|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ธุรกิจน้ำผัก-ผลไม้นับว่าเป็นธุรกิจที่น่าจับตามอง และคาดว่าจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2549 ภายหลังจากที่ปี 2548 ที่ผ่านมาธุรกิจนี้ก็ประสบผลสำเร็จจากยอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นและมูลค่าการส่งออกที่มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น
เนื่องจากเริ่มมีอัตราการเติบโตดีขึ้นในปี 2548 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงคาดว่า มูลค่าตลาดน้ำผัก- ผลไม้ในปี 2549 จะมีทั้งสิ้น 3,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับในปี 2548 โดยแยกเป็นน้ำผัก-ผลไม้ 100% หรือตลาดระดับบนมูลค่า 2,400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 1,400 ล้านบาท เป็นน้ำผัก-ผลไม้ 40% หรือตลาดระดับกลาง และน้ำผัก-ผลไม้ 25% หรือตลาดระดับล่าง
โดยการเติบโตยังคงมาจากน้ำผัก-ผลไม้ 100% เป็นหลัก ซึ่งมีอัตราการขยายตัวประมาณ 18% โดยเฉพาะตลาดน้ำผัก-ผลไม้ 100% ประเภทพาสเจอไรซ์จะมีเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งประมาณ 10% ของมูลค่าตลาดน้ำผัก-ผลไม้ 100% ทั้งหมด ส่วนตลาดน้ำผัก-ผลไม้ระดับกลางและล่างนั้น มีอัตราการขยายตัวที่ไม่สูงนัก
ปัจจัยหนุนหลากหลายปัจจัยที่กระตุ้นการขยายตัวตลาดน้ำผัก-ผลไม้ในปี 2549 กล่าวคือกระแสผู้บริโภคหันมาใส่ใจในสุขภาพยังคงมาแรง ทำให้ผู้บริโภคเริ่มหันมาบริโภคน้ำผัก-ผลไม้มากขึ้นแทนการบริโภคชาเขียวและน้ำอัดลม
โดยตลาดชาเขียวพร้อมดื่มที่เคยเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมาจนสามารถแย่งลูกค้าบางส่วนจากน้ำผัก-ผลไม้นั้น คาดว่าในปี 2549 อัตราการขยายตัวของตลาดชาเขียวเริ่มจะชะลอตัวลง รวมทั้งตลาดเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน ทำให้คาดหมายว่าผู้ประกอบการในธุรกิจเครื่องดื่มจะเริ่มหันมาเพิ่มสายการผลิตเครื่องดื่มประเภทน้ำผัก-ผลไม้ ทำให้คาดว่าสภาพตลาดน้ำผัก-ผลไม้จะคึกคักขึ้น
ทั้งนี้ การแข่งขันมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นจากการที่ผู้ประกอบการรายเดิมต้องการปกป้องส่วนแบ่งตลาดจากผู้ผลิตหน้าใหม่ที่เริ่มเข้ามาแข่งขันในตลาด
สำหรับการส่งออกน้ำผัก-ผลไม้ของไทยในปี 2548 มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นจากที่มูลค่าการส่งออกชะลอตัวในปี 2547 กล่าวคือ คาดว่าในปี 2548 มูลค่าการส่งออกน้ำผัก-ผลไม้เท่ากับ 190.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับในปี 2547 ที่มีมูลค่าการส่งออก 178.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วเพิ่มขึ้น 6.4% ทั้งนี้เนื่องจากการส่งออกไปยังตลาดหลักทั้งสหรัฐฯและสหภาพยุโรปมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น นับว่ามูลค่าการส่งออกกระเตื้องขึ้นจากที่ในปี 2547 นั้นมูลค่าการส่งออกลดลง 7.5%
การส่งออกน้ำผัก-ผลไม้ของไทยนั้นน้ำสับปะรดมีสัดส่วนประมาณ 60.0% ของมูลค่าการส่งออกน้ำผัก-ผลไม้ทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกน้ำส้ม น้ำผัก-ผลไม้รวม และน้ำผัก-ผลไม้อื่นๆ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่ามูลค่าการส่งออกน้ำส้มและน้ำผัก-ผลไม้รวมมีอัตราการขยายตัวที่น่าสนใจ แม้ว่าในปัจจุบันมูลค่าการส่งออกจะยังไม่สูงมากนักก็ตาม
ปัจจุบันไทยยังมีการนำเข้าน้ำผัก-ผลไม้โดยมีมูลค่านำเข้าเฉลี่ย 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งน้ำผัก-ผลไม้ที่นำเข้าส่วนใหญ่จะเป็นน้ำผัก-ผลไม้ที่ไม่สามารถผลิตในประเทศ โดยเฉพาะผัก-ผลไม้เมืองหนาว แหล่งนำเข้าสำคัญคือ จีน ไต้หวัน สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป
สำหรับมูลค่าการส่งออกน้ำผัก-ผลไม้ของไทยนั้น (ตัวเลขล่าสุดคือ เดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน ปี 2548) พบว่า ส่งอกไปยังสหรัฐฯ ประมาณ 52.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งไปยังสหภาพยุโรป 65.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งออกไปญี่ปุ่น 9.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งออกไปยังอาเซียน 11.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดอื่นๆ ประมาณ 31.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมประมาณ 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
|
|
 |
|
|