Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2540
ยกใหม่แผนแม่บทฯ โทรคมนาคม 6 ล้านเลขหมายชนวนล้มกระดาน             
 


   
search resources

ดิเรก เจริญผล
Telecommunications




แม้แผนแม่บทพัฒนากิจการโทรคมนาคมของประเทศไทย จะผ่านการพิจารณาร่างมาแล้วหลายรอบหลายคราจากทั้งฝ่ายรัฐคือกระทรวงคมนาคม และภาคเอกชนผู้มีส่วนเข้าไปร่วมในการร่างแผน แต่ถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน

ประเด็นที่ขบไม่แตกว่าควรผลักดันให้มีการเปิดแผนแม่บทเสรีขึ้นใช้เป็นรูปธรรมซักทีนั้น เป็นเพราะรัฐมัวกังวลกับการมีแผนฯ มากจนเกินไปหรือไม่ แทนที่จะมุ่งไปที่เนื้อหาสาระเรื่องความต้องการพัฒนากิจการโทรคมนาคมโดยเปิดเสรีธุรกิจด้านสื่อสารโทรคมนาคมของไทย ไม่ให้มีการผูกขาดแค่หน่วยงานรัฐอีกต่อไป

ขณะที่ความต้องการของภาคเอกชนฟากที่ทำโทรศัพท์มือถือมุ่งหวังให้มีการเปิดประมูลขยายการติดตั้งโทรศัพท์อีกเป็นจำนวน 6 ล้านเลขหมาย โดยนำเสนอข่าวสาร และข้อมูลเพื่อกระตุ้นให้ภาครัฐ เร่งเปิดประมูล

โดยมองว่ากระทรวงคมนาคมยุคนี้วางโครงการแผนแม่บทฯ เพื่อเอื้อกับกลุ่มเอกชนที่ต้องการมีโทรศัพท์มือถือคลื่นใหม่ในมือ

ขณะที่ดิเรก เจริญผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และเคยเป็นผู้บริหารขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยมาก่อน ยังไม่เห็นด้วยที่จะให้เปิดการประมูลตอนนี้ เพราะต้องการทราบข้อมูลที่แท้จริงก่อนว่า โทรศัพท์ 4.1 ล้านเลขหมายที่ทำการติดตั้งโดยบริษัท เทเลคอมเอเชีย จำกัด และบริษัท ไทย เทเลโฟน แอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด หรือทีเอ และทีทีแอนด์ทีนั้นจำหน่ายออกไปหมดแล้วหรือยัง

อีกประเด็นก็คือ หากมีการเปิดเสรีด้านโทรคมนาคมสัญญาสัมปทานที่หน่วยงานรัฐทำไว้กับเอกชนรายเดิมๆ ทั้งหลายจะมีปัญหายุ่งยากอย่างไรบ้าง หากปมของทั้งสองเรื่องนี้ไม่สามารถแก้ตก นโยบายจากกระทรวงคมนาคมให้ทำการเปิดประมูลโทรศัพท์จำนวนใหม่ก็คงยังไม่เกิดขึ้น

ที่มาที่ไปของแผนแม่บทพัฒนากิจการโทรคมนาคมเกิดขึ้นในสมัยที่วิชิต สุรพงษ์ชัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเมื่อมีการปรับรัฐบาลใหม่ กระทรวงคมนาคมก็ได้สมบัติ อุทัยสาง มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงโควตาคนนอก โดยเมื่อเข้ามา สิ่งที่สมบัติดำเนินการก็คือปรับปรุงแผนแม่บทฉบับเดิมของวิชิต

แน่นอนว่าเป็นเพราะสมบัติยังคงข้องใจและไม่เห็นด้วยกับแผนของวิชิตในหลายเรื่องหลายประเด็น อย่างเรื่องแผนระยะสั้นในการขยายการติดตั้งโทรศัพท์ทางไกลชนบท ซึ่งก็น่าจะอยู่ในแผนพัฒนาฯของประเทศอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องจับไปใส่ในแผนแม่บทระยะสั้น เพราะอาจทำให้การดำเนินการล่าช้าเพราะต้องรอแผนหลัก

