Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2549
ลบหลู่ศาสนา             
โดย สุภาพิมพ์ ธนะพรพันธุ์
 


   
search resources

Social




ในขณะที่ภาพยนตร์อินเดียเข้าฉายในปารีสพร้อมกันหลายเรื่อง ห้างสรรพสินค้ากาเลอรีส์ ลาฟาแยต (Galeries Lafayette) จัดเทศกาลอินเดีย มีสินค้าหลากชนิดตั้งแต่เครื่องเทศนานาชนิด อาหาร และเครื่องดื่มสำเร็จรูปขาย ในส่วนที่เป็นลาฟาแยต กูร์เมต์ (Lafayette Gourmet) ซึ่งขายอาหารโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังมีสินค้าประเภทแฟชั่นขายในอาคารใหญ่ด้วย

เทศกาลอินเดียทำให้ทราบว่าแฟชั่นอินเดียก้าวไปไกลมากแล้ว ดีไซเนอร์อย่างรีนา ธากา (Rina Dhaka) ส่งออกสินค้าของตนไปถึงสหรัฐอเมริกา เธอใช้ผ้าทอพื้นเมืองของอินเดีย ตัดในรูปแบบสมัยใหม่ ขณะเดียวกันได้เห็นผ้าที่เรียกว่า pareo พิมพ์ลายพระพิฆเนศและเทพอีกสององค์ ไม่ทราบแน่ชัดว่า เป็นเทพองค์ใด ผ้านี้ใช้พันตัวทับชุดว่ายน้ำ เดินตามชายหาด เห็นแล้วอดตะขิดตะขวงใจไม่ได้ นึกในใจว่าช่างลบหลู่เทพในศาสนาของตนได้ลงคอ

เมื่อเข้าไปอ่านหนังสือพิมพ์ทางอินเทอร์เน็ต เห็นข่าวมีผู้พิมพ์พระพุทธรูปบนผ้าผืนน้อยเพื่อปกปิดร่างกาย อุบาทว์กันอย่างนี้แล้ว หรือนำรูปเคารพมาปู้ยี่ปู้ยำ นรกไม่ถามหาให้รู้ไป

แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ชอบใจที่เห็นชาวเทศนำพระพุทธรูปไปเป็นเครื่องตกแต่งบ้าน ที่แปลกคือ ชาวไทยนี่เองที่ขายเศียรพระพุทธรูปแก่ชาวเทศ เห็นแต่วิถีทางที่จะทำให้ตนเองมั่งคั่ง โดยไม่ได้คำนึงว่า เป็นจักรกลหลักในการส่งเสริมให้ชาวเทศละเมิดรูปเคารพทางศาสนา ในกรุงปารีส มีบาร์แห่งหนึ่งนำพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไปตั้งในบาร์ ให้ชื่อบาร์ว่า Buddha Bar และยังผลิตแผ่นซีดีเพลงที่เปิดในบาร์ของตนออกจำหน่ายด้วย ปกซีดีเป็นภาพพระพุทธรูปที่ตั้งในบาร์ และแปลกแต่จริงอีกเช่นกันว่าไม่มีใครทำให้บาร์แห่งนี้เลิกใช้ชื่อและพระพุทธรูปทำมาหากินได้

โปสเตอร์โฆษณาเทศกาลศิลปะซึ่งจัดโดยองค์การเยาวชนแห่งหนึ่งในรัสเซีย เมื่อกลางเดือนเมษายน 2005 ใช้รูปเหมือนคนถูกตรึงไม้กางเขนในอักษรตัว O แถมมีค้อนและเคียวพร้อมตัวหนังสือว่า "ศาสนาของนักบุญคอมมิวนิสต์" พร้อมกับตัวอักษร LSD ก็ชื่อยาเสพติดน่ะ แค่นี้ก็เพียงพอที่เจ้าอาวาสของเมืองนั้นจะออกมา "เต้น" ร้องเรียนไปยังกรมศาสนาและฟ้องศาลขอให้เรียกเก็บโปสเตอร์เหล่านั้น รวมทั้งให้เปิดการสอบสวนเกี่ยวกับการสนับสนุนการบริโภคยาเสพติด และห้ามมิให้ผู้ออกแบบโปสเตอร์นี้ใช้สัญลักษณ์ทางศาสนาอีก

