Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2549
SET Webboard ธันวาคม 2548 "กลยุทธ์ลุยหุ้นตลอดปี 2549"             
โดย สมคิด เอนกทวีผล
 


   
search resources

Stock Exchange




ผู้ใช้ชื่อแฝงในเว็บบอร์ดว่า Invisible_hand ซึ่งเป็นผู้ดูแลเว็บกระทิงเขียว ห้อง "กระทิงคุณค่า" (พูดคุยกันเรื่องการลงทุนที่ไม่ใช่การเก็งกำไรระยะสั้น) ได้ให้ทัศนะเชิงเศรษฐศาสตร์และกลั่นจากประสบการณ์การลงทุน แนะนำหลักการลงทุนตลอดปี 2549 เอาไว้ ผู้อ่านสามารถตั้งคำถามเพิ่มเติมหรือโต้แย้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ด้านล่างของหน้าเว็บเช่นเคย

ที่อยู่เว็บ
bbznet.com/scripts3/view.php?user=greenbull&
board=8&id=2595

"มุมมองสำหรับปี 2549"
Invisible_hand มองว่าปัจจัยหลักต่อภาวะการลงทุนในปี 2549 คือเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมัน ทั้งสองอย่างจะไปด้วยกัน คือหากเศรษฐกิจโลกดี ราคาน้ำมันก็จะแพง แต่หากเศรษฐกิจโลกไม่ดี ราคาน้ำมันจะลดลง

ในกรณีที่เศรษฐกิจโลกดี ก็หมายความว่าการส่งออกของไทยดีซึ่งก็จะมีผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมด้วย แต่ก็จะทำให้น้ำมันแพงขึ้น ราคา commodity ขั้นพื้นฐานคือ แร่เหล็ก แร่ธาตุอื่นๆ จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพง และจะทำให้การบริโภคลดลง

ในกรณีที่เศรษฐกิจโลกไม่ดี การส่งออกแย่ลง แต่ราคาน้ำมันก็จะลดลง และจะทำให้การบริโภคดีขึ้นได้

ยากที่จะทำนายว่าเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันจะเป็นอย่างไร แต่อาจจะเดาได้ว่าเศรษฐกิจโลก จะยังดีอยู่เพราะประเทศจีนยังไปไม่ถึงภาวะที่มีการจ้างแรงงานเต็มที่ (full employment) เนื่องจากยังมีแรงงานส่วนเกินในภาคชนบทอีกมาก เศรษฐกิจโลกน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากแรงขับดันของประเทศจีน

เศรษฐกิจไทยน่าจะโตราว 4-5% และดัชนีตลาดหุ้นคงจะไม่ได้ขึ้นไกลๆ นักลงทุนจะต้องเลือกหุ้นที่เติบโตสูงกว่าระบบเศรษฐกิจ และในภาวะเงินเฟ้อที่ค่อนข้างจะสูงอย่างนี้ จะต้องเลือกหุ้นที่สามารถผลักภาระต้นทุนในกับผู้บริโภคได้อีกด้วย

ผลประกอบการของหลายบริษัทจดทะเบียนในปี 48 ที่ผ่านไปกำไรลดลง หลายบริษัทพลิกจากกำไรเป็นขาดทุน เพราะไม่สามารถปรับราคาขายตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นในภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมัน แร่ธาตุ ยังแพงอย่างนี้ บริษัทเหล่านี้ไม่น่าสนใจนักเพราะไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าบริษัทเหล่านี้จะกลับมาทำกำไรได้ดีในปีนี้

ดังนั้น คำขวัญหลักของ "Invisible_hand" ในการลงทุนปี 2549 นี้คือ "ต้องโตเร็วกว่าเศรษฐกิจและผลักภาระต้นทุนได้"

"Invisible_hand" เชื่อว่ากลุ่มธุรกิจที่จะรักษาความสามารถในการทำกำไรและมีการเติบโตของกำไรให้เห็นในปีนี้ได้จะมีดังนี้

1. กลุ่มค้าปลีก

2. กลุ่มโรงพยาบาล

3. กลุ่มโรงแรม

4. กลุ่มร้านอาหาร

5. กลุ่มธุรกิจที่มีรายได้จากการให้เช่า เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงงาน อาคารสำนักงาน

6. กลุ่มประกัน (บางบริษัทโดยเฉพาะบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่และบริษัทประกันชีวิต)

7. หุ้นสาธารณูปโภคบางตัว เช่น ทางด่วน หรือโรงไฟฟ้า ก็น่าจะรักษาผลกำไรได้ในระดับหนึ่งแม้ว่ากำไรจะไม่เติบโตนัก

อย่างไรก็ตาม หากดูในแง่ valuation แล้ว จะเห็นได้ว่าราคาหุ้นของหุ้นบางตัวใน 1-7 กลุ่มดังกล่าว ได้ปรับขึ้นมาพอสมควรสะท้อนความน่าสนใจในการลงทุนและความแข็งแกร่งของกิจการแล้วและมี P/E สูงเกินไปแล้ว แต่หากเมื่อใดราคาลงโดยที่ปัจจัยต่างๆ ไม่กระเทือนมากนักก็น่าสนใจเข้าซื้อ

ส่วนกลุ่มที่ควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุนคือ

1. หุ้นที่กำลังจะใช้ผลขาดทุนสะสมทางภาษีหมด และจะต้องเริ่มเสียภาษีในปีนี้

2. หุ้นที่เป็นผู้ผลิตที่ลูกค้ามีขนาดใหญ่กว่าตนเองมากๆ ซึ่งหุ้นเหล่านี้อาจจะมีอำนาจต่อรองต่ำ

3. หุ้นที่ราคาวัตถุดิบมีความผันผวนมากๆ และมีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้หลายๆ อย่าง เช่น โรคระบาด ภัยแล้ง

4. หุ้นที่มีข่าวว่าจะเป็นหุ้น turn around เพราะ Invisible_hand เองเชื่อว่าหุ้น turn around จริงๆ ได้ฟื้นกันหมดตั้งแต่ปี 2544-2546 แล้ว

5. Sector ที่มีการ IPO (นำหุ้นใหม่เข้าตลาดฯ) มากๆ ในปีนั้นๆ มักจะเป็นกลุ่มที่ underperform ไม่น่าเข้าลงทุนในปีต่อๆ ไป เพราะในทางเศรษฐศาสตร์อธิบายได้ว่าเมื่อมี capital หรือทุน เข้าไปใน sector ใดมากๆ ก็จะทำให้เกิด excess capital หรือเงินทุนส่วนเกิน ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนของ capital ทั้งระบบลดลง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อปี 2547 หุ้น IPO เป็นอสังหาฯ และวัสดุก่อสร้างเยอะมาก ปี 2548 ต้นปีหุ้น IPO เป็น ยานยนต์ เยอะมาก

การเลือกหุ้นให้ถูกตัวก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อทำผลตอบแทนได้ดีกว่าการฝากเงินในระยะยาว แต่ต้องศึกษาหาข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ ต้องคิดเร็วทำเร็วกว่าคนอื่นอย่างน้อย 1 ก้าวเสมอ หากทำอะไรพร้อมคนอื่น รู้พร้อมคนอื่น หรือคิดเหมือนกับที่ตลาดคิด โอกาสขาดทุนจะมากกว่ากำไร   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us