สมบัติจัดการปรับเปลี่ยนแผนเดิมประการแรกก็คือ การเปลี่ยนชื่อคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติ หรือที่รู้จักกันในนาม กสช. พร้อมกับเพิ่มตำแหน่งกรรมการเข้าไปอีก 2 คนคือให้ปลัดกระทรวงคมนาคม และอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขร่วมเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง

ต่อมาก็คือ ยกเลิกการตัดแบ่ง องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และการสื่อสารแห่งประเทศไทย ที่จะถูกผ่าออกเป็นหน่วยละ 2 ส่วน ด้วยเหตุผลใหญ่เพราะได้รับการคัดค้านจากพนักงานรัฐวิสาหกิจของทั้ง ทศท. และ กสท.

กรณีการคุ้มครองหน่วยงานรัฐอย่างทศท.และกสท. ซึ่งวิชิตต้องการให้คุ้มครอง 5 ปี แต่สมบัติขอเปลี่ยนเป็น 3 ปีเพราะเห็นว่าระยะ 5 ปีนั้นนานเกินไปที่จะให้หน่วยงานทั้งสองปรับปรุงตัวเองเพื่อรองรับการเปิดเสรี และจะเป็นการได้เปรียบเอกชนรายอื่นมากเกินไป หากต้องเข้าไปแข่งขันในการดำเนินโครงการด้านโทรคมนาคม

ส่วนกิจการไปรษณีย์ของกสท.นั้น เนื่องจากเป็นกิจการที่ดำเนินการโดยไม่มีกำไร และต้องถูกตัดแบ่งออกมาจากกสท. จึงควรให้ กสช.ให้เงินช่วยเหลือกิจการนี้เป็นจำนวน 1,000 ล้านบาท โดยอยู่ในระยะที่ได้รับการดูแลเป็นเวลา 5 ปี

ประเด็นเรื่องสัญญาสัมปทานที่ทำไว้กับเอกชนทั้งหลายนั้น จะต้องมีแนวทางและมาตรฐานเพื่อให้ทุกสัญญามีความเป็นธรรมทัดเทียมกันหมด

เรื่องสุดท้ายที่สำคัญก็คือโครงการขยายการติดตั้งโทรศัพท์ 6 ล้านเลขหมายตามแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 ให้ทศท.เป็นผู้ดำเนินการเอง 1 ล้านเลขหมาย ส่วนที่เหลืออีก 5 ล้านเลขหมายนั้นให้ทำการประมูลแบบ BTO หรือ BUILT TRANSFER OPERATE และใช้ระบบโซน เอกชน 1 รายที่เสนอผลตอบแทนสูงสุดก็จะได้ไป 1 โซน

แผนฉบับร่างของสมบัติถูกเสนอไปที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2538 กว่าที่จะมีการพิจารณาจากทางครม.แล้วส่งเรื่องกลับมาให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาทบทวน ให้ดูเรียบร้อย และผ่านการกลั่นกรองจากปลัดกระทรวงคมนาคมอีกครั้งก็คือเดือนสิงหาคม 2539

นับได้ว่าเป็นแผนแม่บทที่มีระยะเวลาเดินทางยาวนานมาก ซึ่งคงไม่จบลงเพียงแค่นั้น เพราะเมื่อมาถึงยุคของดิเรก รัฐมนตรีคนนอกสังกัดพรรคชาติพัฒนา ก็มีการนำแผนแม่บทกลับมารื้อดูใหม่อีกครั้ง ตามเหตุผลเรื่องเลขหมายที่ยังคั่งค้างอยู่ของเอกชนทั้งสองราย และสัญญาสัมปทานกับเอกชนรายเดิมที่ยังหาข้อยุติไม่ได้

