ธุรกิจเพื่อสุขภาพและความงามยังมาแรงตลอดปี 2548 นี้ หลายตลาดอิงกระแสตอบรับความต้องการผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ด้านสถาบันลดน้ำหนักแข่งดุทั้งปีจาก 2 ค่ายใหญ่ มารีฟรานซ์และบอดี้เชพที่อัดแคมเปญต่อเนื่องทั้งปี หวังดึงลูกค้าและกระตุ้นยอดรายได้โต โรงพยาบาลเกาะกระแสหันเล่นตลาดความงามและสุขภาพ รพ.วิภาวดีส่ง "เมดิไซน์" บุกตลาด ส่วนธุรกิจสปายังขาขึ้น เพราะได้แรงหนุนชั้นดีจากรัฐบาล หลายรายผุดเปิดปีนี้สวนทางเศรษฐกิจชะลอตัว
ปีไก่ 2548 กำลังจะผ่านพ้นไปแล้วอีกไม่กี่วันนี้ แต่สำหรับสถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงามยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอยู่ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ความงามหรือคลินิกความงาม, สปา, ฟิตเนส และสถาบันลดและกระชับสัดส่วน เป็นต้น เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่รู้ดีว่าการมีสุขภาพร่างกายที่ดีแข็งแรง ถือเป็นลาภอันประเสริฐ อีกทั้งคนไทยก็เกาะกระแสอินเทรนด์ตามเมืองนอกที่จะเน้นเรื่องสุขภาพและความงามเป็นจุดขายในการให้บริการและขายสินค้าต่างๆ
ปี 2548 ปีแห่งการขับเคี่ยวของ 2 ผู้นำตลาดลดอ้วน
ปีนี้การแข่งขันของตลาดสถาบันลดและกระชับสัดส่วนมีความรุนแรงตั้งแต่ช่วงต้นปี และคาดว่าคงจะยาวต่อเนื่องไปถึงปีหน้าแบบที่กะพริบตาไม่ได้ ซึ่งในปีนี้จะเห็นได้ว่าการทำการตลาดของ 2 ผู้นำตลาดอย่างมารีฟรานซ์และบอดี้เชพมีการแข่งกันแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ประมาณว่าค่ายไหนเปิดตัวกิจกรรมหรือแคมเปญใหม่ปุ๊บ อีกฝ่ายก็ไม่น้อยหน้ารีบออกแคมเปญใหม่ออกมารับมือทันที เช่น มารีฟรานซ์เปิดตัว แคมเปญบอกลาไขมัน (Bye Bye Fat) ของบอดี้เชพก็มีแคมเปญการสงครามพิชิตความอ้วน หรือการรุกตลาดกลุ่มนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ของทั้ง 2 ค่าย เป็นต้น
ในปีนี้มารีฟรานซ์ในฐานะผู้นำตลาดทุ่มงบการตลาดมากกว่า 230 ล้านบาท อัดกิจกรรมและแคมเปญต่อเนื่องทั้งปี หวังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงไว้อย่างเหนียวแน่น อาทิ แคมเปญ "หุ่นสวยชีวิตก็เป็นได้สวย" เจาะกลุ่มแมสหรือผู้หญิงที่ต้องการลดเฉพาะจุด เปิดตัวไปเมื่อเดือนสิงหาคม ล่าสุดมารีฟรานซ์เดินเกมรุกเฮือกสุดท้ายของปีนี้ ด้วยการส่งแคมเปญส่งท้ายปีไก่ โดยได้ร่วมกับอาร์.เอส.ฯเปิดตัวแคมเปญ "ซินเดอเรลลา ชายนิ่ง สตาร์ คอนเทส บาย มารีฟรานซ์ บอดี้ไลน์" เพื่อให้โอกาสสาวอ้วนได้เข้าสู่วงการบันเทิง ภายใต้งบลงทุนเกือบ 10 ล้านบาท โดยบริษัทฯตั้งเป้ายอดรายได้ปีนี้โต 30%
