|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มกราคม 2549
|
|
10.29 น. ท่ามกลางแดดจัดและสายลมแรงของเช้าวันที่ 7 ธันวาคม 2548 เจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี เดินนำหน้าลูกสาวลูกเขย วัลลภา และโสมพัฒน์ ไตรโสรัส ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ทำพิธีวางศิลากฤษ์โครงการ The Empire Place คอนโดหรูบนถนน นราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 4
เป็นบรรยากาศที่ไม่แตกต่างกันนักกับภาพในวันที่ 1 ธันวาคม 2547 เมื่อคราวเปิดตัวโครงการแรก "พลาซ่าแอทธินี เพรสซิเด้นท์" คอนโดราคาแพงบนถนนวิทยุ
ทั้ง 2 โครงการพัฒนาภายใต้บริษัท ที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์ ซึ่งร่วมทุนระหว่าง ที.ซี.ซี.แลนด์ของเจริญกับแคปปิตอลแลนด์ บริษัทพัฒนาที่ดินยักษ์ใหญ่จากประเทศสิงคโปร์
หลังการทำพิธีและพูดขอบคุณสื่อมวลชนเพียงสั้นๆ ทั้งคู่ขอตัวกลับโดยทิ้งท้ายไว้ว่า "รายละเอียดของโครงการทายาทของเราผู้ผลักดันโครงการจะกล่าวต่อไป" แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เจริญยังมีเรื่องราวมากมายให้นักข่าวเกือบทั้งหมดกรูเข้าไปซักถาม ทำให้ลูกสาวลูกเขยต้องนั่งรอนักข่าวกลับมาเป็นครู่ใหญ่
โสมพัฒน์และวัลลภาจบการศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และจบโทด้านเศรษฐศาสตร์ที่ดินจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เหมือนกันทั้งคู่ และถูกวางบทบาทให้เป็นผู้ต่อยอดทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล ซึ่งเป็นเจ้าของพอร์ตที่มีความยิ่งใหญ่ในเรื่องฐานเงินทุนและสายสัมพันธ์ทางธุรกิจ
โดยต้องบริหารงานร่วมกันกับเฉิน เหลียนปัง ผู้บริหารของบริษัทแคปปิตอลแลนด์ ซึ่งหลังจากประกาศร่วมทุนเมื่อ 2 ปีก่อนแล้วก็ได้ทยอยเปิดตัวไป 3 โครงการคือ พลาซ่าแอทธินี เรสซิเด้นท์ โครงการวิลล่าราชครู และล่าสุดคือโครงการ The Empire Place คอนโดสไตล์ชิคาโคร่วมสมัย ขนาด 43 ชั้น กลางเมืองจำนวน 440 ยูนิต โฟกัสกลุ่มลูกค้าไปยังคนรุ่นใหม่ และหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มชีวิตครอบครัว ทำงานในเมือง ตัวโครงการจึงมียูนิตขนาดเล็กประมาณ 65 ตร.ม. ให้เลือกซื้อในราคาประมาณ 6-7 ล้านบาท เฉลี่ยประมาณ 9 หมื่นบาทต่อ ตร.ม. ทั้ง 3 โครงการมีมูลค่ารวมกันกว่า 1 หมื่นล้านบาท
2 โครงการแรกวัลลภายืนยันว่าขายไปได้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเจริญย้ำอย่างมั่นใจว่า ปีหน้าตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมของ ประเทศจะเติบโตขึ้นอีกไม่ต่ำว่า 10 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะตลาดของที่อยู่อาศัยที่ราคาขายต่อ ตร.ม. ยังถูกกว่าฮ่องกงและสิงคโปร์มาก
ดังนั้นเป้าหมายที่เป็นภาระท้าทายของกลุ่มนี้ก็คือต้องติดปีก ทะยานขึ้นไปสู่อันดับต้นๆ ของวงการอสังหาริมทรัพย์ ภายในเวลา 3-5 ปี โดยได้วางแผนพัฒนาโครงการในปี 2549 ไว้อย่างน้อย 4 โครง การคือ บ้านจัดสรรที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ คอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 24 จำนวน 300 ยูนิต บ้านจัดสรรในซอยเสนาและโครงการ คอนโดมิเนียมในโครงการนอร์ทปาร์ค ซึ่งมูลค่าลงทุนในแต่ละโครงการ ประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาท
ในขณะเดียวกันประมาณ 14 โครงการอสังหาริมทรัพย์เดิมใน พอร์ตของบริษัท ที.ซี.ซี.แลนด์ มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านนั้น ทางบริษัท แคปปิตอลแลนด์ก็ได้เข้าไปมีบทบาทในเรื่องบริหารจัดการเพื่อสร้างมูลค่าให้เพิ่มมากขึ้น เช่น โครงการแอทธินีทาวเวอร์ โรงแรมเมอริ เดียน บางกอก เมอริเดียน เชียงใหม่ โรงแรมบันยันทรี สมุย ฯลฯ
วันนี้ทรัพย์สมบัติมากมายของกลุ่ม ที.ซี.ซี.โฮลดิ้งที่เกิดจากวิธีคิดของคนรุ่นพ่อที่จบการศึกษาแค่ชั้น ป.4 กำลังส่งต่อถึงคนรุ่นลูกที่มีวิธีคิดและการบริหารจัดการอย่างคนรุ่นใหม่ แต่ในขณะเดียว กันความสำเร็จของคนรุ่นพ่อ คือสิ่งที่กดดันคนรุ่นลูก วัลลภา และโสมพัฒน์ ไตรโสรัส 2 สามีภรรยาผู้มีลูกชายวัย 2 ขวบเศษ และลูกสาวคนเล็กอายุไม่ถึงขวบ รวมทั้งคนที่อยู่ในท้องอายุเพียง 6-7 เดือน จึงต้องทำงานหนักเช่นกัน
|
|
|
|
|