Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 มกราคม 2549
ไทยพาณิชย์ตั้งเป้าผงาดเบอร์1 บุกกองทุนหุ้น-ตราสารหนี้รัฐ             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด

   
search resources

Funds
ไทยพาณิชย์, บลจ.




บลจ.ไทยพาณิชย์ประกาศลั่นขอเป็นเบอร์หนึ่งธุรกิจกองทุนรวม แซงแชมป์ เก่าบลจ.กสิกรไทย หลังสินทรัพย์ทะลุ 1.1 แสนล้านบาท มาร์เกตแชร์ขยับขึ้นเป็นเบอร์สอง ปี 49 ประกาศบุกกองทุนหุ้น-ตราสารหนี้ภาครัฐ พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ และกองทุนรวมลงทุนต่างประเทศ (FIF) คาด NAV อยู่ที่ระดับ 1.2 แสนล้านบาท ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 3 แสนราย

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวย การ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปีนี้ว่า บริษัทตั้งเป้ารักษาระดับมูลค่า ทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ภายใต้การอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 113,824 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) อันดับที่ 2 รองจาก บลจ.กสิกรไทยที่ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1

สำหรับสาเหตุที่ในปีนี้ตั้งเป้าไว้ 1.2 แสนล้าน บาท เนื่องจากมีกองทุนตราสารหนี้รัฐบาลที่ครบ อายุ ส่งผลให้ต้องเร่งรักษาฐานลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ไว้ และเปิดตัวกองทุนใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหาร

"ในปีนี้เราตั้งเป้าหมายขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจกองทุนรวม โดยบริษัทจะให้น้ำหนักกับกอง ทุนหุ้นมากขึ้น ซึ่งเราเตรียมออกกองทุนหุ้นค้ำประกันเงินต้น ซึ่งได้มีการศึกษารูปแบบการจัดตั้งมาพอสมควร โดยจะผูกติดกับอนุพันธ์ นอก จากนั้น กองทุนตราสารหนี้ภาครัฐก็จะทำการออก อย่างต่อเนื่อง เพราะมีบางส่วนที่ครบอายุโครงการ ขณะเดียวกันในส่วนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บริษัทอยู่ระหว่างคัดเลือกสินทรัพย์ เพื่อจัดตั้งกองทุน และสุดท้ายกองทุนรวมลงทุน ในต่างประเทศ (FIF) บริษัทมีแผนออกเช่นเดียวกัน เพื่อเพิ่มขนาดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิให้ได้ตามเป้า" นายอดิศรกล่าว

สำหรับภาพรวมการบริหารกองทุนของบริษัทในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร 113,824 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 42,989 ล้านบาท หรือเติบโต 165% ทำให้มาร์เกตแชร์ของบริษัทขยับมาเป็นอันดับสองรอง จากบลจ.กสิกรไทย โดยคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 14.76% สูงขึ้นจากปี 2547 ที่มีส่วนแบ่งตลาดในอันดับ 5 หรือ 8.86%

นายอดิศร กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการในปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 51,850 ล้านบาท หรือเติบโต 290% จากปี 2547 ที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 13,297 ล้านบาท และกอง ทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาลที่เปิดขายในปีที่แล้วมีขนาดสินทรัพย์รวมอีก 40,000 ล้านบาท นอกจากนี้ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของบริษัทยังได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ณ สิ้นปี 2548 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 3,727 ล้านบาท มีมาร์เกตแชร์อันดับหนึ่งในธุรกิจกองทุนรวม

"แผนการดำเนินงานหลักๆ ในปีนี้ เราให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้า ซึ่งปัจจุบันเรามีฐานลูกค้าประมาณ 1 แสนราย และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3 แสนรายในสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกันเราจำเป็นต้องเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า และสร้างความผูกพันกับลูกค้ามากขึ้นเช่นเดียวกัน" นายอดิศรกล่าว

เขากล่าวต่อว่า ธุรกิจกองทุนรวมยังมีโอกาสขยายตัวได้อีก โดยฐานลูกค้าของบริษัทที่มีอยู่ 1 แสนรายในปัจจุบัน ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับฐานลูกค้าเงินฝากของธนาคารไทยพาณิชย์ที่มีกว่า 6-7 ล้านคน และกลุ่มลูกค้าที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมมีประมาณ 7 แสนรายเท่านั้น หากเทียบกับฐานลูกค้าเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบที่มี 10-20 ล้านบาท ทำให้เห็นช่องในการขยายตัวของธุรกิจกองทุนรวม อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าแนวโน้มธุรกิจ กองทุนรวมในปีนี้อัตราการขยายตัวมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารของบลจ.ทั้งระบบคาดว่าจะขยายตัวประมาณ 10% เท่านั้นในปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวกว่า 59% เมื่อเทียบกับปี 2547 โดยปี 2548 บลจ. ทั้งระบบมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 771,150 ล้านบาท

ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้อัตราการขยายตัวของกองทุนรวมมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนมีทางเลือกการลงทุน ที่หลากหลาย เพราะดอกเบี้ยเงินฝากเริ่มขยับ ขณะเดียวกันการแข่งขันในธุรกิจกองทุนรวมในปีนี้คาดว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะบลจ.ขนาดกลางและเล็กจะเข้ามาเจาะกลุ่มฐานลูกค้าเงินฝากมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้อง ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ด้วยการจัดทำกิจกรรมการตลาด โฆษณาและประชาสัมพันธ์ กองทุนมากขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us