ปัญหาการโจรกรรมบัตรเครดิตของพวกมิจฉาชีพ ที่หลายต่อหลายครั้งไม่เพียงแต่สร้างความไม่มั่นใจในความปลอดภัยทางการเงินและข้อมูลส่วนตัวของผู้ถือบัตรเท่านั้น แต่ยังสร้างความปั่นป่วนให้แก่สถาบันการเงินที่เป็นผู้ออกบัตร จนเป็นเหตุให้ต้องวางระบบการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น

เช่นเดียวกับธนาคารกสิกรไทย ที่แม้จะเพิ่งนำระบบชิปมาเป็นตัวช่วยรักษาความปลอดภัยในการเก็บข้อมูลการใช้บัตรให้แก่ลูกค้าผู้ถือบัตร Ideal Card ซึ่งเป็นบัตรเครดิตตัวใหม่ที่ธนาคารกสิกรไทยเพิ่งจะนำเสนอให้แก่ลูกค้าระดับไฮคลาสของธนาคารมาได้เพียงไม่กี่เดือน ก็ถึงคราวที่ธนาคารกสิกรไทยต้องออกบริการเพิ่มเติม เพื่อขยายระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากขึ้น

โดยเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมปีที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทยได้ประกาศให้บริการดังกล่าวนี้ภายใต้ชื่อ K-mAlert เพื่อใช้เป็นบริการแจ้งรายการใช้จ่ายบัตรเดบิตและบัตรเครดิตทุกชนิดของธนาคารกสิกรไทยแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ผ่านระบบ SMS แบบเรียลไทม์ไปยังโทรศัพท์มือถือของผู้ถือบัตรได้ทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็นเอไอเอส ดีแทค ออเรนจ์ หรือฮัทช์ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ถือบัตรได้รับทราบถึงการทำรายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ร้านค้าที่ใช้และยอดเงินคงเหลือที่สามารถใช้จ่ายได้ในทันที

สำหรับบัตรเดบิตนั้น ระบบ SMS จะแจ้งทุกยอดการใช้จ่าย ที่มีการทำรายการเกิดขึ้นในแต่ละครั้ง แต่สำหรับบัตรเครดิตนั้น ระบบ SMS จะมีการแจ้งข้อมูลให้ผู้ถือบัตรรับทราบก็ต่อเมื่อมีการทำ รายการใช้จ่ายตั้งแต่ 2,500 บาทขึ้นไป แต่หากผู้ถือบัตรมิได้เป็นผู้ทำ รายการนั้นๆ ด้วยตัวเองแล้ว ผู้ถือบัตรสามารถแจ้งขออายัดการใช้บัตรกับธนาคารได้อย่างทันท่วงที หลังได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ SMS ถึงการทำข้อมูลรายการผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตนแล้ว

ทั้งนี้ผู้ถือบัตรเดบิตและบัตรเครดิตทุกชนิดของธนาคารกสิกรไทย สามารถขอสมัครรับบริการระบบการรักษาความปลอดภัย นี้ได้ที่เครื่องตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทยทุกเครื่อง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

ส่วนบริการ K-mAlert นี้เป็นบริการที่ธนาคารกสิกรไทยได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าผู้ถือบัตรเดบิตและบัตรเครดิตของกสิกรไทย ด้วยหวังว่าระบบการแจ้งข้อมูลเรียลไทม์นี้จะช่วยลดปัญหาความสูญเสียของลูกค้าจากกลุ่มมิจฉาชีพได้ ขณะที่ในปัจจุบันการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตนั้นมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ด้านข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและเดบิตของลูกค้าใน ธนาคารกสิกรไทยนั้น จะมีทั้งสิ้นราว 10,000 ล้านบาทตามลำดับ และ 400 ล้านบาทต่อเดือน ตามลำดับ