'Citi never sleeps' สโลแกนที่บ่งบอกถึงความไม่เคยหยุดนิ่งของ ซิตี้แบงก์
ยักษ์ใหญ่ในวงการธนาคารโลก ซึ่งสามารถหยั่งรากฝังลึกในเมืองไทยได้อย่างสวยงาม
ล่าสุดได้พัฒนาความล้ำหน้าของเทคโนโลยีการธนาคารขึ้นไปอีกขั้น อันถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของการบริการลูกค้าธนาคารในโลกยุคเทคโนโลยีสารสนเทศไร้พรมแดนอย่างครบวงจร
ซิตี้แบงกิ้ง 97 (Citibanking97) และซิตี้เซอร์วิส (Citi Service) เป็นบริการทางธนาคารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบรวมศูนย์ที่ธนาคารได้พัฒนาให้ทันสมัยล้ำหน้ามากขึ้น
ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมกับธนาคารได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเมื่อ
10 ปีที่ผ่านมาซิตี้แบงก์ได้คิดค้นและนำบริการนี้มาใช้สำหรับลูกค้าประเภทสถาบันโดยเฉพาะเป็นครั้งแรก
และทั้งสองระบบนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวตายตัวแทนกันได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่า
ต้องการจะใช้บริการผ่านโทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์
ซิตี้เซอร์วิส เป็นบริการสอบถามข้อมูลทางโทรศัพท์แก่ลูกค้าประเภทสถาบันเท่านั้น
และเป็นบริการคนละประเภทกับบริการทางโทรศัพท์ Telebanking ที่ให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อย
(consumer banking) ที่แยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด บริการนี้เพียงลูกค้าโทรศัพท์เข้ามา
ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการธนาคารซิตี้แบงก์ก็ได้ตระเตรียมไว้จะเป็นผู้ตอบทุกคำถามของลูกค้า
เพราะข้อมูลทุกอย่างของลูกค้าแบงก์จะถูกดึงเข้ามาอยู่ในจอเพียงจอเดียวทั้งหมด
หากเป็นคำถามทั่วไปเกี่ยวกับยอดบัญชี หรือการขอ bank statement จะสามารถทำได้ทันที
แต่ถ้าเป็นคำถามที่ซับซ้อนต้องใช้เวลาเจ้าหน้าที่ของแบงก์ก็สามารถที่จะบอกได้ว่าจะสามารถให้คำตอบได้เมื่อไหร่
และที่สำคัญแบงก์จะเป็นผู้ที่โทรฯกลับไปหาลูกค้าทันทีที่ได้คำตอบจะไม่รอให้ลูกค้าโทรเข้ามาถามซ้ำอีก
"รูปแบบใหม่ของซิตี้เซอร์วิส อันนี้เราคุยได้เลยว่า เราเป็นแบงก์แรกและแบงก์เดียวที่มีบริการนี้ในเมืองไทยในขณะนี้
… สิ่งที่เราเน้นมากก็คือเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพราะเราให้ความสำคัญกับความสะดวก
รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
อย่างการถามยอดบัญชีเงินฝากแบงก์อื่นๆ ก็สามารถทำได้ แต่ใครจะสามารถทำได้เร็วกว่า
และถูกต้องแม่นยำกว่า ข้อสำคัญคือเรามี global network คือ มีสาขาและเครือข่ายอยู่ทั่วโลก
เจ้าหน้าที่ของทางซิตี้แบงก์จะมีการพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลาทางอิเล็กทรอนิกส์
หรือโทรศัพท์ ดังนั้นลูกค้าเพียงโทรเข้ามาเบอร์เดียวก็สามารถเข้าถึง Citi
banker ได้ทั่วโลกโดยผ่านทีมงานของเราที่เมืองไทยเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
นั่นก็หมายความว่าเราไปสู่โลกที่กว้างขึ้นเพียงแต่ปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น"
อรุณรัตน์ บวรวีรกิจ Customer Franchise Management Group Head อธิบายถึงภารกิจที่จะต้องลงมือปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการบริการให้กับซิตี้แบงก์
นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
สำหรับเทคโนโลยีที่นำมาใช้นั้น เป็นฝีมือการคิดค้น และพัฒนาของซิตี้แบงก์เอง
