KASET ตั้งเป้าการเติบโตปีนี้ที่ 15-20% หลังสร้างโรงงานผลิตวุ้นเส้นเฟส 2 เพิ่ม เนื่องจากมาร์จิ้นงามและตลาดเติบโตดี พร้อมกับแจ้งกรณี กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ใช้สิทธิซื้อหุ้นกรีนชูหรือหุ้นที่จัดสรรเกินของบริษัทเมื่อวันที่ 3 มกราคม พร้อมกับได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิม 4 รายๆ ละ 550,000 หุ้น รวมทั้งสิ้น 2,200,000 หุ้น ในราคาที่ขาย IPO 1.20 บาทต่อหุ้น
นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริษัท ไทยฮา จำกัด (มหาชน) (KASET)เปิดเผยเป้ารายได้ปี49 ว่าจะเติบโตที่ 15-20% จากปี 48 ขณะนี้ผลงานงวดสิ้นปี 48 นั้น อยู่ในระหว่างการให้สำนักงานบัญชีตรวจสอบ พร้อมกับแง้มว่าผลงานเดือนสุดท้ายของปี 48 นั้นดีเกินเป้า เนื่องจากยอดขายวุ้นเส้นเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทได้หันมาเน้นหาลูกค้าร้านค้าย่อยตลอดจนยี่ปั๊ว ซาปั๊วมากขึ้น จากเดิมที่ขายเฉพาะตามห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก จึงทำให้ลูกค้ามีหลากหลายเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า
ขณะที่เมื่อกลางปี 48 KASET สร้างโรงงานเฟส 2 เพิ่มกำลังการผลิตวุ้นเส้น หลังพบว่าความต้อง การลูกค้า จากเดิมกำลังการผลิตวุ้นเส้นอยู่ที่ 1,200 ตันต่อปี เพิ่มเท่าตัวเป็น 2,400 ตันต่อปี แต่รายได้จากข้าวยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัทเช่นเดิม ขณะที่วุ้นเส้นจะเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น ทำให้เนื่องจากมาร์จิ้นของสินค้าตัวนี้มีสูงถึง 20% ขณะที่ข้าวมีมาร์จิ้นประมาณ 10% บวกลบ 3 จึงเป็นเป้าหมายอย่างหนึ่งที่บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตวุ้นเส้น
"โดยภาพรวมของตลาดวุ้นเส้นปี 48 รัฐออกมาบอกว่าตัวเลขการส่งออกติดลบเกือบ 30% แต่ตัวเลขยอดขายของเรายังขายได้ดีกว่าที่ผ่านมาด้วย โดยยอดขายของเราทั้งข้าว ทั้งวุ้นเส้นเพิ่มพอสมควรซึ่งมาร์จิ้นของตัวนี้จะส่งผลดีต่อเราด้วย และนโยบายรัฐที่ให้ความสำคัญกับการส่งออกและเรื่องอาหารเป็นหลัก ซึ่งหากรัฐทำต่อเนื่องก็จะส่งผลดีต่อเรา" นายสมฤกษ์กล่าว
นอกจากนี้ KASET ยังเล็งที่จะเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อดันให้ยอดขายวุ้นเส้นโตขึ้นให้ได้มากที่สุด แม้จะไม่เทียบกับยอดขายข้าวก็ตาม เนื่องจากขณะนี้พบว่าตลาดวุ้นเส้นเติบโตดีและยังกำไรงามอีกด้วย แต่ยืนยันว่าคงจะไม่เน้นการผลิตวุ้นเส้นเป็นหลัก เนื่องจาก KASET ยังคงให้ข้าวเป็นสินค้าที่ทำรายได้หลักเข้าสู่บริษัท
นายสมฤกษ์ กล่าวถึงการจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวน 5,000,000 หุ้น ในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อบุคคลทั่วไปที่ผ่านมาโดยยืมหุ้นทั้งจำนวนจาก บริษัท เชียร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อส่งมอบให้แก่ผู้ได้รับการจัดสรร โดยในการนี้ผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งเป็นผู้ให้ยืมหุ้นได้ตกลงให้สิทธิ (Green-Shoe Option) ท่านละ 1,250,000 หุ้น จำนวนรวมกันทั้งสิ้น 5,000,000 หุ้น แก่บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินในการซื้อหุ้นจำนวนไม่เกิน 5,000,000 หุ้นเพิ่มเติมเพื่อวัตถุประสงค์ในการ ส่งคืนหุ้นที่ยืมนั้น
บริษัทฯ แจ้งว่า บัดนี้บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ซื้อเพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรเกินได้ทำการซื้อหุ้น เพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรเกิน ในตลาดหลักทรัพย์เป็นจำนวน 5,000,000 หุ้นแล้ว และจะส่งมอบ หุ้นจำนวนดังกล่าวเพื่อคืนให้แก่ บริษัท เชียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการจัดหาหุ้นเพื่อส่งคืนหุ้นที่ยืมให้แก่ผู้ให้ยืมหุ้นด้วย 2 วิธีการ คือได้ซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวน 2,800,000 หุ้น โดยมีระยะเวลาซื้อเพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรเกินคือระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2548 ถึง 3 มกราคม 2549 ดังรายละเอียดตามความทราบแล้วนั้น และได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิมคือนายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม, นางสาวปรินดา ตั้งพิรุฬห์ธรรม, นายวรวิทย์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม และนายวรวุฒิ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ในจำนวนที่เท่า ๆ กันท่านละ 550,000 หุ้น จำนวนรวมกันทั้งสิ้น 2,200,000 หุ้น ในราคา 1.20 บาทต่อหุ้น (ราคา เดียวกับที่เสนอขายให้กับบุคคลทั่วไป)
อนึ่ง เนื่องจากหุ้นที่ให้ยืมจำนวน 5,000,000 หุ้น ไม่อยู่ในช่วงระยะเวลาห้ามขายตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น เมื่อบริษัท เชียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับคืนหุ้นจำนวนดังกล่าว จากบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) แล้ว บริษัท เชียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ต้องดำเนินการนำหุ้นจำนวนนี้ฝากไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แต่อย่างใด
|