|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ซานมิเกล"ได้ฤกษ์เปิดเบียร์ยี่ห้อซานมิเกลสองตัวใหม่ ไลท์เบียร์โลว์แคลอรี-พาล พิลเซน ลงสมรภูมิเซกเมนต์ใหม่แข่งช้างไลท์ ชูราคากระป๋อง 30 บาทเท่าเบียร์สิงห์หวังเจาะคนรุ่นใหม่ "ไทยเบฟฯ"ลั่นช้างไลท์ลงตลาดตามแผน เย้ยมีความได้เปรียบด้านเอเยนต์ ระบุปีนี้เทรนด์ตลาดเบียร์เซกเมนต์ใหม่เกิดขึ้นเพียบ
แหล่งข่าวจากบริษัท ซานมิเกล เบียร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ บลู ไอซ์ และเรด ฮอต เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน"ว่าขณะนี้บริษัทได้เปิดตัวเบียร์ใหม่ 2 ตัว เบียร์ซานมิเกล ไลท์ เป็นเบียร์โลว์ แคลอรี มีปริมาณแอลกอฮอล์ 5% และเบียร์ซานมิเกล พาล พิลเซน (PALE PILSEN) ปริมาณแอลกอฮอล์ 5% ลงสู่ตลาดเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ โดยเริ่มวางจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น และร้านค้าปลีกโมเดิร์นเทรดและร้านค้าปลีกทั่วไป ทั้งบรรจุภัณฑ์กระป๋องและชนิดขวด
สำหรับเบียร์ทั้งสองตัวนี้ ถือว่าเป็นเบียร์เซกเมนต์ใหม่ในประเทศไทย บริษัทฯตั้งราคาจำหน่ายใกล้เคียงกับเบียร์เซกเมนต์สแตนดาร์ด อย่างบรรจุภัณฑ์กระป๋องจำหน่ายในราคาเดียวกับเบียร์สิงห์คือราว 30 บาท อย่างไรก็ตามการเปิดตัวเบียร์ใหม่ภายใต้แบรนด์ "ซานมิเกล" ในปีนี้ ถือว่าเป็นการประกาศรุกตลาดเบียร์อย่าง จริงจัง เพราะเป็นการนำชื่อแบรนด์ "ซานมิเกลฎมาทำตลาด หลังจากในปีที่ผ่านมาซานมิเกลได้เปิดตัวเบียร์บลูไอซ์และเรด ฮอต เบียร์นำร่องเพื่อทดลองตลาดไทยในช่วงแรกก่อนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การทำตลาดเบียร์อีก 2 ตัวในเครือ คือ บลู ไอซ์ ในเซกเมนต์สแตนดาร์ด และเรด ฮอตในเซกเมนต์อีโคโนมีนั้น บริษัทฯยังคงทำอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่ได้รับการตอบรับมากนัก โดยบริษัทฯยังผลิตเบียร์ป้อนตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างพอร์ตเบียร์ให้มีความหลากหลายครอบคลุมมากขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขันตลาดเบียร์ที่ต้องมีให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์
สำหรับเบียร์ "ซานมิเกล" เป็นเบียร์ที่ได้รับความนิยม และเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่วงการน้ำเมาในประเทศฟิลิปปินส์ โดยซานมิเกลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานี้ ด้วยการทุ่มงบกว่า 4,000 ล้านบาท ตั้งโรงงานในไทย เพื่อผลิตอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่นิคมอุตฯ อมตะนคร ต่อมาเข้ามาซื้อกิจการบริษัท ไทยอมฤต บริวเวอรี่ จำกัด
เบียร์ช้างข่มขวัญได้เปรียบเรื่องเอเยนต์
ด้านนายสมชัย สุทธิกุลพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ช้าง เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" กรณีที่คู่แข่งวางตลาดเบียร์ใหม่ก่อน ว่า สำหรับช้างไลท์จะเปิดตัวลงสู่ตลาดตามแผนที่วางไว้คือในไตรมาสแรกของปีนี้ การที่เปิดตัวก่อนหรือหลังนั้นไม่สำคัญอยู่ที่คุณภาพของสินค้าและการทำตลาด ซึ่งเบียร์ช้างถือว่ามีความได้เปรียบในด้านเอเยนต์ที่มีมากกว่า 2,000 ราย ส่วนในเรื่องราคาขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะสูงกว่าคู่แข่ง ที่ตั้งราคาไว้ที่ 30 บาทต่อกระป๋องหรือไม่
"การที่คู่แข่งลงมาเล่นในเซกเมนต์เดียวกับช้างไลท์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยสร้างตลาดให้เติบโตได้เร็วขึ้น เพราะเซกเมนต์นี้ เป็นเซกเมนต์ใหม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าแนวโน้มตลาดจะได้รับการตอบรับมากน้อยแค่ไหน โดยขณะนี้ เราไม่สามารถคาดเดาว่าเซกเมนต์ใหม่ปีนี้ จะเติบโตเท่าไร และมีมูลค่าเท่าไรด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการแข่งขันไลท์เบียร์ปีนี้ จะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงทุกช่องทางทั้งออนพรีมิสและออฟพรีมิส"
แนวโน้มตลาดเบียร์ในปีนี้จะมีเบียร์ใหม่ออกมาเรื่อยๆ ทำให้เกิดเซกเมนต์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเบียร์ปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำ อย่าง ไลท์ เบียร์ ถือว่าเป็นเซกเมนต์ที่มีมานานแล้วในต่างประเทศ ทั้งนี้การเปิดตัวไลท์ เบียร์ในไทย ก็เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้ดื่มที่หันมาดื่มเบียร์ดีกรีต่ำลง รวมทั้งตอบรับกับกระแสสังคม ขณะเดียวกันยังเป็นการขยายตลาดเบียร์ เพื่อหากลุ่มผู้ดื่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งหลักๆ เบียร์กลุ่มนี้เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน และคนรุ่นใหม่ที่เริ่มหัดดื่มเบียร์
ทั้งนี้ เหตุผลที่มีเซกเมนต์ใหม่เกิดขึ้นเป็นเพราะภาวะการแข่งขันตลาดมีความรุนแรงมากขึ้น แต่ละค่ายจะต้องมีเบียร์ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างเซกเมนต์ ใหม่ๆ เพื่อสร้างอัตราการเติบโตให้กับตลาดเบียร์โดยรวมมูลค่า 82,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ประมาณการว่าสภาพตลาดน่าจะทรงตัวหรือเติบโตเพียงเล็กน้อยประมาณ 2-3% เพราะมาตรการของภาครัฐ ขณะที่ตลาดเบียร์อีโคโนมี มูลค่า 69,700 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตน้อยมาก ส่วนพรีเมียมมูลค่า 7,380 ล้านบาท โตถึง 3% เป็นหลัก ส่วนตลาดสแตนดาร์ดมูลค่า 4,920 ล้านบาท หดตัว 3%
|
|
|
|
|