Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 ธันวาคม 2548
"วันชาติ" หวนคืนสังเวียนทุ่มพันล.ฟื้นโปรเจกต์เก่า             
 


   
search resources

Real Estate
วันชาติ ลิ้มเจริญ
การ์เด้น ซิตี้ คันทรี คลับ, บจก.
รีเจนท์รัชดา พร็อพเพอร์ตี้, บจก.




อสังหาฯ รุ่นลายคราม "วันชาติ ลิ้มเจริญ" หวนคืนเวที ปัดฝุ่น 2 โครงการเก่าจากวิกฤตเศรษฐกิจมาพัฒนาต่อ มูลค่าขายกว่า 2,000 ล้านบาท ในย่านพระราม 2 และบางนา ภายใต้แบรนด์ การ์เด้น ซิติ้ โปโล การ์เด้น โฮลดิ้ง คาดเปิดตัวช่วงไตรมาสแรกปี 49 แจงยอดจอง-ขาย 2 โครงการก่อนปิดตัวกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท แต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ธนาคารไม่ยอมปล่อยกู้ลูกค้าทำให้ลูกค้าหมดสภาพ ด้านเครือญาติ "อาร์.เอส. โปรโมชั่น" น้องเขยเฮียจั๊ว ปั้นแบรนด์รีเจนท์ รัชดาฯ ในย่านรัชดาภิเษก 2 โปรเจกต์รวด

นายวันชาติ ลิ้มเจริญ ประธานบริษัท การ์เด้น ซิตี้ คันทรี คลับ จำกัด และกรรมการ บริษัท รีเจนท์ รัชดา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท การ์เด้นฯ เตรียมนำโครงการเก่าที่พัฒนาค้างไว้ในช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ 2 โครงการประกอบด้วย โครงการมหาชัยเมืองใหม่ ในย่านถนนพระราม 2-สมุทรสาคร ซึ่งพัฒนาค้างไว้ตั้งแต่ช่วงปี 2537 และโครงการ์เด้น ซิตี้ โปโล ซึ่งพัฒนาเป็นโครงการเก่าย่านถนนบางนา นำกลับมาปรับปรุงใหม่ และจะเริ่มเปิดตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี 2549 นี้ โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนในการปรับปรุงและพัฒนาทั้ง 2 โครงการ ประมาณ 1,000 ล้านบาท

สำหรับโครงการมหาชัยเมืองใหม่ เดิมเป็นการพัฒนาโครงการภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท การ์เด้น โฮลดิ้ง จำกัด แต่ประสบปัญหาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เนื่องจากสถาบันการเงินไม่พิจารณาปล่อยกู้ให้แก่ลูกค้าที่จองซื้อบ้านในโครงการ ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องยอดขาย ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเพียงรักษาสภาพโครงการในส่วนที่ยังไม่ได้พัฒนาเท่านั้น สำหรับโครงการดังกล่าว มีพื้นที่ในการพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 500 ไร่และมีการพัฒนาไปแล้วในช่วงก่อนวิกฤต 400 กว่าไร่ โดยพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และอาคารพาณิชย์

ส่วนพื้นที่ที่จะนำกลับมาปรับปรุงและพัฒนาใหม่ เป็นพื้นที่ที่เหลือจากการพัฒนาโครงการเดิม โดยคาดว่าจะพัฒนาเป็นบ้านบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ จำนวน 100 ยูนิต ซึ่งบ้านเดี่ยวจะมีราคา เริ่มต้น 2 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนทาวน์เฮาส์ ราคาขายประมาณ 1-2 ล้านบาท มูลค่าขายรวม 100-200 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้เริ่มพัฒนาไปแล้วในบางส่วน คาดว่าจะสามารถเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2549

นายวันชาติ กล่าวว่า ส่วนโครงการบ้าน การ์เด้น ซิตี้ โปโล เลียบถนนบางนา เดิมเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 5-7 ล้านบาท มีพื้นที่พัฒนาโครงการ 400 ไร่ ซึ่งหยุดการพัฒนาตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเช่นกัน โดยก่อนหน้านั้นมีการใช้พื้นที่ในการพัฒนาไปแล้ว ประมาณ 150 ไร่ โดยเหลือพื้นที่ 250 ไร่ บริษัทเตรียมนำกลับมาพัฒนาต่อในปีหน้า โดยจะเป็นรูปแบบบ้านใหม่ สไตล์เอเชียร่วมสมัย จากเดิมที่พัฒนาในรูปแบบสไตล์ยุโรป

ทั้งนี้ การปรับปรุงและพัฒนาโครงการดังกล่าวบนพื้นที่ 250 ไร่ บริษัทจะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส ใช้ระยะเวลาในการพัฒนาประมาณ 3 ปี โดยในเฟสแรก จะพัฒนาเป็นบ้าน เดี่ยว จำนวน 200 ยูนิต มูลค่าขายโครงการประมาณ 1,000-1,600 ล้านบาท คาดราคาขายเฉลี่ยที่ 7-8 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งจะใช้พื้นที่พัฒนา ประมาณ 80 กว่าไร่ พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเริ่มต้น 100-400 ตารางวา ระดับราคา 4-10 กว่าล้านบาท ส่วนเฟสที่ 2 และ 3 นั้นจะมีการปรับรูปแบบการพัฒนาใหม่ตามภาวะความต้องการในตลาด