ก่อนหน้านี้ราวปลายเดือนมีนาคม ศาลกรุงมอสโกตัดสินปรับโทษผู้อำนวยการศูนย์ซาคารอฟเป็นเงินถึง 100,000 รูเบิ้ลด้วยข้อหา "ก่อให้เกิดความเกลียดชังในชาติและศาสนา" ทั้งนี้เพราะศูนย์ซาคารอฟจัดนิทรรศการชื่อ Attention, religion! -ระวัง ศาสนา- ในเดือนมกราคม 2004 ผลงานที่นำออกแสดงใช้ภาพพระเยซู การตรึงไม้กางเขนและภาพทางศาสนาภาพหนึ่ง เป็นพระเยซูโฆษณาโคคา-โคลา พร้อมกับโลโกว่า This is my blood นี่คือเลือดของข้าฯ ทั้งนี้เพราะในการประกอบพิธีมิสซา บาทหลวงจะนำขนมปังแผ่นกลมบางและไวน์แดงมาเสก ด้วยการกล่าวถึงคำพูดพระเยซูที่มีต่อสาวกที่ร่วมอาหารมื้อสุดท้ายว่า นี่คือเนื้อและเลือดของข้าฯ

ในฝรั่งเศสมีคดีฉาวเช่นกัน ใครจะเชื่อว่าชาวฝรั่งเศสที่นับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก จะนำภาพเขียนทางศาสนามาแปลงเป็นภาพโฆษณาเสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่ง ด้วยการจัดวางภาพเลียนแบบภาพเขียน The Last Supper ของเลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) อันเป็นภาพพระเยซูร่วมโต๊ะอาหารมื้อสุดท้ายกับสาวกทั้ง 12

ภาพโฆษณานี้เป็นเสื้อผ้ายี่ห้อ Marithe et François Girbaud มีคอนเซ็ปต์ว่า หากสตรีเป็นผู้นำแล้ว โลกคงจะต่างจากที่เห็นในปัจจุบัน จึงใช้นางแบบแทนพระเยซูและสาวก ทั้ง 12 คน ยกเว้นหนึ่งหนุ่มที่ไม่ได้สวมเสื้อหันหลังให้ ซุกใบหน้ากับซอกคอสาวหนึ่ง ทันทีที่ภาพโฆษณานี้แพร่หลาย องค์กรทางศาสนาหลายแห่งเห็นว่าเป็นการหมิ่นศาสนา ศาลชั้นต้นกรุงปารีสจึงพิพากษาห้ามเผยแพร่ภาพโฆษณานี้

ระหว่างการพิจารณาคดี ทนายของดีไซเนอร์ฝรั่งเศสคู่นี้อ้างถึงผลงานของแอนดี้ วาร์โฮล ในพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ที่ใช้ฉากเดียวกันนี้ แต่แทนบรรดาสาวกพระเยซูด้วยมอเตอร์ไซค์ อีกทั้งภาพเขียนเกี่ยวกับศาสนาที่เห็นตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ นั้น ก็มีภาพพระเยซูและนักบุญเกือบเปลือยเช่นกัน เหตุไฉนจึงปล่อยให้มีการเผยแพร่อยู่ได้ อีกประการหนึ่ง ภาพโฆษณานี้เลียนแบบภาพเขียน ไม่ได้จำลองจากคัมภีร์ไบเบิล นอกจากนั้นนวนิยายเรื่องดาวินชีโค้ดของแดน บราวน์กล่าวล่วงศาสนามากกว่ามากมายนัก ทำไมจึงไม่มีการห้ามเผยแพร่ และหากมีหนุ่มเดียวในภาพโฆษณานั้นก็เพื่อแทนที่มารี-มาดแลน และแม้หนุ่มนี้ไม่สวมเสื้อแต่ไม่ได้ถึงกับแก้ผ้าอุจาดตา

เชื่อว่าความสำเร็จสูงของดาวินชีโค้ด มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดแคมเปญโฆษณานี้ ถือเป็นการอิงกระแสที่มาแรงในฝรั่งเศส

ในปี 1998 ผู้เคร่งศาสนาเคยร้องเรียนเช่นกันเมื่อบริษัทโฟล์คสวาเกนนำภาพ The Last Supper มาโฆษณา โดยให้พระเยซูตรัสกับสาวกว่า ท่านทั้งหลาย เรามาดีใจกันเถอะว่ารถโฟล์คกอล์ฟใหม่ถือกำเนิดแล้ว

