การชนะประมูลซื้อหุ้น 99% ในบริษัทเงินทุนรัตนทุนจากกองทุนฟื้นฟู และ พัฒนาระบบสถาบันการเงินของบริษัทเงินทุนเกียรตินาคิน
เป็นปรากฏการณ์ ที่พบไม่บ่อยนัก ในช่วง 3 ปี นับตั้งแต่ประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจในปี
2540 เป็นต้นมา
ที่สำคัญเป็นการเข้ามาซื้อหุ้นในสถาบันการเงิน โดยสถาบันการเงินของคนไทย
เพราะ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่สถาบันการเงินของไทย ถ้าไม่ถูกสั่งปิดกิจการ ก็มักจะถูกซื้อไปโดยสถาบันการเงินต่างชาติ
เกียรตินาคิน เป็นบริษัทเงินทุน ที่หลุดรอดการถูกสั่งปิดกิจการจาก กระทรวงการคลัง
เมื่อปลายปี 2540 ซึ่งมีการปิดกิจการสถาบันการเงินถึง 56 แห่ง
ส่วนรัตนทุน เป็นบริษัทเงินทุน ที่จัดตั้งขึ้นใหม่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
ปี 2541 เดิมถือหุ้นโดยธนาคารรัตนสิน แต่ต่อมาภายหลังธนาคารรัตนสิน ได้ขายหุ้นคืนให้กับกองทุนฟื้นฟู
และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ทำให้ กองทุนฟื้นฟูเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 100% ของทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท
จักรทิพย์ นิติพน ผู้จัดการกองทุนฟื้นฟูฯ เคยกล่าวถึงรัตนทุนว่าเป็นบริษัทเงินทุน
ที่มีผลประกอบการอยู่ในขั้นดี เพราะไม่มีหนี้สิน ที่ก่อให้เกิดรายได้ และการดำเนินงานในช่วง
2 ปีที่ผ่านมา ก็มีกำไรมาตลอด ส่วนเกียรตินาคิน หลังทางการอนุญาตให้เปิดดำเนินการอีกครั้งตั้งแต่
ปี 2541 ผลประกอบการก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ โดยล่าสุดเพิ่งประกาศผลการดำเนินงานปี
2542 ปรากฏว่าเริ่มกลับมา มีกำไรถึง 1,162.57 ล้านบาท จากเมื่อปี 2541 ที่ขาดทุน
704.24 ล้านบาท
คิดเป็นกำไรต่อหุ้นในปี 2542 หุ้นละ 4.60 บาท จาก ที่เคยขาดทุน 3.37 บาทต่อหุ้นในปี
2541
ทั้งเกียรตินาคิน และรัตนทุน มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุนครบทั้ง 4 ประเภทเช่นกัน
คือ กิจการเงินทุน เพื่อการพาณิชย์ กิจการเงินทุน เพื่อ การพัฒนากิจการเงินทุน
เพื่อจำหน่าย และการบริโภค และกิจการเงินทุน เพื่อการเคหะ
ธุรกิจหนึ่ง ที่เกียรตินาคินถนัด คือ สินเชื่อเช่าซื้อ โดยเฉพาะเช่าซื้อรถยนต์
ที่สถานการณ์ธุรกิจนี้ ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เริ่มกระเตื้องขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จากยอดซื้อรถยนต์ในประเทศ ที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่สินทรัพย์ส่วนหนึ่งของรัตนทุนคือ พอร์ตเช่าซื้อเดิมของบริษัทเงินทุนไทยธำรง
ที่รัตนทุนสามารถประมูลมาจากองค์การ เพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.)
ได้เมื่อปี 2541
กล่าวกันว่าพอร์ตดังกล่าวเป็นพอร์ตที่ดีมาก และสามารถสร้างรายได้ให้กับรัตนทุนมาอย่างต่อเนื่อง
วิเชียร เจียกเจิม กรรมการผู้จัดการเกียรตินาคินกล่าวว่าเกียรตินาคิน มองเห็นถึงศักยภาพ
ที่จะขยายธุรกิจของรัตนทุน โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งเกียรตินาคินมีความชำนาญอยู่แล้ว
จึงมีความสนใจเข้าประมูลซื้อหุ้นบริษัทนี้ จากกองทุนฟื้นฟู
อย่างไรก็ตามข่าวการชนะประมูล ซื้อหุ้นรัตนทุนของเกียรตินาคินกลับได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนไม่มากเท่าไรนัก
ทั้ง ที่ความจริง เป็นเหตุการณ์ ที่น่าจับตา เพราะเป็นการซื้อกิจการที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง
1,385 ล้านบาท
เกียรตินาคินเองก็เหมือนจะรู้มาก่อนหน้าว่าจะสามารถประมูลได้ เพราะก่อน
ที่ทางการจะประกาศผลประมูลออกมาเพียงไม่กี่วัน เกียรตินาคิน เพิ่งประกาศออกหุ้นกู้วงเงิน
1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงิน ที่ใกล้เคียงกับมูลค่าหุ้นรัตนทุน ที่ต้องจ่ายให้กองทุนฟื้นฟู
การรุกเข้าซื้อกิจการรัตนทุนในครั้งนี้ จึงเป็นจังหวะก้าวรุกของเกียรตินาคิน
น่าติดตามว่าจะมีอนาคตเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในวงการเช่าซื้อรถยนต์ ที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูงมากวงการหนึ่ง