"ช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทมียอดขายทั้ง 2 โครงการประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท แต่พอเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาต่างๆเกิดขึ้น สถาบันการเงินลดระดับการให้กู้ ทั้งโครง การและสินเชื่อรายย่อย ทำให้ลูกค้าไม่สามารถกู้ซื้อได้ จนทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่หมดสภาพไปเอง และมีผลต่อเนื่องมาถึงยอดขายของโครงการและลามไปถึงสภาพคล่องทางการเงิน จนต้องปิดตัวลงไป" นายวันชาติกล่าว

ด้านนายอรรณพ ลิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหาร บริษัท รีเจนท์รัชดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นเครือญาติของเจ้าของค่ายเพลงอาร์.เอส.โปรโมชั่น กล่าวถึงแผนการพัฒนาโครงการใหม่ของบริษัทว่า หลังจากที่บริษัทได้เปิดตัวโครงการ โฮมออฟฟิศ รีเจนท์ รัชดาฯ- เหม่งจ๋ายไปในช่วงปลายปี 2548 ขณะนี้ บริษัทได้จัดหาพื้นที่พัฒนาโครงการใหม่ได้แล้ว 2 แปลงซึ่งเป็นที่ดินในย่านรัชดาภิเษกใกล้ๆ กับโครงการ เดิม โดยแปลงแรกเป็นที่ดินขนาด4 ไร่ และแปลง ที่ 2 เป็นที่ดินขนาด 11 ไร่ โดยอาจจะพัฒนาโครงการในรูปแบบบ้านเดี่ยว ระดับราคา 4-7 ล้านบาท หรือพัฒนาเป็นโฮมออฟฟิศ เช่นเดิม คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 นี้

สำหรับแนวทางการพัฒนาโครงการนั้น ในที่ดินแปลงแรก ขนาด 4 ไร่บริษัทจะเป็นผู้พัฒนาเอง ส่วนอีกแปลงที่มีขนาดพื้นที่ 11 ไร่เป็นการร่วมทุนในการพัฒนา โดยที่ดินแปลงดังกล่าว จะมีสัดส่วนในการร่วมทุน 50-50% กับเจ้าของที่ดิน

อนึ่งโครงการ รีเจนท์ รัชดา-เหม่งจ๋าย มูลค่าขายโครงการรวม 450 ล้านบาท พื้นที่พัฒนาโครง การ 7 ไร่เศษ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% จากจำนวนยูนิตทั้งหมดในโครงการ 26 ยูนิต โดยมียอดโอนแล้ว 50% และคาดว่าจะสามรถปิดการขาย และมอบโอนให้กับลูกค้าทั้งหมดได้ในเดือน มีนาคม 2549 นี้ โดยในส่วนของยูนิตที่เหลือ2 ยูนิตสุดท้ายนั้น บริษัทได้จัดโปรโมชัน เพื่อปิดโครงการโดยมอบของสมนาคุณ หรือรับเป็นส่วนลดมูลค่าสูงถึง 1,000,000 บาท

นายอรรณพ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีระดับราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้นที่ 16-17.5 ล้านบาท โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 520-700 ตารางเมตร โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูก ค้า บริษัททัวร์ ออแกไนซ์ และกลุ่มเอนเตอร์เทน ที่ย้ายมาจากย่านทาวน์อินทาวน์ประมาณ 30% และ 20% เป็นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการย้ายออฟฟิศ เพราะที่ตั้งออฟฟิศเดิมเริ่มเสื่อมโทรม และอีก 50% เป็นกลุ่มลูกค้าในย่านกลางเมืองที่ต้องการออฟฟิศใหม่ เนื่องจากเช่าพื้นที่ออฟฟิศอยู่ในกลางเมืองที่มีค่าเช่าสูง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบ ระหว่างค่าเช่าพื้นที่กับจำนวนเงินที่ผ่อนจ่ายจาก การซื้อโครงการแล้ว จะคุ้มกว่าการจ่ายค่าเช่า

"ความสำเร็จในการขายโครงการ รีเจนท์รัชดาฯ-เหม่งจ๋าย นี้ เนื่องจากอยู่ในทำเลคุณภาพ รูปแบบโครงการ ตรงกับความต้องการของลูกค้าในตลาด ทำให้เรามียอดขายที่เป็นไปตามเป้าที่วาง ไว้ และที่สำคัญคือระดับราคาไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับทำเลที่ได้ ทั้งนี้ ที่เราขายในราคานี้ได้ เพราะเราได้ที่ดินมาในราคาถูก โดยเราซื้อที่ดิน NPL ต่อจาก แบงก์ออฟไชน่า ซึ่งเดิมราคาขายอยู่ที่ประมาณ 360 ล้านบาท หรือราคาขายอยู่ระหว่าง 100,000-140,000 บาทต่อตารางวา แต่เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่มีการปรับโครง สร้างหนี้ทำให้บริษัทสามารถซื้อได้ในราคาตารางวาละ 80,000-90,000 บาท โดยเราซื้อมาในราคา 190 กว่าล้านบาท ซึ่งในการพัฒนาโครงการนี้ เรามีกำไรอยู่ที่ประมาณ 30%" นายอรรณพ กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us