Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน5 มกราคม 2549
KASETตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต15-20% เน้นทำตลาดวุ้นเส้นดันยอดขายเพิ่ม             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ไทยฮา จำกัด (มหาชน)

   
search resources

Food and Beverage
ไทยฮา, บมจ.




KASET ตั้งเป้าการเติบโตปีนี้ที่ 15-20% หลังสร้างโรงงานผลิตวุ้นเส้นเฟส 2 เพิ่ม เนื่องจากมาร์จิ้นงามและตลาดเติบโตดี พร้อมกับแจ้งกรณี กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ใช้สิทธิซื้อหุ้นกรีนชูหรือหุ้นที่จัดสรรเกินของบริษัทเมื่อวันที่ 3 มกราคม พร้อมกับได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิม 4 รายๆ ละ 550,000 หุ้น รวมทั้งสิ้น 2,200,000 หุ้น ในราคาที่ขาย IPO 1.20 บาทต่อหุ้น

นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริษัท ไทยฮา จำกัด (มหาชน) (KASET)เปิดเผยเป้ารายได้ปี49 ว่าจะเติบโตที่ 15-20% จากปี 48 ขณะนี้ผลงานงวดสิ้นปี 48 นั้น อยู่ในระหว่างการให้สำนักงานบัญชีตรวจสอบ พร้อมกับแง้มว่าผลงานเดือนสุดท้ายของปี 48 นั้นดีเกินเป้า เนื่องจากยอดขายวุ้นเส้นเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทได้หันมาเน้นหาลูกค้าร้านค้าย่อยตลอดจนยี่ปั๊ว ซาปั๊วมากขึ้น จากเดิมที่ขายเฉพาะตามห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก จึงทำให้ลูกค้ามีหลากหลายเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า

ขณะที่เมื่อกลางปี 48 KASET สร้างโรงงานเฟส 2 เพิ่มกำลังการผลิตวุ้นเส้น หลังพบว่าความต้อง การลูกค้า จากเดิมกำลังการผลิตวุ้นเส้นอยู่ที่ 1,200 ตันต่อปี เพิ่มเท่าตัวเป็น 2,400 ตันต่อปี แต่รายได้จากข้าวยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัทเช่นเดิม ขณะที่วุ้นเส้นจะเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น ทำให้เนื่องจากมาร์จิ้นของสินค้าตัวนี้มีสูงถึง 20% ขณะที่ข้าวมีมาร์จิ้นประมาณ 10% บวกลบ 3 จึงเป็นเป้าหมายอย่างหนึ่งที่บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตวุ้นเส้น

"โดยภาพรวมของตลาดวุ้นเส้นปี 48 รัฐออกมาบอกว่าตัวเลขการส่งออกติดลบเกือบ 30% แต่ตัวเลขยอดขายของเรายังขายได้ดีกว่าที่ผ่านมาด้วย โดยยอดขายของเราทั้งข้าว ทั้งวุ้นเส้นเพิ่มพอสมควรซึ่งมาร์จิ้นของตัวนี้จะส่งผลดีต่อเราด้วย และนโยบายรัฐที่ให้ความสำคัญกับการส่งออกและเรื่องอาหารเป็นหลัก ซึ่งหากรัฐทำต่อเนื่องก็จะส่งผลดีต่อเรา" นายสมฤกษ์กล่าว

นอกจากนี้ KASET ยังเล็งที่จะเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อดันให้ยอดขายวุ้นเส้นโตขึ้นให้ได้มากที่สุด แม้จะไม่เทียบกับยอดขายข้าวก็ตาม เนื่องจากขณะนี้พบว่าตลาดวุ้นเส้นเติบโตดีและยังกำไรงามอีกด้วย แต่ยืนยันว่าคงจะไม่เน้นการผลิตวุ้นเส้นเป็นหลัก เนื่องจาก KASET ยังคงให้ข้าวเป็นสินค้าที่ทำรายได้หลักเข้าสู่บริษัท

นายสมฤกษ์ กล่าวถึงการจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวน 5,000,000 หุ้น ในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อบุคคลทั่วไปที่ผ่านมาโดยยืมหุ้นทั้งจำนวนจาก บริษัท เชียร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อส่งมอบให้แก่ผู้ได้รับการจัดสรร โดยในการนี้ผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งเป็นผู้ให้ยืมหุ้นได้ตกลงให้สิทธิ (Green-Shoe Option) ท่านละ 1,250,000 หุ้น จำนวนรวมกันทั้งสิ้น 5,000,000 หุ้น แก่บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินในการซื้อหุ้นจำนวนไม่เกิน 5,000,000 หุ้นเพิ่มเติมเพื่อวัตถุประสงค์ในการ ส่งคืนหุ้นที่ยืมนั้น

บริษัทฯ แจ้งว่า บัดนี้บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ซื้อเพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรเกินได้ทำการซื้อหุ้น เพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรเกิน ในตลาดหลักทรัพย์เป็นจำนวน 5,000,000 หุ้นแล้ว และจะส่งมอบ หุ้นจำนวนดังกล่าวเพื่อคืนให้แก่ บริษัท เชียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการจัดหาหุ้นเพื่อส่งคืนหุ้นที่ยืมให้แก่ผู้ให้ยืมหุ้นด้วย 2 วิธีการ คือได้ซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวน 2,800,000 หุ้น โดยมีระยะเวลาซื้อเพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรเกินคือระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2548 ถึง 3 มกราคม 2549 ดังรายละเอียดตามความทราบแล้วนั้น และได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิมคือนายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม, นางสาวปรินดา ตั้งพิรุฬห์ธรรม, นายวรวิทย์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม และนายวรวุฒิ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ในจำนวนที่เท่า ๆ กันท่านละ 550,000 หุ้น จำนวนรวมกันทั้งสิ้น 2,200,000 หุ้น ในราคา 1.20 บาทต่อหุ้น (ราคา เดียวกับที่เสนอขายให้กับบุคคลทั่วไป)

อนึ่ง เนื่องจากหุ้นที่ให้ยืมจำนวน 5,000,000 หุ้น ไม่อยู่ในช่วงระยะเวลาห้ามขายตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น เมื่อบริษัท เชียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับคืนหุ้นจำนวนดังกล่าว จากบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) แล้ว บริษัท เชียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ต้องดำเนินการนำหุ้นจำนวนนี้ฝากไว้กับบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด แต่อย่างใด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us