Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2540
แบงก์จีเอสู้ไม่ถอยเปิดฉากกระจายหุ้น             
 


   
search resources

ธนาคารเจเนอรัล เอเชีย
อนุวัตร โกศล
Banking




ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจไทย ทำให้อะไรอะไรก็พลอยดูไม่น่ามั่นใจกันไปหมด แม้กระทั่งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ที่เตรียมการกันมาเนิ่นนานจนได้รับใบอนุญาตกันไปแล้ว 3 แห่งคือธนาคารเจเนอรัล เอเชีย ของกลุ่ม บงล.จีเอฟ ธนาคารปฐมไทยของกลุ่มอิตาเลียนไทย และธนาคารนครราชสีมาของกลุ่มเอ็มบีเค พร็อพเพอร์ตี้ฯ

ล่าสุดธ.ปฐมไทย และธ.นครราชสีมา ได้ยื่นหนังสือขอผ่อนผันการกระจายหุ้นให้ประชาชนออกไปเป็นปี 2541 โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากภาวะตลาดหลักทรัพย์ซบเซาอย่างหนัก คาดว่าการกระจายหุ้นจำนวน 50% หรือ 3,750 ล้านบาทแก่ประชาชนภายในระยะเวลา 6 เดือนนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดไว้ว่าประชาชนจะซื้อหุ้นได้อย่างมากไม่เกินรายละ 1 แสนบาท ดังนั้นอย่างน้อยต้องมีผู้ซื้อถึง 37,000 คนจึงจะสามารถขายหุ้นได้หมดทั้ง 3,750 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามทั้ง 2 กลุ่มได้ยื่นเรื่องขอผ่อนผันเข้าไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายน และยังคงรอคำตอบจากกระทรวงการคลังอยู่ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่อย่างไร ขณะที่มีกระแสข่าวว่า ดร.อำนวย วีรวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและดร.ศิริ การเจริญดี ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยต่างมีความเห็นสอดคล้องกันว่าไม่ควรผ่อนผันให้

ทั้งนี้หลักเกณฑ์เดิมคือกลุ่มที่ได้รับอนุญาตจัดตั้งแบงก์ใหม่ทั้ง 3 แห่ง จะต้องดำเนินการจัดตั้งให้เรียบร้อยภายใน 1 ปี นับจากวันที่ 13 มค. 2540 จากนั้นแบงก์ชาติจึงจะมอบใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ให้

แม้ว่าอีก 2 กลุ่มจะมีทีท่าล่าถอยออกไปแล้ว แต่ธ.เจเนอรัล เอเชีย ของค่ายจีเอฟ ยังคงปักหลักสู้ขาดใจ

"ธนาคารของเรามีกำหนดการเปิดบริการได้ในปลายเดือนตุลาคมนี้" ซินเวศ สารสาส ประธานกรรมการและประธานบริหารธนาคารเจเนอรัลเอเชียกล่าวยืนยัน

เขามองว่าเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้วและคาดว่าจะฟื้นตัวได้ในปลายปีนี้ เนื่องจากปัญหาหลัก 4 ประการคือ ความถดถอยของภาคส่งออก เสถียรภาพค่าเงินบาท ความไม่มั่นคงของสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นผลจากภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเรื่องของอัตราดอกเบี้ยนั้นกำลังได้รับการแก้ไข โดยภาครัฐและเอกชนได้ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ คาดว่าปัญหาเหล่านี้จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นในปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สอดคล้องกับการจัดตั้ง ธ.เจเนอรัล เอเชียจึงถือเป็นโอกาสดีในการทำธุรกิจ

ในจังหวะที่ธ.ปฐมไทย และธ.นครราชสีมาขอเลื่อนการกระจายหุ้นและจัดตั้งธนาคารออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากภาวะของตลาดหลักทรัพย์ไม่เอื้อต่อการกระจายหุ้นนั้น จะทำให้ธ.เจอนอรัลเอเชีย สามารถกระจายหุ้นต่อประชาชนได้ดีขึ้น

"ถ้า 3 แบงก์กระจายหุ้นพร้อม ๆ กันภายในปีนี้ คงจะขายหมดยาก แต่เมื่อเหลือของเราแห่งเดียว คงไม่มีปัญหาอะไร" ชินเวศ กล่าว

