ซิโน-ไทยฯ พร้อมเต็มที่รับงานศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เผยปรับปรุงพื้นที่ภายในแล้วเสร็จ ขณะนี้กำลังเร่งก่อสร้างอาคารศาลปกครองมูลค่า 1,800 ล้านบาท พร้อมซื้อแบบการก่อสร้างส่วนอื่น ระบุ ช.การช่าง-คริสเตียนีฯ มีสิทธิ์คว้างาน เพราะเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ แย้มมองตาก็รู้ใจ
นายวัลลภ รุ่งกิจวรเสถียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงการรับงานก่อสร้างโครงการในศูนย์ราชการแห่งใหม่ ถนนแจ้งวัฒนะว่า บริษัทได้ดำเนินการงานในส่วนของการปรับปรุงพื้นที่ภายในโครงการที่มีมูลค่างานประมาณ 73 ล้านบาท เสร็จเรียบร้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารศาลปกครอง มูลค่างานส่วนนี้ประมาณ 1,800 ล้านบาท โดยได้เริ่มของฐานรากอาคารแล้ว และคิดว่าในส่วนนี้ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะรัฐบาลมีเงินจ่าย งานรับเหมาก่อสร้าง โดยวันที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา บริษัท ธนารักษ์พัฒนา ได้เปิดให้ผู้รับเหมาเข้าซื้อแบบการก่อสร้างอาคารในส่วนอื่นๆ ซึ่งบริษัทได้เข้าไปซื้อแบบ เพื่อนำแบบมาถอดในการคำนวณราคาค่าก่อสร้าง ก่อนเสนอราคาประกวด
"หากโครงการไหนเราสนใจก็เข้าประมูล ส่วนประเด็นที่ว่า ซิโนไทยจะมีแนวโน้มได้งานในโครงการแจ้งวัฒนะนั้น จริงๆแล้ว ผู้รับเหมารายอื่นๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะประมูลงาน อยู่ที่ราคาและ แผนงาน และคิดว่าแม้แต่ของช.การช่างหรือบริษัท คริสเตียนี และนีลเส็นฯ ก็มีสิทธิ์เพราะเป็นผู้รับเหมารายใหญ่มองตาก็รู้กันแล้วว่าคิดอะไรอยู่" นายวัลลภกล่าว
อนึ่ง ศูนย์ราชการแห่งใหม่ แจ้งวัฒนะมีพื้น ที่รวม 950,000 ตารางเมตร พื้นที่ใช้สอย 490,000 ตารางเมตร รองรับหน่วยงานราชการทั้งหมด 29 หน่วยงาน วงเงินก่อสร้างจำนวน 24,000 ล้านบาท โดยได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัท PMSC เป็นที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง จ้างมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง (สวค.) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน จ้างกลุ่มบริษัท GCDC เป็นที่ปรึกษาออกแบบ และบริษัท แอสดีคอน คอร์ปอเรชั่นทำ EIA ขณะที่แผนการก่อสร้างจะเริ่มงานก่อสร้างศาลปกครองเป็นหน่วยงานแรก ส่วนอาคารที่เหลือจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคาดจะสามารถเริ่มใช้ได้ประมาณกลางปี 2551
แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยว่า ที่ดินที่อยู่โดยรอบศูนย์ราชการเป็นของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่ถือไว้นานแล้ว อาทิ บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) มีที่ดินนับ 1,000 ไร่ในย่านนั้น, โครงการสนามกอลฟ์นอร์ธพาร์ค ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่มีที่ดินเหลืออยู่กว่า 200 ไร่ ส่วนกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ถือเป็นเจ้าใหญ่ที่เข้าไปพัฒนาโครงการจัดสรรในย่านดังกล่าวมาเป็นเวลานาน ก็ได้ปิดการขายไปเกือบ หมดทุกโครงการ และก่อนหน้านี้กลุ่มแลนด์ แอนด์เฮ้าส์มีที่ดินแลนด์แบงก์ในย่านแจ้งวัฒนะจำนวนหลายร้อยไร่ แต่ก็ได้ขายออกไปแล้วเช่นกัน
สำหรับโครงการจัดสรรที่ใกล้ชิดนักการเมืองได้แก่ โครงการชินณิชา วิลล์ โดยบริษัท สร้างสิน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ถือหุ้นโดยบริษัท สินมหัต จำกัด ถือในสัดส่วน 40% กับ บริษัท ทีเอสบี โฮลดิ้ง จำกัด ของนายสุธรรม มลิลา อดีตผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีสัดส่วนหุ้นอยู่ประมาณ 60% ถึงแม้ว่าจะไม่ปรากฏ รายชื่อผู้ถือหุ้นตระกูล "วงศ์สวัสดิ์" เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท สินมหัต แต่ก็เป็นที่ทราบดีว่าเป็นของ "เจ๊แดง" นางเยาวภาและนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สามี แต่ปัจจุบันสินมหัตได้ขายหุ้นทั้งหมดให้กับนาย สุธรรมทั้งหมดแล้ว โดยให้เหตุผลว่าสภาพตลาด อสังหาฯชะลอตัวลง โดยกำลังซื้อของบ้านระดับบนก็ลดตามไปด้วย
นอกจากนี้ เจ้าของแลนด์แบงก์ในย่านนั้นยังมีกลุ่ม "รัตนเวคิน" มีที่ดินขนาด 100 ไร่ ซึ่งเดิมมีแผนจะพัฒนาเป็นโครงการจัดสรร แต่ได้ชะลอแผนออกไป
เผยความเชื่อถือรัฐเสื่อมทำให้ไม่คึกคัก
แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ย่านแจ้งวัฒนะในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควร เชื่อว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการอิ่มตัวของตลาดที่มีการพัฒนาสินค้าออกมาจำนวนมาก โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมของเมืองทองธานี ที่มีจำนวนยูนิตเหลือขายจำนวนมาก ทำให้คอนโดมิเนียมที่เกิดใหม่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร อีกทั้งโครงการรถไฟสายสีม่วงถูกยกเลิก ประชาชนขาดความเชื่อมั่นจากเดิมที่คิดว่าการเดินทางจะสะดวกสบาย ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้ประชาชนชะลอการซื้อออกไปอีก นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการจัดสรรอีกจำนวนมากเข้าไปพัฒนาโครงการก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ดี หากศูนย์ราชการเกิดขึ้นก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดอสังหาฯ กระเตื้องขึ้นมาบ้าง
"การที่ตลาดแจ้งวัฒนะไม่โตเท่าที่ควร อาจเป็นเพราะความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงการต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าโครงการนั้นจะผ่านการอนุมัติจาก ครม. แล้วยังมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าลงทุน ส่วนผู้ซื้อเองก็ไม่กล้าซื้อบ้าน ทุกคนได้รับบทเรียนมาแล้ว เราจะเห็นได้ว่าโครงการของรัฐหลายโครงการออกมาอย่างมีเลศนัย มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีความชัดเจนของระยะเวลาดำเนินการ เหมือนกับเป็นการประชาสัมพันธ์ หรือเพื่อเรียกคะแนนเสียงเท่านั้น"
|