Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์2 มกราคม 2549
"บัตรเครดิต"ยิ่งห้ามก็ยิ่งโตสินเชื่อบุคคลบูมตลาดฐานราก             
 


   
search resources

Credit Card




ตัวเลขปริมาณบัตรและการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของแบงก์ชาติ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพิ่มจำนวนขึ้นชนิดที่คาดไม่ถึง ทั้งๆที่มีกฎเกณฑ์คุมเข้มเพดานการคิดอัตราดอกเบี้ยไม่ให้เกินกว่า 18% ปริมาณและยอดการรูดจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นกลับสะท้อนให้เห็นว่า การตีกรอบไม่ได้ทำให้ธุรกิจชะลอตัว แต่ในอีกมุมหนึ่งสินเชื่อบุคคลที่เพิ่งจะถูกคุมให้อยู่ในกฎเพดานคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 28% ก็ไม่ได้ลดลง แถมนับวันยังเติบโตไม่สิ้นสุด

เพียงเดือนเดียวจากกันยายน-ตุลาคม ปริมาณบัตรเครดิตทั้งระบบก็ไต่ขึ้นมาที่ 166,492 บัตร จาก 9,496,628 บัตรในเดือนกันยายน มาเป็น 9,663,120 บัตรในเดือนตุลาคม ขณะที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในเดือนกันยายนอยู่ที่ 51,841 ล้านบาท ขึ้นมาเป็น 55,007 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,166 ล้านบาท

ทั้งหมดนี้ก็น่าจะบอกได้ถึงกฎเกณฑ์การควบคุมโดยกำหนดเพดานการคิดดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ ไม่ได้ทำให้ผู้ประกอบการ ไม่ว่าแบงก์หรือนอนแบงก์(สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์)สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกิจกรรมส่งเสริมการขายยังมีอยู่เป็นปกติ ไม่ได้น้อยแต่กลับร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

สนามรบที่ฟาดฟันกันอย่างดุเดือด มีตั้งแต่สาขาแบงก์ต่างประเทศ โดยมีแชมป์เก่าซิตี้แบงก์ ที่พยายามเร่งการใช้จ่ายผ่านลูกเล่นรูดบัตรตามวงเงินที่กำหนด แล้วลูกค้าจะได้รับเงินคืน พ่วงกับการลุ้นรางวัลจากคะแนนสะสม

HSBC แบงก์ สาขาแบงก์นอก อาจจะเป็นน้องใหม่ที่กระโดดเข้ามาจับตลาดนี้ในเวลาไม่นานนัก แต่กิจกรรมโปรโมชั่นแต่ละครั้งก็ทำให้เจ้าถิ่นในตลาดต้องเหลียวหลังกลับมามอง

แบงก์จากอังกฤษถึงกับทุ่มเงินสำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเพื่อยิงตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแผนส่งเสริมการขายที่ยิงถี่ยิบแทบจะทุกสัปดาห์ก็ทำให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรขยายตัวมากขึ้น

HSBC ก็เหมือนกับค่ายอื่นๆ คือ โปรโมชั่นด้วยการ สะสมแต้มชิงรางวัล ลุ้รางวัล และคืนเงินสำหรับวงเงินที่ใช้จ่ายไปแล้ว เพื่อเร่งการใช้จ่ายให้มากที่สุด

ขณะที่เคทีซี เจ้าของตำแหน่งแชมป์เมื่อปีก่อน ก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เคทีซีดึงแคมเปญ "ใช้ชีวิตที่น่าอิจฉากับเคทีซี" ฉลองก้าวสู่ปีที่ 10 ที่จะจัดไปจนถึง 31 ม.ค.2550

นอกจากนั้นยังมีแบงก์ใหญ่ทั้งกรุงเทพ แบงก์กรุงศรีอยุธยา แบงก์ไทยพาณิชย์ ที่ประกาศสงครามเต็มตัวจนล่าสุดหลายรายถึงกับล้มแชมป์เก่าเคทีซี ด้วยจำนวนผู้ถือบัตร 1.4 ล้านราย ขณะที่แบงก์เล็กที่เริ่มจะหันมาจับตลาดนี้อย่างไทยธนาคารก็ปลุกตลาดด้วยแคมเปญรางวัลใหญ่อย่างคอนโดเพื่อดึงความสนใจให้คนหันมาถือบัตรและใช้จ่ายให้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การคุมเข้มด้วยการคุมเพดานการคิดดอกเบี้ยลูกค้าไม่ให้สูงกว่า 18% ในช่วง 1-2 ปีย้อนหลังก็ทำให้ ทั้งแบงก์และนอนแบงก์แทบทุกแห่งหันมาขยายตลาดสินเชื่อบุคคล ที่ยังไม่มีกฎเกณฑ์คุมเข้มตายตัว

แต่ที่เบ่งบานและบูมสุดๆคงเป็นธุรกิจให้บริการสินเชื่อเงินสดของกลุ่มนอนแบงก์ที่เลือกเจาะตลาดระดับฐานราก รายได้ระดับ 4,000-7,000 บาทต่อเดือน

ก่อนหน้าที่แบงก์ชาติจะออกกฎคุมเพดานการดอกเบี้ยไม่ให้เกิน 28% สำหรับสินเชื่อบุคคล ธุรกิจนอนแบงก์ส่วนใหญ่จังอาศัยจังหวะนี้ช่วงชิงตลาดล่างโดยใช้แคมเปญเข้าถึงแหล่งเงินอย่างง่ายดาย ขณะเดียวกันก็อนุมัติรวดเร็วชนิดยังไม่ทันได้หายใจหายคอ

แต่ปัญหาคือ เงินที่ได้มาง่ายก็ทำให้นอนแบงก์เหล่านี้ คิดค่าธรรมเนียม ค่าปรับและดอกเบี้ยตามอำเภอใจ จนแทบไม่ต่างจากดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบ ขณะที่การตามทวงหนี้ก็มีลักษณะไม่ต่างจากการขู่กรรโชก

กรณีของลูกหนี้ อีซี่ บายน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี โดยเฉพาะความขัดแย้งที่เลือกจะไปจบในกระบวนการฟ้องร้องเป็นคดีความ จนในที่สุด "อีซี่ บาย" ก็ยอมล่าถอยไปเอง โดยยกประโยชน์ให้กับลูกหนี้ทั้งประวัติดีและไม่ดี จ่ายดอกเบี้ยตามเกณฑ์ใหม่ก่อนเวลาบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2549

แค่นี้ก็บอกได้ว่า กฎเกณฑ์ควบคุมไม่ให้หนี้สินภาคครัวเรือนของทางการแทบจะไม่มีผลใดใดกับธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล โดยเฉพาะสินเชื่อเงินสด

แต่ที่กำลังจะมีผลกับผู้ถือบัตรและผู้ใช้บริการสินเชื่อบุคคล ก็คือ ภาระที่จะพอกพูนขึ้นแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวถ้ายังเพลิดเพลินกับการจับจ่ายใช้สอยแบบไม่บันยะบันยัง...   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us