ส่วนบอดี้เชพปีนี้เดินเกมตั้งแต่ช่วงต้นปีหวังโค่นตำแหน่งมารีฟรานซ์ลง โดยงัดกลยุทธ์การตลาดออกมาสู้หลายอย่าง เช่น ปฏิบัติการลับ 3...4...5 ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ยอดขายบอดี้เชพหลังเปิดตัวโต 91% หลังจากนั้นบอดี้เชพก็เดินหน้าเปิดตัวแคมเปญต่อเนื่อง โดยช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาได้เปิดตัว แคมเปญใหญ่แห่งปี "มิสซิสบอดี้เชพ" ที่เจาะตลาดผู้หญิงหรือคุณแม่ที่มีลูกแล้ว ส่วนช่วงท้ายปีนี้บอดี้เชพคงไม่มีแคมเปญออกมาทำตลาดแต่จะได้เห็นอีกทีก็ปีหน้าฟ้าใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีทีเด็ดให้เห็นอีกมาก เพราะเป็นปีที่บอดี้เชพครบรอบ 13 ปี
ขณะที่รายอื่นอย่าง "ฟิลิป เวน" ที่เปิดบริการแบบครบวงจรโดยเน้นทั้งเรื่องสุขภาพและความงามควบคู่กันไป ปีนี้ก็เริ่มมีการทำตลาดมากขึ้นโดยมีการเปิดตัวทูตคนใหม่ "โรส วริศรา ลี้ตระกูล" และโปรแกรมสุขภาพใหม่ รวมถึงมีแผนจะลงทุนเปิดสาขาที่ 3 ในย่านชานเมือง ภายใต้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท จากปัจจุบันมีสาขาให้บริการ 2 แห่ง คือ ที่ลาดพร้าวและสุขุมวิท
ปัจจุบันตลาดสถาบันลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วนมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท โดยมารีฟรานซ์เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 55% ตามด้วยบอดี้เชพมีแชร์กว่า 30% และอื่นๆ เช่น ฟิลิป เวน ฯลฯ
ธุรกิจเพื่อสุขภาพผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
ปีนี้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความสวยความงามและเพื่อสุขภาพแห่เปิดตัวกันมากตามกระแสรักสุขภาพที่มาแรงในช่วงนี้และคาดว่าจะต่อเนื่องไปอีกหลายปี อาทิ บริษัท ยูเรเชีย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเดย์สปา ซึ่งตั้งอยู่ที่ รร.โซฟิเทล สีลมและเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว "แอนน์ ซีโมแนง" จากฝรั่งเศส ก็ให้ความสนใจกับธุรกิจความงามเหมือนกัน โดยบริษัทฯ เตรียมใช้งบลงทุนกว่า 30 ล้านบาทเปิดสถาบันเสริมความงาม "แอนน์ ซีโมแนง" ในรูปแบบแฟล็กชิพ สโตร์ในบูติค โฮเต็ลเป็นแห่งแรกในปีหน้า ซึ่งการบริการจะมีทั้งการดูแลใบหน้าและผิวกาย โดยกลุ่มเป้าหมายหลักจะเน้นลูกค้าคนไทยระดับไฮเอนด์หรือคนที่มี อายุ 25-45 ปีที่สนใจดูแลสุขภาพผิวตัวเอง
หรือแม้แต่ธุรกิจที่ให้บริการรับปรึกษาด้านความงามอย่างบริษัท ซี เวลเนส จำกัด ก็เห็นแนวโน้มของตลาดเฮลท์ แอนด์ บิวตี้จึงได้จัดตั้งบริษัทฯขึ้นภายใต้ทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็นกลุ่ม อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางซีเวลเนส, การบริการให้คำปรึกษาธุรกิจ, บริการทางด้านเครื่องมือให้แก่ลูกค้าทั่วไปและกลุ่มแพทย์ เป็นต้น
รพ.ลงเล่นตลาดความงาม