ทั้งนี้ อนุวัตร โกศล กรรมการรองกรรมการผู้จัดการแบงก์เจเนอรัล เอเชีย เปิดเผยว่า ธนาคารต้องกระจายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้น 4 กลุ่ม คือกลุ่มผู้เริ่มจัดตั้งที่เป็นแกนหลัก 25 % กลุ่มผู้ร่วมจัดตั้ง 25% ประชาชนทั่วไป 40% และประชาชนในจังหวัดขอนแก่นอีก 10% รวมทั้งสิ้นเป็นทุนจดทะเบียน 7,500 ล้านบาท

ขณะนี้ธนาคารได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เสนอขายหุ้นแล้ว โดยจะมีการโรดโชว์กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในจังหวัดต่างๆ กว่า 10 จังหวัด

ขณะนี้ธนาคารได้ส่งจดหมายให้สิทธิจองซื้อหุ้นกับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มแรก จำนวน 225,000 ราย ซึ่งนักลงทุนจะต้องตอบรับยืนยันจองซื้อหุ้นภายใน 30 วัน หากครบกำหนดแล้วยังขายหุ้นไม่หมด ธนาคารได้ขอผ่อนผันกับกระทรวงการคลังและ ก.ล.ต.เพื่อเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่งคาดว่าจะไม่มีปัญหาและหุ้นของธนาคารจะสามารถเข้าจดทะเบียนในศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์กรุงเทพได้ภายในปีนี้

นอกจากเรื่องการกระจายหุ้นขณะนี้ธนาคารได้ลงทุนในเรื่องบุคลากรไปแล้ว 60 คน และคอมพิวเตอร์อีกกว่า 100 ล้านบาท

ธนาคารได้ประมาณการผลการดำเนินงานตามแผน 5 ปี (2541-2545) ไว้ว่าในปีที่ 5 จะมีสินทรัพย์รวม 76,961 ล้านบาท รายได้รวม 9,330 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 990.45 ล้านบาท โดยในปี 2541-2544 จะมีกำไรสุทธิ 154.28, 206.33, 396.31 และ 629.41 ล้านบาทตามลำดับ

ชินเวศ กล่าวว่าทิศทางของธนาคารจะเป็นธนาคารเพื่อบริการลูกค้ารายย่อย (Retail Banking) สำหรับกลยุทธ์การแข่งขันจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ทันสมัยและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) เข้ามาช่วย เพื่อทำให้การบริการลูกค้าเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลายเดือนมกราคม ธนาคารได้มีการเซ็นสัญญามูลค่า 800 ล้านบาทกับบริษัทไฟเซิร์ฟ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ทางด้านการวางระบบคอมพิวเตอร์ให้กับธนาคารและสถาบันการเงินทั่วโลก

การนำระบบนี้มาใช้จะสามารถลดขั้นตอนของงานเอกสารลง และเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ ทั้งยังประหยัดบุคลากรอีกด้วย โดยแต่ละสาขาจะมีบุคลากรเฉลี่ยประมาณ 10 คนเท่านั้น

คาดว่าภายในปีนี้สำนักงานใหญ่ในจังหวัดขอนแก่นและสำนักงานสาขาในกรุงเทพฯจะเปิดดำเนินการได้ และภายในปี 2545 จะสามารถเปิดสาขาทั้งหมดได้ 64 แห่ง

"กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นรายย่อยขนาดกลางและเล็กส่วนหนึ่งมาจากสายสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นของธนาคาร และอีกส่วนมาจากการหาตลาดของธนาคารเอง" ชินเวศกล่าว

จากคำยืนยันทั้งคำพูดของผู้บริหาร และสิ่งที่ได้ดำเนินการได้แล้วหลายอย่าง เชื่อได้ว่าใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ 5 ใบที่แบงก์ชาติหวังแจกจ่ายภายในปีนี้ อย่างน้อยก็จะมีธ.เจเนอรัล เอเชีย แห่งหนึ่งที่เปิดดำเนินการได้ทันตามกำหนด ส่วนอีก 4 ใบนั้นยังต้องรอลุ้นกันต่อไป

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us