|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
หุ้นไทยโชว์ภาพรับมุกนายกฯประกาศทิศทางเศรษฐกิจ-การเมืองไทยต่อนักธุรกิจ ตีขึ้นมาปิดบวก 4 จุด เหมือนเดิมลุ้นเมกะโปรเจกต์ชัดเจน 26 ม.ค.นี้ ด้านเงินต่างประเทศเก็บเพิ่มอีก 1.6 พันล้าน บิ๊ก กองทุนเชื่อปีนี้ได้เห็น 800 จุด เหตุต่างประเทศมีต้นทุนดัชนี 730 จุดโดยประมาณ ด้านคนวงการหุ้น ชี้หุ้นขึ้นจากปลายปีถึงต้นปี 49 ร่วม 100 จุดผิดปกติ สวนความรู้สึกคน-การค้าที่ยังลำบาก จีดีพี 5% ไม่มีความหมาย ย้อนอดีตโต 7% หุ้นยังย่ำอยู่ที่เดิม
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (11 ม.ค.) ในช่วงเช้าดัชนีปรับตัวลดลงค่อนข้างรุนแรงก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงบ่ายหลังจากนายกรัฐมนตรีให้ความมั่นใจต่อนักธุรกิจชั้นนำของประเทศกว่า 480 คน เกี่ยวกับภาพเศรษฐกิจและการเมืองของไทยในปี 2549 ไม่มีอะไรน่าห่วง ทำให้ดัชนีปิดที่ 764.01 จุดเพิ่มขึ้น 4.69 จุดหรือ 0.62% ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัน ขณะที่จุดต่ำสุดอยู่ที่ 750.67 จุด มูลค่าการซื้อขาย 32,515.65 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,633.48 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,668.58 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 35.11 ล้านบาท
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ผันผวน โดยในช่วงเช้า ที่นักลงทุนมีการขายทำกำไรทำให้ดัชนีปรับตัวลดลง หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายก-รัฐมนตรี มีการแถลงนโยบายเศรษฐกิจปี 2549 ให้กับนักธุรกิจฟัง ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังคงซื้อหุ้นไทย ต่อเนื่อง ถึงแม้ค่าเงินสหรัฐฯมีการแข็งค่าขึ้นแต่เชื่อว่าจะแข็งค่าในช่วงสั้นๆ เพราะในระยะยาวค่าเงินของประเทศในแถบเอเชียจะยังคงแข็งค่าขึ้น โดยคาดว่านักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่องไปอีก 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อรอในเรื่องผลประกอบการและการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่า จะมีการแกว่งตัวประมาณ 10 จุด โดยมองแนวรับที่ 756-758 จุด แนวต้าน 768-770 จุด ซึ่งยังคงมีการคัดค้านในเรื่องการเปิดเสรี (FTA) กับสหรัฐฯ และยิ่งเข้าใกล้วันศุกร์ ภาวะตลาดก็จะยิ่งผันผวนจากที่จะมีการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้อำนวยการ อาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทีเอสอีซี จำกัด กล่าวว่า ตลาดยังสามารถยืนบวกได้หลังจากที่นักลงทุนเล่นเก็งกำไรอีกรอบ ซึ่งในช่วงบ่าย ค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในแดนบวก ซึ่งก็เป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังมีเม็ดเงินไหล เข้ามาหนาแน่น ด้านมูลค่าการซื้อขายอาจชะลอลง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มีหุ้นอยู่ในมือมากแล้ว และเตรียมที่จะรอขาย
ทั้งนี้ นักลงทุนหันมาเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กและขนาดกลางแทนหุ้นขนาดใหญ่ ที่หุ้นกลุ่มหลักอย่าง ธนาคารพาณิชย์ และสื่อสาร ชะลอลง ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีการเก็งกำไรเข้ามา เนื่องจากความแน่ชัดเรื่องของเมกะ-โปรเจกต์ซึ่งมีเข้ามาเพิ่มเติมจากการแถลงของนายกรัฐมนตรี
โดยเมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ประกาศเดินหน้าผลักดันเศรษฐกิจไทย โดยตั้งเป้าว่าจีดีพีต้องโตเกินกว่า 5% ในปีนี้ และพร้อมจะแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่อการทำธุรกิจอย่างเต็มที่ และจะประกาศรายละเอียดโครงการ เมกะโปรเจกต์อย่างชัดเจน 26 ม.ค.และมีความเชื่อมั่นว่าปี 2549 เศรษฐกิจจะมีอัตราการเติบโต มากกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน ส่งผลให้นักลงทุน มีความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจ ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
สำหรับวันนี้ (12 ม.ค.) ตลาดยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางและเล็กอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ต้องจับตาดูว่ามีเม็ดเงินไหลเข้ามาหรือไม่ เนื่องจากในช่วงสุดสัปดาห์สหรัฐฯจะมีการประกาศตัวเลขดัชนีผู้ผลิตและผู้บริโภค ซึ่งเป็นส่วนที่กำหนดทิศทางของค่าเงินดอลลาร์ว่าจะแข็งหรืออ่อนค่าลง โดยประเมินแนวรับที่ 750 จุด และแนวต้านที่ 766-770 จุด
