|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มกราคม 2549
|
|
โชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย ได้ให้ภาพแนวโน้มรูปแบบการลงทุนของนักลงทุนในปีนี้ว่า ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อพิจารณาถึง core asset class หรือ core portfolio ที่ยังคงหนีไม่พ้น cash, bond และ stock ซึ่งรูปแบบดังกล่าวมีลักษณะที่เป็นเหมือนๆ กันทั่วทั้งโลก ขณะที่ property fund กองทุนทองคำ หรือกองทุนน้ำมัน ซึ่งเป็นกลุ่ม non-core asset นั้น แม้จะเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่นักลงทุนควรลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง แต่ขนาดของการลงทุนจะไม่ค่อยใหญ่มากนักคือไม่เกิน 5% เป็นอย่างมาก
จุดที่ต่างกันระหว่างนักลงทุนในไทยและนักลงทุนในต่างประเทศคือ การลงทุนของต่างประเทศจะมุ่งเน้นไปยังการลงทุนในหุ้น ขณะที่รูปแบบการลงทุนของคนไทย ยังคงกระจุกตัวอยู่ในพันธบัตรและตลาดเงินมากกว่า จากเหตุผลที่ว่าประเทศไทยมีลักษณะเป็น bank-based economy คนส่วนใหญ่ จึงยังคงปักหลักอยู่ใน fixed income แม้ปัจจุบันอาจจะมีคนจำนวนมากขึ้นที่คิดจะเปลี่ยนรูปแบบการออมจากเงินฝากธนาคารมายัง money market หรือ bond market มากขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีคนอีกมากที่ไม่ต้องการออกจากระบบการออมเงินในรูปเงินฝาก เพื่อเข้ามาสู่การลงทุนในแบบอื่นมากนัก
ขณะเดียวกันรูปแบบการลงทุนในกองทุนหุ้นนั้น อาจต้องใช้เวลาอยู่บ้างสำหรับนักลงทุนในไทย เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ของไทยเติบโตขึ้นมาได้จากการลงทุนโดยตรงของนักลงทุนเป็นหลัก ซึ่งจะต่างจากตลาดหุ้นในต่างประเทศ อย่างเช่นสหรัฐอเมริกาที่ตลาดหุ้นสามารถเติบโตขึ้นมาได้พร้อมกับนักลงทุนสถาบัน หรือรายย่อยที่นิยมเล่นผ่าน mutual fund แต่ก็มีต้นทุนในการลงทุนที่ค่อนข้างสูงอยู่มากสำหรับรายย่อย นกระทั่งเมื่อ 3-4 ปีก่อนหลังระบบอินเทอร์เน็ตขยายตัวเติบใหญ่ สหรัฐฯ จึงได้เริ่มหันมาสนับสนุนการลงทุนโดยตรงในตลาดให้แก่นักลงทุนในประเทศของตน ด้วยหวังว่าการลงทุนผ่านอินเทอร์เน็ต นี้จะมีส่วนช่วยลดต้นทุนในการลงทุนลงได้
"แนวโน้มการลงทุนของคนไทย ก็ยังน่าที่จะเป็นไปในแบบที่เคยเป็นกันมา แนวโน้มปีนี้ก็อาจจะยังเหมือนปีก่อน คือจะมีกองทุนในกลุ่ม non-core asset ออกมานิดๆ หน่อยๆ ต่อย่างไรก็ตาม government bond ยังคงจะเป็นตัวหลัก" กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย กล่าว
แม้ บลจ.ทหารไทยจะยังเดินไปในแนวทางเดียวกับปีก่อน แต่จะมีความพิเศษในแง่ที่ว่า ปีนี้จะต้องมุ่งเน้นการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนในการประกาศขายหน่วยลงทุนในกองทุนให้ครบทุกรุ่นทุกอายุการลงทุนทั้ง 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน
โชติกาบอกว่าการประกาศเปิดกองทุนใหม่ในแต่ละรอบนั้นจะเกิดขึ้นทุกๆ วันศุกร์สุดท้ายของแต่ละเดือน ด้วยหวังว่า การให้กำหนดระยะเวลาที่แน่นอนแบบนี้ จะช่วยให้นักลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่มีพอร์ตการลงทุนมากกว่า 1 สามารถบริหารเงินสด วางแผนการลงทุน และจัดพอร์ตการลงทุนล่วงหน้าของตนได้ง่ายขึ้นกว่าที่เป็นมาในอดีต
กองทุนใหม่ที่ทยอยเปิดตัวตามกำหนดนี้ นอกจากจะถูกนำมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการช่วยผู้ลงทุนในการวางแผนการลงทุนแล้ว ยังจะถูกนำมาใช้เป็นกองทุนใหม่ทดแทนกองทุนเดิมที่กำลังจะทยอยหมดอายุลงในปีนี้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยรักษามูลค่าสินทรัพย์สุทธิโดยรวมของ บลจ.ทหารไทยในอนาคต
"investor's choice ยังคงเป็นกลยุทธ์หลักที่เราต้องคงไว้ ไม่ได้เปลี่ยนบ่อยๆ เพียงแต่ต้องดูว่าจะออกอะไรมาเมื่อไหร่ เพื่อที่จะทำให้ครบถ้วน" โชติกากล่าว
ตลอดปีที่ผ่านมา บลจ.บัวหลวงออกกองทุนเป็นจำนวนทั้งสิ้น 7 กอง คิดเป็นมูลค่า ราว 12,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิโดยรวมเขยิบขึ้นไปปิดที่ราว 61,000 ล้านบาท จากเมื่อปีก่อนหน้าที่เคยติดลบ 4,800 ล้านบาท เนื่องจากการควบรวมกิจการของธนาคารทหารไทยเข้ากับธนาคารดีบีเอส ไทยทนุและบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยในปี 2549 บลจ. บัวหลวงตั้งเป้าว่า จะขยาย NPV เพิ่มขึ้นอีกราว 10,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร่วมๆ 15%
|
|
|
|
|