Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2540
ดูปองท์เสริมเขี้ยวเล็บเน้นลงทุนในเอเชีย-แปซิฟิก             
 


   
search resources

ดูปองท์ (ประเทศไทย), บจก.
ธีระชัย องค์มหัทมงคล




คงไม่มีผู้ประกอบการรายไหนกล้าปฏิเสธว่าตลาดยุโรปและอเมริกาคือแหล่งเงินแหล่งทองสำหรับการทำธุรกิจ แต่ในปัจจุบันจากสภาพเศรษฐกิจทั้งยุโรปและอเมริกากำลังอยู่ในช่วงชะลอตัวประกอบกับการแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายของบรรดาผู้ประกอบการทั้งหลายต่างชะลอตัวไปตามสภาพเศรษฐกิจ แต่ในทางตรงกันข้ามภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลับเป็นตลาดที่กำลังเป็นที่หมายปองของผู้ประกอบการแถบยุโรปและอเมริกาด้วยการขยายการลงทุนเข้ามาเปิดโรงงานกันมาก

สาเหตุเนื่องจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเป็นภูมิภาคกำลังพัฒนา ฉะนั้นอัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจจึงมีค่อนข้างสูงประมาณ 8% ขึ้นไป ประโยชน์ที่ได้เมื่อขยายการลงทุนเข้ามาแล้วคือ ค่าจ้างแรงงานยังอยู่ในระดับที่ต่ำสิ่งที่ตามมาคือต้นทุนการผลิตก็อยู่ในระดับที่ต่ำด้วย และสิ่งสุดท้ายที่ได้ก็คือผลประกอบการจะสูงขึ้นอย่างมหาศาลเพียงแต่นำเทคโนโลยีเข้ามาเท่านั้น

บริษัท ดูปองท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จากอเมริกาที่ดำเนินงานครอบคลุมธุรกิจแทบทุกประเภทตั้งแต่การบินและอวกาศ ยานยนต์ ก่อสร้าง การเกษตร พลังงาน สิ่งทอ เวชภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และการพิมพ์ ก็เป็นบริษัทข้ามชาติบริษัทหนึ่งที่ได้เข้ามาขยายกิจการในแถบภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน เวียดนาม และไทย

สำหรับประเทศไทยนั้นดูปองท์ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ดูปองท์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้ามาเปิดในปี 2514 โดยได้นำผลิตภัณฑ์เข้ามาจำหน่าย และในปี 2526 ได้เปิดโรงงานผลิตและบรรจุสารกำจัดวัชพืชขึ้นที่บางปู นอกจากนี้ยังได้นำผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม เคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร สีพ่นรถยนต์ ฟิล์ม พลาสติก เส้นใยสังเคราะห์ ส่วนประกอบอีเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี เข้ามาจำหน่าย

ปัจจุบันดูปองท์ในประเทศไทยอยู่ภายใต้การบริหารของ ธีระชัย องค์มหัทมงคล ในฐานะประธานกรรมการซึ่งถือว่าเป็นลูกหม้อของดูปองท์อย่างแท้จริงเพราะทำงานในบริษัทมาแล้วกว่า 20 ปี

เขากล่าวไว้ว่าสาเหตุที่ตั้งโรงงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เคมีด้านการเกษตร เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตร ดังนั้นความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านนี้จึงมีสูง ซึ่งสินค้าที่ดูปองท์ผลิตออกมาจำหน่าย ได้แก่ อัลไลย์. ไฮวาร์เอกซ์, แลนเนท และเวลปาร์

"ปัจจุบันเรามีส่วนแบ่งการตลาดด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์ด้านการเกษตรในระดับต้น ๆ คู่แข่งของเรานั้นมีทั้ง ICI, Monsanto, Ciba Geigy, Rhone Poulence และ AgreEvo"

นอกจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ด้านการเกษตรแล้ว ในปี 2540 ดูปองท์จะเน้นหนักผลิตภัณฑ์ในหมวดเส้นใยและเคมีภัณฑ์เป็นธุรกิจหลักในการทำยอดขาย "ที่เราเน้นกลุ่มนี้เพราะเส้นใยของเราเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย ซึ่งเส้นใยของเราเป็นชนิดพรีเมี่ยมที่สอดคล้องกับธุรกิจสิ่งทอในยุคปัจจุบัน ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนไปสู่การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง เพื่อแข่งขันในตลาดโลก" ธีระชัย เล่า

โดยตลาดสิ่งทอในเมืองไทยกำลังเปลี่ยนจากตลาดล่างไปสู่ตลาดกลางและตลาดบน ดังนั้นผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เช่น การเปลี่ยนแปลงในด้านเทคโนโลยี การตลาด แต่การปรับปรุงคงจะต้องใช้เวลามากพอสมควร ฉะนั้นความได้เปรียบของดูปองท์สำหรับการเปลี่ยนแปลงจึงมีค่อนข้างสูง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ สิ่งทอก็จับตลาดระดับกลางและบนอยู่แล้ว