เทรนด์สุขภาพและความงามลามไปถึงโรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิกต่างๆ ด้วย เห็นได้จาก รพ.แต่ละแห่งจะมีแผนกที่ให้บริการด้านความงามหรือศูนย์ศัลยกรรมแยกออกมาโดยเฉพาะ อาทิ รพ.ยันฮี ที่มีการเปิดศูนย์ศัลยกรรมและความงามแบบครบวงจร เช่น ศูนย์ลด น้ำหนัก, ศูนย์ผิวหนังและความงาม หรือศูนย์ปลูกและรักษาเส้นผม เป็นต้น ส่วน รพ.บางมด ปีนี้มีการใช้งบกว่า 30 ล้านบาท ในการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่และทำประชาสัมพันธ์มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีการนำดารานักแสดงที่เคยใช้บริการมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการทำตลาด เช่น แนน ปรางวลัย และวรรณษา ทองวิเศษ เพื่อผลักดันยอดรายได้โต10%
ในส่วนของ รพ.วิภาวดีก็เห็นความสำคัญของตลาดกลุ่มนี้จึงได้มีการแตกบริษัทออกมาใหม่ภายใต้ชื่อ "บริษัท ออลเอ็กซ์เปิร์ท จำกัด" โดยดำเนินธุรกิจสถาบันวัยวัฒน์และความงามเมดดิไซน์ที่เปิดให้บริการดูแลด้านสุขภาพและความงามแบบครบองค์รวมหรือครบวงจร โดยมีทั้งเมดิคัลสปา, เมดิคัลดีไซน์ และฟิตเนส ซึ่งจะมีความแตกต่างจากธุรกิจอื่นที่เน้นให้บริการเฉพาะด้าน เช่น สปาก็ให้บริการนวดเพื่อผ่อนคลาย หรือฟิตเนสก็ให้บริการเรื่องการออกกำลังกาย เป็นต้น
โดยทางผู้บริหารเมดดิไซน์วาดฝันไว้ว่าเมดิไซน์จะก้าวไปสู่ฮับ หรือศูนย์กลางของเอเชียในการให้บริการด้านสุขภาพและความงามแบบครบวงจรได้ไม่ยากและจุดขายอีกอย่างที่สำคัญ คือ ค่าบริการที่มีราคาถูกกว่าต่างประเทศถึง 50% ดังนั้น ทางเมดิไซน์จึงได้มีการทำตลาด ด้วยการเจรจากับบริษัททัวร์ในการดึงลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการที่สถาบันฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเซ็นสัญญากับบริษัททัวร์ของประเทศคูเวตและมาเลเซียแล้ว โดยปัจจุบันลูกค้ากลุ่มนี้มีสัดส่วนกว่า 10-15% แต่ปีหน้าหลังการทำตลาดคาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มเป็น 30%
นอกจากนี้ ทางสถาบันฯ ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง โดยมีแผนลงทุนเปิดเอาต์เลตสถาบันความงาม "บอดี้ ดีไซน์" เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงพรีเมียม ซึ่งรูปแบบการบริการจะมีหลายอย่าง เช่น ลดน้ำหนัก, ดูแลผิวพรรณและรูปร่าง ฯลฯ ในส่วนราคาค่าบริการของบอดี้ ดีไซน์จะถูกกว่าเมดิไซน์ประมาณ 30-50%
ธุรกิจสปายังขาขึ้น
สปาเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่แจ้งเกิดในช่วง 2-3 ปีนี้ อีกทั้งได้รับแรงหนุนใหญ่จากภาครัฐที่ต้องการผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางสปาของเอเชีย (The Capital Spa of Asia) ซึ่งปัจจุบันนี้ถือได้ว่าสปาไทยติดอันดับต้นๆของโลกหรือในเอเชียอาจจะเป็นรองเพียงอินโดนีเซียประเทศเดียว โดยจุดเด่นของไทยได้เปรียบเรื่องการบริการและโนว์ฮาว ส่วนเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในสปายังสู้อินโดนีเซียไม่ได้ เนื่องจากผู้ผลิตและผู้ใช้ผลิตภัณฑ์มีความเข้าใจไม่ตรงกันและมีกรรมวิธีในการใช้ที่ผิดหรือส่วนใหญ่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจสปายังเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงอยู่ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าขณะนี้มีหลายประเทศสนใจอยากจะลงทุนสปามากขึ้น เช่น สิงคโปร์, เวียดนาม, ฮ่องกง, ไต้หวัน และญี่ปุ่น