Marithe et François Girbaud นั้นเป็นยี่ห้อที่เป็นผลงานของมาริเต้และฟรองซัวส์ จีร์โบด์ อันว่าฟรองซัวส์ จีร์โบด์นั้นเกิดที่เมือง มาซาเมต์ (Mazamet) ซึ่งเป็นศูนย์การทอผ้ามาสี่ศตวรรษแล้ว และนับแต่ทศวรรษ 1950 เป็นต้นมาได้กลายเป็นเมืองแห่งการผลิตขนแกะเพื่อนำไปทอต่อไป ฟรองซัวส์ จีร์โบด์ชอบดนตรีร็อกมากและมักมีโอกาสสัมผัสนักแสดงนักร้องดัง หลายคนขอคำแนะนำเกี่ยวกับการแต่งตัว เขาจึงกลายเป็นที่ปรึกษาด้านเครื่องแต่งกายของนักร้องร็อกฝรั่งเศสหลายคน เขาเปิดร้านที่แซงต์โทรปหรืออีกนัยหนึ่งแซงต์-โทรเปซ์ (Saint Tropez) เมืองตากอากาศอันลือชื่อทางตอนใต้ของฝรั่งเศส วันหนึ่งมาริเต้นำปันโช (pancho) มาขายให้ อันเป็นที่มาของการใช้ชีวิตร่วมกันมาจนทุกวันนี้

พลันที่บริจิตต์บาร์โดต์สวมปันโชจากร้านนี้ ผู้คนหลั่งไหลมาสั่งซื้อ ทั้งสองใช้ชีวิตแบบฮิปปี้ ยึดมั่นในสโลแกน "สันติภาพและความรัก" ชนกลุ่มนี้ชื่นชอบปันโชเป็นพิเศษ แล้วก็มาถึงแฟชั่นกางเกงยีนส์ เขาสั่งเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา นำไปฟอกให้เก่าและพบว่า เส้นใยที่แท้จริงของผ้ายีนส์นั้นมีสีขาว จึงเกิดความคิดที่จะย้อมผ้ายีนส์เพื่อไม่ให้สีจืดจาง และแล้ววันหนึ่งตัวแทนของ Wrangler มาขอทำสัญญาด้วย

Marithe et François Girbaud สนุกกับการทำกางเกงยีนส์รูปแบบต่างๆ ห่างไกลจากยีนส์คลาสสิก กางเกงยีนส์ที่หลวมมากแบบ baggy และติดกระเป๋าขนาดใหญ่ซึ่งออกวางจำหน่ายในปี 1974 กลายเป็นกางเกงที่พวกแร็ปสวมในปัจจุบัน ยี่ห้อนี้ออกแบบเครื่องแต่งกายของเจนนิเฟอร์ บีลส์ในภาพยนตร์เรื่อง Flash-dance กางเกงยีนส์ของ Marithe et François Girbaud โดนใจอเมริกันชนอย่างจัง นอกจากนั้นทั้งสองยังหันมาสนใจการฟอกหนังให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่นฟอกให้มีสีกระดำกระด่างหรือฟอกให้หนังยับเป็นต้น

Marithe et François Girbaud มีสาขาในอิตาลี สเปน อังกฤษ หากสิ่งที่ทำให้ทั้งสองผิดหวังคือรัฐไม่ได้ให้ความสนับสนุนธุรกิจด้านนี้

เคยหลงเข้าไปในร้าน Marithe et François Girbaud พนักงานขายมองอย่างงงๆ หากพอเห็นสินค้าที่วางขายอยู่ ก็พอจะเข้าใจได้ ด้วยว่ามีรูปแบบหวือหวาแบบวัยรุ่น วัยดึกไม่เกี่ยว นับแต่นั้นไม่เฉียดกรายไปอีกเลย

และเมื่ออ่านพบว่าเคยเป็นบุปผาชนมาก่อน ก็ไม่แปลกใจที่ใช้ภาพโฆษณาที่เลียนแบบภาพทางศาสนา ก็คุณฮิปปี้เธอต่อต้านสังคมและเมินศาสนาน่ะ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us