีล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 2551 เพิ่มขึ้น 3 เท่า หรือประมาณ 70,000 ล้านบาท จากปี 2549 ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 5-10% จากปี 2548 ที่มีรายได้ 20,000 ล้าน บาท เนื่องจากบริษัทได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตจาก 1.8 ล้านตันต่อปี เป็น 3.4 ล้านตันต่อปี โดยเป็น การเพิ่มกำลังการผลิตในเหล็กที่มีคุณภาพสูงเป็น 40% จากขณะนี้ที่ 10% ประกอบด้วยเหล็กรีดร้อนที่ผ่านการรีดปรับคุณภาพผิว, เหล็ก รีดร้อนที่ผ่านการกัดล้างผิวและเคลือบน้ำมัน เพราะมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าเหล็กคุณภาพทั่วไปประมาณ 10-15% โดยเหล็กคุณภาพ สูงจะจำหน่ายในธุรกิจรถยนต์
"รายได้ปี 2548 ที่ 20,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นไปตามเป้าที่บริษัทวางไว้ และมีกำไรที่ดีจาก 9 เดือนปี 2548 บริษัทมีรายได้ 17,768 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,009 ล้านบาท จากที่ผู้ประกอบการเหล็กราย อื่นมีผลขาดทุน เพราะบริษัทมีการ บริหารจัดการที่ดี มีการควบคุ้มค่า ใช้จ่ายการดำเนินงาน และบริษัทมีเทคโนโลยีที่ดีจากประเทศญี่ปุ่น โดยการสนับสนุนของ กลุ่มซูมิโตโม โดยปี 2549 บริษัทมีรายได้โต 5-10% จากการผลิตเหล็กคุณภาพสูงเป็นกว่า 10% จากปีที่ผ่านมาที่ 10%"นายเรียวโซกล่าว
สำหรับเงินลงทุนในการเพิ่มกำลังการผลิตเหล็กรีดร้อนและลงทุนเพื่อเพิ่มสายการผลิตในเหล็ก คุณภาพสูง จะใช้เงินลงทุนจำนวน 320 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากการขายหุ้นกู้ให้กับต่างประเทศ จำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 4,000 ล้านบาท เงินที่ได้จากการเสนอ ขายหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 60 ล้านเหรียญสหรัฐ และจากผลการดำเนินงานของบริษัทซึ่งในแต่ละปีอยู่ที่ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึง เงินกู้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา หาแหล่งเงินทุน ขณะนี้บริษัทมีหนี้สินต่อทุน (D/E) 0.25 เท่า ซึ่งยังมีความสามารถกู้ยืมเงินอีกมาก
นายเรียวโซ โอกิโน กล่าวว่า การที่บริษัทมีการลดสัดส่วนการขายหุ้นเพิ่มทุนจากเดิมที่จะขาย 2,000 ล้านหุ้น เนื่องจากบริษัทมีเงินทุนเพียงพอในการขยายงานและบริษัทไม่ต้องการที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมมีการลดสัดส่วนการถือหุ้นมากนัก ซึ่งนักลงทุนต่างชาติก็ต้องการที่จะซื้อหุ้นเพิ่ม แต่บริษัทก็ไม่ต้องการที่จะขายหุ้นเพิ่ม
ทั้งนี้ บริษัทคาดอุตสาหกรรม เหล็กปีนี้จะโต 6-8% เนื่องจากปีนี้ในช่วงเดือนมิถุนายน รัฐบาลจีนจะมีการสั่งปิดโรงงานเหล็กที่ไม่ได้คุณภาพลง ทำให้กำลังการผลิตเหล็กลดลง 60-80 ล้านตัน ที่ประเทศจีนมีกำลังการผลิตเหล็ก 250 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะทำให้ความ ต้องการเหล็กที่เพิ่มขึ้น และส่งผลดีต่อบริษัทที่จะมีการเพิ่มกำลังการ ผลิต สำหรับราคาเหล็กในปี 2549 คาดว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 10-20% จาก 400-450 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายเล็ก สิขรวิทย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัท จีสตีล จะเดินทางไปนำเสนอข้อมูลในการเสนอขายหุ้นแก่นักลงทุนต่างประเทศในแถบเอเซีย ที่ประเทศสิงคโปร์ กับนักลงทุนต่างประเทศ โดยประเทศ แรก คือ สิงคโปร์
ทั้งนี้ จะเสนอขายหุ้นจำนวน 1,500 ล้านหุ้น แบ่งเป็นขายนักลงทุนในประเทศ 750 ล้านหุ้น นักลงทุนต่างประเทศ 750 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยมีช่วงราคาหุ้นที่ 1.55-1.70 บาท โดยจะมีการกำหนดราคาเสนอขาย หุ้นได้ในวันที่ 19 ม.ค.
บริษัท จีสตีล จะเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อหุ้นในวันที่ 17-18 ม.ค. และเปิดให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ 17-20 ม.ค. และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 25 ม.ค. 2549 โดยวานนี้(11 ธ.ค.)-19 ม.ค. จะเริ่มโรดโชว์หรือนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน
สำหรับวันนี้ (12 ม.ค) บริษัท จีสตีล จะมีการจัดงานเซ็นสัญญาการแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป
ด้านรายงานข่าวจากวงการโบรกเกอร์ กล่าวว่า ผลประกอบการภายในปี 2548 บริษัทมีกำไรสุทธิประมาณ 2.7 พันล้านบาท ซึ่ง ถือว่าเป็นระดับที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก บริษัทมีระบบการจัดเก็บสต๊อกที่ดี ซึ่งระดับราคาจองที่จะเสนอขายหุ้น นั้นคาดว่าจะมีค่าพี/อี เรโชประมาณ 6.5 เท่า และบริษัทมีมูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ในระดับ 2.50 บาทต่อหุ้น
|