ผู้บริหาร METRO ปรับเป้ายอดขายปี 49 โตขึ้นเกือบ 50% หลังรับข่าวดียอดรับรู้รายได้โครงการเซนต์หลุยส์ โครงการทาวน์เฮาส์ สุขุมวิท ยันมีกระแสเงินสดในมือถึง 1,000 ล้านบาท ระบุปีที่ผ่านมายอดขายเกินเป้าที่ตั้งไว้ 1,004 ล้านบาท
นายวีระ บูรพชัยศรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ METRO เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการปรับประมาณการยอดขายในปี 2549 เพิ่มขึ้น เป็นการเติบโตประมาณ 40-50% จากเดิมที่คาดว่า ยอดขายจะเติบโตประมาณ 15-20%
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากโครงการเซนต์ หลุยส์ และโครงการทาวน์เฮาส์ สุขุมวิท ซึ่งจะส่งผลให้ในปีนี้ บริษัทจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 1,400-1,500 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นในลักษณะทยอยรับรู้รายได้และรับรู้หมดในช่วงปลายปี 2549 นี้
ส่วนยอดขายในปี 2548 ถือว่าดีกว่า เป้าหมายที่เคยประมาณการยอดขายไว้ที่ประมาณ 1,004 ล้านบาท และคาดว่ามีกำไรสุทธิประมาณ 202 ล้านบาทนั้นจะเป็น ไปตามป้าหมาย เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับราคาขายคอนโดมิเนียมขึ้นเกือบ 20% ตั้งแต่ในช่วงปี 2548 ซึ่งเป็นไปตามราคาวัสดุที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นแต่สินค้าก็ถือว่ายังเป็นที่สนใจของผู้บริโภค ประกอบกับสินค้าของบริษัทถือว่ามีราคาถูกกว่าคู่แข่ง เพราะได้มีการซื้อวัสดุไว้ล่วงหน้าก่อน อีกทั้งยังมีการก่อสร้างและแล้วเสร็จก่อนคู่แข่งจึงถือว่าเป็นโอกาสที่จะมียอดขายที่ดี และมีการใช้งบโฆษณาที่น้อยลง โดยจะเป็นการบอกปากต่อปากมากกว่า
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการดำเนินงานรวม 3 ไตรมาสปี 49 บริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาฯ 553.41 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 164.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ในช่วงเวลาเดียวกัน 134.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 443.75% คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.10 บาท ขณะเดียวกันในปีนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการสาทร เทอเรส คอนโดมิเนียม พักอาศัยเกรดเอ ถนนสาทรใต้ติดสถานทูต ออสเตรเลีย และในไตรมาสที่ 2 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างอีก 2 โครงการใหม่ ติดถนนสาทรคือ โครงการคอนโดมิเนียม พักอาศัยเกรดเอ สาทร แกรนด์เทอเรส และโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ สาทร แกรนด์แมนชั่น
นายวีระ กล่าวต่อว่า การที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนั้น คาดว่าน่าจะเกิดจากยอดขายในปี 2549 ที่จะมีการเติบโตมากกว่าที่คาดไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตขึ้นประมาณ 40-50% ประกอบกับภาวะตลาดฯอยู่ในช่วงของ BULL MARKET จึงคาดว่าน่าจะมีส่วนที่ส่งผลให้ระดับราคาหุ้น METRO ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา
"ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นนั้นไม่ทราบว่าเกิด จากอะไร แต่อยากให้มองที่ผลประกอบการ เป็นหลักมากกว่า ซึ่งเรามีกระแสเงินสดในมืออยู่มาก ซึ่งหากเราไม่ทำอะไรเราจะมีกระแสเงินสดในมือมากกว่า 1,000 ล้าน บาท แต่ทั้งนี้ บริษัทก็ได้มีการนำกระแสเงินสดมาลงทุนในโครงการใหม่"
|