กองทุนเชื่อเห็น 800 จุด
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงก่อนวันตรุษจีนจากการวิเคราะห์ ทางเทคนิคมีโอกาสเห็นดัชนีทะลุ 800 จุด อย่างไรก็ตาม หลังจากตรุษจีนโอกาสที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงแรงก็มีเช่นเดียวกัน
นายชูเกียรติ ธิติหิรัญเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้คาดว่า ดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 740-760 จุด ถือเป็นระดับที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองสัปดาห์ ตั้งแต่ต้นปี แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติมีเข้ามาอย่างหนาแน่นคิดเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าต้นทุนของนักลงทุนต่างชาติน่าจะอยู่ในช่วงดัชนีตลาดหุ้นอยู่ที่ 730 จุด หากดัชนีไปทดสอบระดับ 780 จุด โอกาสที่จะเห็นนักลงทุน ต่างชาติขายทำกำไรถือว่ามีความเป็นไปได้สูง แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีนี้น่าจะมีโอกาสได้เห็นดัชนีขึ้นไปทดสอบระดับ 800-830 จุด
ขาดดุล-เมกะโปรเจกต์ตัวฉุด
สำหรับแนวโน้มที่หนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นไทย ในปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวต่อเนื่อง ความกังวลเรื่องการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดลง โดยคาดว่าดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯจะสูงสุดในครึ่งปีแรกของปีนี้ ขณะที่ค่าน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ 55-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรน นอกจากนี้ ค่า P/E ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีความน่าจูงใจในการลงทุน ส่วนหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจในการลงทุนประกอบด้วย กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหาร การนิคมอุตสาหกรรม พลังงาน และสื่อสาร
สำหรับปัจจัยลบที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นนายชูเกียรติกล่าวว่า ปัญหา การขาดดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัด อาจส่งผลให้มีการขายหุ้นออกมาบ้าง อย่างไรก็ตาม การขาดดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัดยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ที่บางส่วนอาจมีการเลื่อนระยะเวลาออกไป ซึ่งอาจกระทบการลงทุนบ้าง
หุ้นร้อนสวนความรู้สึกคน
ด้านแหล่งข่าวในวงการค้าหุ้น เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยที่ร้อนแรงขึ้นมาหากนับดัชนีช่วงปลายปี 2548 มาจนถึงขณะนี้รวมแล้วขึ้นเกือบ 100 จุดในเวลาอันสั้น ถูกตั้งข้อสังเกตว่าของจริง หรือเปล่าเพราะดัชนีตลาดหุ้นไทยเป็นเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจ แต่เมื่อดูสภาพเศรษฐกิจโดยรวมแล้วยังไม่พบว่ามีอะไรดีขึ้นจากเดิมมาก ๆ ชนิดหุ้นบูมหรือปรับตัวขึ้นแบบผิดหูผิดตาเช่นนี้
การฟื้นตัวของตลาดหุ้นครั้งนี้ยังไปขัดความรู้สึกชาวบ้านโดยทั่วไป จากที่มีการสำรวจโพลก่อนหน้า ซึ่งก็ยังออกมาว่าคนยังรู้สึกลำบาก จึงมีคำถามว่าที่หุ้นดีขึ้นนี่ใครดีขึ้นกันแน่ เพราะชาวบ้านยังลำบาก การค้าขายก็ไม่ได้ดีมาก
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในแง่ของจีดีพีที่รัฐบาลบอกว่าจะมีการเติบโต 5% ในปี 2549 ก็ไม่ใช่เป็นตัวเลขที่ดีมากจนสามารถผลักดันตลาดหุ้นไทยให้ขึ้นหวือหวาได้ ที่สำคัญยังมีคำถามว่าตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาไม่ว่าจีดีพีจะโต 7% หรือกี่เปอร์เซ็นต์ ดัชนีก็ไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือ 800 จุด
"แค่แตะ 800 จุดก็เหนื่อยแล้ว นี่จู่ๆ ร้อนแรงขึ้นโดยที่ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น นอกจากนี้ ปีนี้เศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยยังต้องอยู่กับอัตราเงินเฟ้อในระดับสูงอยู่"
การเข้ามาของเงินต่างประเทศรอบนี้จึงไม่แน่ใจว่าจะเป็นเงินต่างประเทศแท้จริงทั้งหมด ทำให้คาดว่าความร้อนแรงของตลาดหุ้นจะเป็นไปในช่วงสั้น และการที่ร้อนแรงแบบโอเวอร์จะต้องมีความผิดปกติซุกซ่อนอยู่บางอย่าง โดยที่นักลงทุนรายย่อยน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะไม่รู้วงในเหมือนนักการเมืองและนักลงทุนรายใหญ่ หากมีการผลักดันตลาดด้วยวิธีไม่ปกติจากรัฐบาลผลลัพธ์จะเป็นการทำร้ายตลาดหุ้นไทยภายหลัง
|
|
 |
|
|