แม้ดูเหมือนว่าหลายคนที่เคยเกี่ยวข้องกับการเข้าไปขัดเกลาแผนแม่บทฯ ฉบับใหม่นี้ยาหอมว่าเห็นด้วยกับตัวรายละเอียด แต่ก็ยังมีข้อติติงออกมาว่าทำไมถึงได้ล่าช้า เพราะบางเรื่องสามารถดำเนินการได้ไปก่อน

ขณะที่ความต้องการของรัฐมนตรีดิเรกคือ การประมูลโทรศัพท์ชุดใหม่ไม่ควรใช้แบบ BTO เพราะจะทำให้เกิดความยุ่งยากด้านสัญญากับเอกชนหากมีการเปิดเสรีขึ้น

หน่วยงานรัฐอย่างทศท. และกสท.ก็ควรรวมเป็นองค์กรเดียวกัน เพื่อเข้าไปแข่งขันกับเอกชนอย่างเต็มที่ แม้จะดูเหมือนว่าได้เปรียบภาคเอกชนอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะได้เปรียบเอกชนทุกเรื่อง เพราะต้องเข้าสู่ระบบการแข่งขันแบบเสรีโดยไม่มีใครโอบอุ้มอีก

สิ่งนี้กลายเป็นเรื่องที่ถูกคัดค้านจากพนักงานรัฐวิสาหกิจของทั้งทศท. และ กสท. เหมือนว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งหน่วยงานของรัฐไปเสียอีก เพราะไม่เป็นการคุ้มครองหน่วยงานเดิม

ข้อวิตกตรงนี้ส่งผลต่อการดำเนินการผลักดันแผนแม่บทฯ ที่ต้องล่าช้าไปอีก

แม้ว่าจะมีหลายอย่างที่ฝ่ายกระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินไปก่อนได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคณะกรรมการ กสช. ขึ้นมาเป็นตัวกลางหลักในการควบคุมดูแลกิจการด้านโทรคมนาคม การแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านโทรคมนาคม 3 ฉบับ การแปรรูป ทศท. และกสท. การประมูลขยายการติดตั้งโทรศัพท์ โดยเน้นถึงเลขหมายโทรศัพท์ต่อประชากรว่าควรเพิ่มขึ้นจากที่เป็นอยู่

แต่กลับไม่มีการดำเนินการเลย อีกทั้งเป็นเรื่องที่คิดกันมาอย่างน้อย 25 ปี ก่อนร่างแผนของวิชิตจะออกมาเสียอีก

จึงกลายเป็นว่าตัวแผนแม่บทฯ แท้จริงแล้วควรมีหรือ

ด้วยเหตุผลว่าหากไม่มีแผนแม่บทฯ การดำเนินการเปิดเสรีด้านกิจการโทรคมนาคมก็สามารถทำได้ และการมีแผนแม่บทฯ ก็ส่งผลให้ส่วนอื่นๆ ที่ควรเร่งดำเนินการไปก่อนชะงักงัน

ส่วนทางผู้ยึดมั่นในแผนแม่บทฯว่า หากไม่มีแผนหลักเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนากิจการโทรคมนาคมของประเทศก็ไม่เป็นไปตามครรลองที่ควรเป็น เพราะจะหาทิศทางที่แท้จริงไม่ได้

แผนแม่บทในช่วงของดิเรกจึงเป็นการเผชิญการบีบคั้นอย่างมาก เพราะระยะเวลาที่กิจการโทรคมนาคมสมควรเดินต่อไปข้างหน้าที่ไกลกว่านี้กำลังรอสัญญาณที่ชัดเจน จากยุควิชิตที่มีการรวบรวมให้เป็นมาตรฐาน ยุคสมบัติที่นำมาขัดเกลาให้ได้ดังใจของคนหลายคน

จึงเป็นจุดของการตั้งคำถามที่แผนแม่บทฯ ควรจะมีอยู่ต่อไปหรือยกเลิกไปเสียที ไม่อย่างนั้นรัฐก็ต้องเปิดประมูลโทรศัพท์ 6 ล้านเลขหมาย ปัญหาเรื่องการยุบทิ้งแผนแม่บทฯจะได้สงบลงไปได้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us