โดยบริการนี้ซิตี้แบงก์ได้ลงทุนไปมูลค่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ
130 ล้านบาท ซึ่งครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนนั้นใช้จ่ายไปในด้านจ่ายไปในด้านเทคโนโลยี
ที่เหลือจะใช้ในด้านของการฝึกอบรมพนักงาน
"ส่วนเงินทุนที่เราลงทุนระบบต่างๆ ทดสอบระบบต่างๆ ในแต่ละสาขานั้นจะไม่นับรวมในเงินลงทุนจำนวนนี้
เพราะว่ามีการจัดสรรไว้อยู่แล้ว แต่จำนวนนี้เป็นการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเป็น
tool ที่ว่า staff ที่จะต้องตอบคำถาม และติดตามรายการต่างๆ ทั้งหมดทำอย่างไรเขาจึงจะเข้าถึงระบบ
back office ทั้งหมดได้จากจอเดียวกัน มันไม่ง่ายเลยเพราะมีหลาย products
มีหลายประเทศ ซึ่งมีระบบที่แตกต่างกันออกไป และวัตถุประสงค์ของเราคือเราต้องการจะตอบ
inquiry ให้ได้โดยไม่ต้องโทรกลับ คือเมื่อลูกค้าโทรเข้ามาแล้วเราหาคำตอบให้ได้เลย
เพราะฉะนั้นการลงทุนระบบที่ให้คนๆ เดียวเข้าไปดูได้ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย
" พิมลพันธุ์ พิสุทธิพร Customer Information & Electronic Banking
Head กล่าวเสริมถึงความจำเป็นที่ซิตี้แบงก์ต้องควักกระเป๋าลงทุนระบบเทคโนโลยีเพิ่มเติม
โดยจะเป็นการถึงเอา applications ต่างๆ เข้ามาไว้ภายในจอคอมพิวเตอร์จอเดียว
เพราะบางคำถามคำตอบไม่ได้เป็น 1+1 = 2 ซึ่งนับตั้งแต่พัฒนาระบบนี้ขึ้นมา
ซิตี้แบงก์ลงทุนไปกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว
ส่วน ซิตี้แบงกิ้ง 97 นั้นเป็นบริการอิเล็คทรอนิกส์ของแบงก์ที่ได้รับการพัฒนามาอีกระดับหนึ่งหลังจากที่ได้ให้บริการแก่ลูกค้าสถาบันมาเป็นเวลานาน
โดยในบริการใหม่นี้ได้เพิ่ม function ใหม่ๆ เกี่ยวกับการทำรายงานที่สามารถทำได้ละเอียดมากขึ้น
การขอข้อมูลจากแบงก์ที่สามารถ link เข้ามาได้เร็วมากขึ้น และรายการที่สามารถทำธุรกรรมผ่านอินเล็กทรอนิกส์มายังแบงก์ได้
ซึ่งจะประกอบไปกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ได้ออกแบบให้มีความเหมาะสมกับธุรกิจและขนาดของลูกค้าไทย
และยังเอื้ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้ามากขึ้น คือลูกค้าที่ต้องทำธุรกรรมกับซิตี้แบงก์สาขาต่างประเทศสามารถติดต่อมาที่ซิตี้แบงก์ไทยได้โดยไม่ต้องติดต่อผ่านไปยังสาขาต่างประเทศนั้นๆ
ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายแก่ลูกค้าได้อีกทางหนึ่ง
ปัจจุบันมีลูกค้าที่ใช้บริการแล้วประมาณ 300 บริษัท ขณะที่ปีนี้ทางซิตี้แบงก์ก็มีเป้าหมาย
ที่จะติดตั้งซิตี้แบงกิ้ง 97 ให้แก่ลูกค้าจำนวน 200 ราย ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งจะเป็นลูกค้าใหม่
และที่เหลือจะเป็นการอัพเกรดให้กับลูกค้าเก่า
"ซิตี้แบงกิ้ง 97 เป็น platform เป็น software ที่จะให้ลูกค้าติดต่อกับซิตี้แบงก์ได้
ซึ่งจะ support ถึง product ใหม่ๆ ของการโอนเงินในรูปแบบวิธีการต่างๆ เพิ่มเติมมากขึ้น
รวมถึงการปริวรรตเงินตรา ซึ่งแต่ก่อนนี้เราไม่ได้นำเสนอทางอิเล็กทรอนิกส์มาก่อน
และเรากำลังจะประกาศให้บริการในเร็วๆ นี้" พิมลพันธุ์ ให้รายละเอียดของบริการอิเล็กทรอนิกส์แบงกิ้ง
ที่ได้ใช้จุดแข็งของแบงก์ ในเรื่องของเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลกมาใช้ในการพัฒนาการบริการให้มีความสะดวกรวดเร็วและกว้างไกลมากขึ้น
โดยที่แบงก์จะไม่คิดค่าบริการเพิ่มนอกเหนือไปจากค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม
ซึ่งจะเป็นอัตราเดียวกันกับลูกค้าที่เดินเข้ามาทำธุรกรรมเดียวกันที่แบงก์ด้วยตนเอง
ประเภทของรายการสินค้าหลักๆ ที่จะให้บริการแก่ลูกค้าของบริการทั้งสองอย่างก็ได้แก่
cash management (การโอนเงิน, การเก็บเงิน) การบริการด้านการค้า ซึ่งจะเป็นธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกนำเข้า
และบริการด้านหลักทรัพย์ โดยจะมีบริการดูแลหลักทรัพย์ (custodian)
"เท่าที่เรามองเห็น trend ก็คือลูกค้าจะใช้มากขึ้นจะเพิ่มอย่างรวดเร็ว
เพราะจำนวน products ที่เอามาผ่านซิตี้แบงกิ้งเยอะมากขึ้น ลูกค้ารายใดต้องการสินค้าประเภทไหนก็จะมาติดต่อไปติดตั้งได้
ยิ่งสินค้าเพิ่มขึ้นโอกาสที่ลูกค้าจะใช้บริการของแบงก์ก็มากขึ้นตามไปด้วย
ในการติดตั้งเราไม่ได้ charge ลูกค้าเหมือนในต่างประเทศ เพราะยังไม่มีนโยบายเพราะเรามองว่าการแข่งขันทางด้านนี้จะมีเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งนโยบายนี้จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้เรา" พิมลพันธุ์ ชี้แจง ซึ่งสรุปได้ว่าบริการทั้งสองนี้เป็นยุทธวิธีหนึ่งในการขยายฐานลูกค้าของซิตี้แบงก์
เพื่อรักษาความเป็นเจ้ายุทธจักรไว้ท่ามกลางกระแสการแข่งขันที่รุนแรง
ทว่า การที่ลูกค้าจะตัดสินใจใช้บริการหรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับระบบการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้า
ซึ่งทางซิตี้แบงก์เองก็ได้มีการพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่เช่นกัน จากเดิมที่จะใช้เฉพาะ
user ID และ password ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าและจะต้องมีการปิดเป็นความลับ
แต่ก็ยังมีความเสี่ยงกับการรั่วไหลได้ ในซิตี้แบงกิ้ง 97 นี้จะมี feature
ใหม่ที่เป็น dynamic password ซึ่งจะเป็นการบังคับคนไปในตัว กล่าวคือ password
จะเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่ผู้ใช้เข้าสู่ระบบ โดยพิมลพันธุ์ในฐานะที่รับผิดชอบในบริการนี้โดยตรง
ได้อธิบายว่า
"เราจะมีสมาร์ทการ์ดให้กับลูกค้าใบหนึ่งซึ่งจะมี pin หรือรหัสผู้ใช้ที่แตกต่างกันไป
และใช้ได้เพียงคนเดียว ทุกครั้งที่ lock on เข้าไปในระบบซึ่งเป็นระบบที่เรียกว่า
Challenge จะมีตัวเลขให้ตัวเลขหนึ่งที่จะต้องคีย์เข้าไปในสมาร์ทการ์ด ต้องใส่
pin number รหัสของตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครขโมยเอาไปใช้ แล้วระบบก็จะ
generate password ขึ้นมาให้ เพราะฉะนั้นแม้ว่าคุณให้เพื่อนยืม password
ทำรายการแทนวันนี้ แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะเข้าไปทำรายการในวันอื่นได้ เพราะการ์ดอยู่ที่คุณ
เพราะฉะนั้นสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ unique และใหม่มากๆ เราพยายามที่จะช่วยลูกค้าที่เป็นบริษัท
ทำอย่างไรจึงจะมั่นใจว่าพนักงานของเขาทำตามกฎกติกาที่จะทำให้มีความปลอดภัย
data security"
นอกเหนือจากความทันสมัย ความสะดวกรวดเร็วที่ได้รับจากการบริการแล้ว คำถามหรือข้อมูลที่ลูกค้าใส่เข้าไปไม่ว่าจะผ่านทางโทรศัพท์
หรือจอคอมพิวเตอร์จะถูกเก็บรวบรวมเป็นดาต้าเบส เพื่อนำมาวิเคราะห์ และเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
ณ จุดนี้เองที่ซิตี้แบงก์เปิดให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายกับลูกค้า เพราะข้อมูลที่ได้รับนั้นหากตีเป็นมูลค่าล้นเหลือทีเดียว
แถมยังได้ลูกค้าเข้ามาอีกโข อย่างนี้ไม่เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร
…