ขณะที่ตลาดในไทยเองก็มีผู้ประกอบรายใหม่สนใจทำธุรกิจนี้กันมากและก็มีจำนวนมากที่ปิดตัวลง หลังทนพิษเศรษฐกิจไม่ไหว เนื่องจากไม่มีการวางแผนการตลาดอย่างเป็นระบบ เห็นว่าธุรกิจนี้บูมจึงอยากเปิดบ้าง โดยที่ไม่ได้ศึกษารายละเอียดอย่างถ่องแท้ รวมถึงงบลงทุนหรือการทำตลาดก็สู้สปารายใหญ่ไม่ไหว แต่หากมองอีกมุมหนึ่งในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ชะลอตัวลงหรือน้ำมันแพงขึ้น ส่งผลให้คนเกิดความเครียดหรือเมื่อยล้าจากการทำงานจึงอยากพักผ่อนหรือผ่อนคลายด้วยการนวด สปาจึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่รักสุขภาพ
สปารายใหม่แห่เปิดตัวปีนี้
สำหรับปีนี้สปาที่เปิดใหม่มีหลายแห่ง อาทิ สปาของนางแบบสาว "จอย" วราลักษณ์ วาณิชย์กุล ที่ได้ควักเงินลงทุน 12-13 ล้านบาท เปิดตัว "เซ็นต์ออฟจอย สปา" ซึ่งให้บริการแบบเดย์ สปาและเวลเนส ตั้งอยู่ที่อาคารจัสมินซิตี้ สุขุมวิท 23 ซึ่งการทำตลาดจะเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรอย่างแคลิฟอร์เนียฯหรือรายอื่นๆ
นอกจากนี้บริษัท ปภานัน จำกัดยังได้ลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เปิดตัว "เอส เมดิคัล สปา" ที่ให้บริการครบสมบูรณ์ที่สุดในเอเชีย ตั้งอยู่ ที่ถนนวิทยุด้วยขนาดพื้นที่ 2,700 ตารางเมตร จุดเด่นของเอสฯอยู่ที่การบริการที่นำเอาเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่, แพทย์ทางเลือกและสปาบำบัดมารวมไว้ด้วยกัน โดยค่าบริการสปาอยู่ที่ประมาณ 2,000-10,000 บาท และในช่วงแรกจะเน้นกลุ่มเป้าหมายคนไทยเป็นหลัก 70% และคนต่างชาติ 30% จากนั้นปีต่อไปจะเน้นเป็นคนไทยและต่างชาติ เท่ากัน
นางพักตร์พิไล ทวีสิน ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปภานัน จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ "เอส เมดิคัล สปา" เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า แนวโน้มธุรกิจสปาจะก้าวไปสู่รูปแบบเมดิคัลเพิ่มขึ้น เพราะสามารถตอบโจทย์เรื่องการดูแลสุขภาพได้อย่างครบวงจร ส่วนแนวโน้มธุรกิจเพื่อสุขภาพและความงามในตลาดไทยคาดว่ายังไปได้ไกลอีก 20 ปี เพราะคนจะกลัวเจ็บและกลัวตายมากขึ้น โดยคนที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปีจะให้ความสำคัญกับเรื่องความงาม ส่วนคนอายุ 40 ปีขึ้นไปจะห่วงเรื่องสุขภาพมากกว่า
สำหรับธุรกิจสุขภาพและความงามในปัจจุบันมีมูลค่าสูงกว่าหมื่นล้านบาทและอัตราการเติบโตปีละกว่า 10-20% โดยแบ่งออกเป็นสถานเสริมความงามและคลินิคกว่า 2-3 พันล้านบาทและธุรกิจบริการต่างๆ 1-2 พันล้านบาท และที่เหลือเป็นตัวผลิตภัณฑ์และอื่นๆ
|