Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน29 ธันวาคม 2548
แผนแม่บทตลาดทุนเน้น 7 จุด "ก้องเกียรติ" ทำเฮียริ่งม.ค.49             
 


   
search resources

ก้องเกียรติ โอภาสวงการ
Investment




"ก้องเกียรติ" เปิดร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับ 2 หลัง "ทนง" ขุนคลังไฟเขียวในหลักการ เตรียมส่งให้ปลัดกระทรวงการคลังตรวจทานปรับปรุงแก้ไขก่อนทำเฮียริ่งกลางเดือน ม.ค.ปีหน้า เน้น 7 เรื่องหลัก เพิ่มนักลงทุนสถาบันในตลาดทุนเป้าหมาย 5 ปี 40%, สร้างนักลงทุนรายย่อยในตลาดตราสารหนี้, เพิ่มความแข็งแกร่งผู้เกี่ยวข้องตลาดทุน "บจ.-บล.-บลจ.", ประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแก้ไขกฎระเบียบให้ทันสมัย

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ในฐานะประธานสภาธุรกิจไทยตลาดทุนไทย ได้ให้สัมภาษณ์ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 2 ระหว่างปี 2549-2553 ซึ่งได้รับความเห็นชอบในหลักการจากนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2548 สภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะนำร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับดังกล่าวให้แก่นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาให้ปรับปรุงและแก้ไขอีกครั้ง ก่อนจะเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น (เฮียริ่ง) จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงประมาณกลางเดือนมกราคม ปี 2549

นายก้องเกียรติกล่าวต่อไปว่า สำหรับรายละเอียดในร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 2 แบ่งการพัฒนาออกเป็น 7 เรื่องประกอบด้วย ประการแรก การเร่งสร้างนักลงทุนสถาบันให้มีสัดส่วนที่มากขึ้นในตลาดทุน โดยปัจจุบันสัดส่วนของนักลงทุนสถาบันอยู่ที่ประมาณ 25% โดยตั้งเป้าจะเพิ่มให้เป็น 40% ใน 5 ปีข้างหน้า ขณะที่สัดส่วนของนักลงทุนรายย่อยจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 75% จะลดลงเหลือประมาณ 60%

ทั้งนี้ เพื่อให้ราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน สะท้อนกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดหลักทรัพย์ให้มากขึ้น และจะเป็นเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ หรือ พี/อี เรโช ตลาดทุนไทยสามารถปรับขึ้นได้ เนื่องจากนักลงทุนสถาบันจะลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นและพี/อีของหุ้นแต่ละกลุ่มหรือบริษัทสามารถปรับขึ้นได้ตามพื้นฐานที่แท้จริง ขณะที่นักลงทุนไทยมักจะลงทุนในหุ้นที่พี/อีอยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว

ประการที่สอง การเร่งสร้างนักลงทุนรายย่อยในตลาดตราสารหนี้ เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนสถาบันเป็นกลุ่มหลักที่ซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ ซึ่งมาตรการในการเพิ่มจำนวนนักลงทุนรายย่อยอาจจะต้องมีการเพิ่มกฎเกณฑ์บางอย่างเพื่อ ให้สอดคล้องกับตลาดรองมากขึ้น เช่นในประเทศจีนเปิดโอกาสให้ตราสารหนี้สามารถเปลี่ยนมือกันได้โดยไม่มีการเก็บภาษีส่วนต่าง

นอกจากนี้ ตลาดทุนควรจะเข้าไปมีบทบาทกับเศรษฐกิจมากขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 67% เป็น100% ในอนาคต ขณะที่ตราสารหนี้จากระดับ 48% เป็น 80% ของจีดีพีประเทศ

ประการที่สาม นวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ เช่น ตลาดอนุพันธ์ ที่จะเปิดให้มีการซื้อขายครั้งแรกในช่วงเดือนเมษายน 2549 โดยธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงของนักลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นอยู่ในขาลง หรือกองทุนอสังหาริมทรัพย์จะมีแนวโน้มมากขึ้นในอนาคต

ประการที่สี่ การเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เพื่อแข่งขันกับบริษัทข้ามชาติ ในอนาคตภายหลังมีการเปิดการค้าเสรีทางการเงินขึ้น โดยอาจจะต้องมีการเพิ่มทุน ควบรวมกิจการ หรือระดมทุน เป็นต้น

ประการที่ห้า การสนับสนุนบรรษัทภิบาลให้กับบริษัทจดทะเบียน (บจ.), บริษัทหลักทรัพย์ (บล.), บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มากขึ้น โดยอาจจะต้องมีการกำหนดให้ชัดเจนเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือกฎเกณฑ์ในเรื่องต่างๆ เช่น กรรมการหรือผู้บริหารบริษัทจะต้องผ่านการอบรมทดสอบกับมาตรฐานบรรษัทภิบาล

ประการที่หก การขยายความรู้ ความเข้าใจในการลงทุนที่ถูกต้องกับนักลงทุนในต่างจังหวัดมากขึ้น แม้ว่าจุดศูนย์รวมของการลงทุนจะกระจุกตัวในกรุงเทพฯและจังหวัดขนาดใหญ่เป็นหลัก

ประการที่เจ็ด การประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ซึ่งจะต้องมีการหารือและประสานงานในการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยน แปลงกฎเกณฑ์กฎระเบียบบางอย่าง เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดทุนยุคใหม่

อย่างไรก็ตาม การที่จะพัฒนาตลาดทุนไทย จะต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่ายงานทุกฝ่ายเพื่อประสานการทำงานให้สอดคล้องกัน

สำหรับเป้าการเพิ่มมูลค่าตลาดรวมของตลาดทุนไทยตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลังได้มอบหมายให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล โดยตั้งเป้ามาร์เกตแคปไว้ที่ 10 ล้านล้านบาท ในช่วงเวลา 5 ปี หรือเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวจากปัจจุบันอยู่ประมาณ 5 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่ามีความเป็นไปได้อย่างมาก   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us