"การปรับตัวเราจะค่อย ๆ แทรกเข้าไปทำงานกับพันธมิตรบริษัทผู้ผลิตผ้า เสื้อผ้า และในที่สุดเมื่อตลาดปรับตัวเข้าสู่ระดับบนได้แล้วตลาดก็จะใหญ่ขึ้นตามไปด้วย" ธีระชัยกล่าว

สำหรับผลิตภัณฑ์เส้นใยสังเคราะห์ (Polyester) ที่จะนำเข้ามาจำหน่ายนั้นจะเน้นหนักอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ Dacron เป็นเส้นใยเหมาะสำหรับตัดชุดกีฬา เสื้อผ้าชนิดต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์, Nylon เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับดูปองท์เป็นอย่างมาก ปัจจุบัน Nylon มีผู้นำไปผลิตเป็นสินค้าต่าง ๆ อย่างมากมาย เช่น หลอดยาสีฟัน เสื้อผ้า และ Lycra เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มคุณสมบัติพิเศษให้กับเนื้อผ้าที่ถักทอผสมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฝ้าย ไหม ลินิน วิสโคส เป็นต้น ทำให้เนื้อผ้าที่มีส่วนผสมของเส้นใย Lycra นุ่ม มีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับตัดเย็บชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ ถุงน่อง ถุงเท้า

นอกจากนี้ดูปองท์ยังได้เตรียมแผนการลงทุนในประเทศไทยไว้ในระยะยาวด้วยการตั้งเป้าลงทุนไว้สูง 2,500 ล้านบาท ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยจะเน้นใน 3 ธุรกิจหลักคือ อุตสาหกรรมที่ตอบสนองคุณภาพชีวิต อุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับเรียลเอสเตท

"แต่ขณะนี้เรายังบอกชัดเจนอะไรไม่ได้ เพราะเราต้องศึกษาเปรียบเทียบความแตกต่างของเมืองไทยกับประเทศที่มีลักษณะสภาพเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกันกับเรา เช่นโครงการอุตสาหกรรมที่ตอบสนองคุณภาพชีวิตต้องเปรียบเทียบกับอินโดนีเซีย โครงการอุตสาหกรรมรถยนต์เทียบกับมาเลเซีย" ธีระชัย กล่าว

อีกทั้งลักษณะการลงทุนของดูปองท์จะแตกต่างไปจากอดีตอย่างมาก เพราะในอดีตเวลาลงทุนจะเข้าไปในลักษณะเต็ม 100% แต่ปัจจุบันดูปองท์ได้เปิดโอกาสให้บริษัทท้องถิ่นเข้ามาร่วมลงทุนด้วยแต่บริษัทร่วมลงทุนจะต้องมีนโยบายใกล้เคียงกับดูปองท์ อย่างไรก็ตามดูปองท์ก็ยังรักษารูปแบบการลงทุนเดิมๆ อยู่ คือ พยายามหาพันธมิตรให้น้อยที่สุด

"อย่างเช่นในปัจจุบันที่เรากำลังดำเนินโครงการอยู 2-3 โครงการ ก็ได้มีการเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นอยู่ 2 รายซึ่งเป็นบริษัทดำเนินธุรกิจทางด้านปิโตรเคมี แต่เราก็ยังไม่สรุปว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เราอาจจะลงทุนเองหรือในลักษณะร่วมลงทุน" ธีระชัย เล่า

เมื่อบริษัทแม่ได้ตั้งความหวังสำหรับการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกไว้มากขนาดนี้แล้ว ย่อมหมายความว่าการตั้งความหวังด้านยอดขายของบริษัทลูกในแถบภูมิภาคนี้รวมทั้งในประเทศไทยย่อมมีสูงเช่นเดียวกัน และเพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ 200 ปีของการก่อตั้งบริษัทในปี 2002 ได้ตั้งยอดขายไว้สูงถึง 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ปัจจุบันมียอดขายเพียง 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยยอดขายประมาณ 10% ของยอดขายทั้งหมดจะมาจากบริษัทลูกในแถบเอเชีย-แปซิฟิก

"บริษัทแม่ตั้งเป้ายอดขายไว้ในปี 2002 ว่าต้องเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แต่เราเชื่อว่า ยอดขายของบริษัทดูปองท์ในประเทศไทยจะโตขึ้นประมาณ 3 เท่าโดยปีนี้เราคาดว่ายอดขายจะโตขึ้นประมาณ 20% ส่วนยอดขายทั้งเอเชีย-แปซิฟิกคาดว่าจะโตขึ้นประมาณ 20% เช่นเดียวกัน "ธีระชัย กล่าว

คงจะต้องจับตาดูว่าดูปองท์จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคในการทำธุรกิจไปได้ตามหวังที่ได้ตั้งเป้าไว้หรือไม่ กับสภาพเศรษฐกิจไทยกำลังย่ำแย่และไม่รู้ว่าจะฟื้นตัวได้เมื่อไหร่

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us