|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“ไทยเบฟฯ” ชี้ตลาดเบียร์ปีจอแข่งดุ ค่ายเบียร์งัดสินค้าครบพอร์ตช่วงชิงแชร์ หลังสภาพตลาดส่ออาการทรงตัว “เบียร์ช้าง” ชูกลยุทธ์มัลติแบรนด์เร่งปั้นเบียร์ใหม่ 3 ตัว โดดลงเซกเมนต์พรีเมียม –สแตนดาร์ด นำร่องเปิดตัวช้างไลท์ต้นปี หวังเสริมอิมเมจระยะยาว ส่วนปีหน้าป้องบัลลังก์ผู้นำตลาดเบ็ดเสร็จกวาดแชร์ 70% “บุญรอดฯ” ยันช้างไลท์ไม่กระทบ ชี้มีสิทธิ์หืดขึ้นคอ อ้างสิงห์โกลด์ยังเดี้ยง
นายอวยชัย ตันทโอภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ในเครือบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ “ไทยเบฟ” เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดเบียร์โดยรวมมูลค่า 82,000 ล้านบาท ในปี 2549 สภาพตลาดน่าจะทรงตัวหรือเติบโตเพียงเล็กน้อยประมาณ 2-3% เพราะมาตรการของภาครัฐ จากปีนี้สภาวะตลาดโต 5% เพราะมีผู้เล่นใหม่ ๆ ทั้งผู้ผลิตไทย-ต่างชาติ เข้ามารุกตลาดเพิ่มขึ้น โดยเป็นการเติบโตในตลาดอีโคโนมี่มูลค่า 69,700 ล้านบาท ส่วนพรีเมียมมูลค่า 7,380 ล้านบาท โตถึง 3% เป็นหลัก ส่วนตลาดสแตนดาร์ดมูลค่า 4,920 ล้านบาท หดตัว 3%
ในสถานการณ์ที่ตลาดเบียร์มีอัตราการเติบโตที่ลดลงในปีหน้า ทำให้ทิศทางการแข่งขันตลาดเบียร์โดยรวมมีความรุนแรงในทุกเซกเมนต์ และมุ่งเจาะในแต่ละเซกเมนต์โดยตรงมากขึ้น และประการสำคัญแนวทางการแข่งขันจะเต็มรูปแบบมากขึ้น โดยผู้ผลิตงัดการมีสินค้าที่ครบพอร์ตขึ้นมาแข่งขัน ส่งผลให้ปีหน้านี้ตลาดเบียร์ในทุกเซกเมนต์มีอัตราการเติบโตทั้งหมด ตั้งแต่อีโคโนมี่ สแตนดาร์ด และพรีเมียม แต่การเติบโตจะเป็นในเชิงปริมาณมากกว่ามูลค่าตลาด
นายสมชัย สุทธิกุลพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า แนวทางการตลาดเบียร์ช้างในปีหน้าชูกลยุทธ์ “มัลติแบรนด์” หรือมีสินค้าที่ครบพอร์ตโฟลิโอ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีเบียร์อยู่ในเซกเมนต์เดียว คือ อีโคโนมี่ ประกอบด้วย เบียร์ช้างดีกรีแรง 6.4% และเบียร์อาชา ดีกรีอ่อน 5% โดยจะเปิดตัวเบียร์ใหม่ 3 แบรนด์ ในเซกเมนต์พรีเมียมและสแตนดาร์ด ไตรมาสแรกเปิดตัวเบียร์ “ช้างไลท์” ดีกรีต่ำกว่า 5% ลงในเซกเมนต์พรีเมียม ซึ่งถือว่าเป็นเซกเมนต์ใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดอเมริกาอย่างมาก เช่น เบียร์บัดส์ไวเซอร์ไลท์
“ตราสินค้าเบียร์ช้างมีความแข็งแกร่งมาก ทำให้เราเลือกแบรนด์นี้เปิดตัวเบียร์พรีเมียม เพราะเชื่อว่าหากเรามีการสร้างตราสินค้าในเซกเมนต์พรีเมียมที่ดี ผู้บริโภคมีการรับรู้อย่างกว้างขวาง จะผลักดันให้ตราสินค้าเบียร์ช้างมีภาพลักษณ์ที่ดีในระยะยาวไปในตัว”
สำหรับช้างไลท์จะเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ เน้นทำตลาดออนพรีมิสเป็นหลัก ผ่านช่องทางจำหน่ายเอเยนต์กว่า1,000ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาด้านราคา โดยปัจจุบันผู้เล่นที่อยู่ในตลาด ประกอบด้วย ไฮเนเก้นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 90% และอาซาฮี โดยคาดว่าในปีหน้านี้จะมีผู้เล่นยักษ์ใหญ่จากฟิลิปปินส์เปิดตัวเบียร์ระดับพรีเมียมลงสู่ตลาดเช่นกัน โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายไว้ว่าในปีหน้าหลังจากมีเบียร์ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ไทยเบฟจะมีส่วนแบ่งจากตลาดเบียร์เพิ่มจาก 66% เป็น 68-70%
ขณะเดียวกันแผนการตลาดเบียร์ช้างและอาชาในปีหน้า บริษัทฯ จะรักษาส่วนแบ่งตลาดเบียร์ช้าง โดยการส่งเสริมการขายโดยตรงถึงผู้บริโภค ส่งเสริมการขายผ่านร้านค้า การโฆษณาบนอกเสื้อทีมฟุตบอลเอฟเวอตัน เพิ่มกิจกรรมการตลาดเบียร์อาชา ส่วนกิจกรรมที่โดดเด่นในปีหน้า คือ ด้านกีฬาฟุตบอล โดยบริษัทฯ ได้ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกให้ชมโดยไม่มีโฆษณาคั่นอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่การชูแนวคิด “คนไทยให้กันได้” ก็จะทำอย่างต่อเนื่อง โดยรวมปีหน้าบริษัทฯ ใช้งบสำหรับการทำอะโบฟเดอะไลน์ใกล้เคียงกับปีนี้ คือ 160 ล้านบาท
ผลประกอบการโดยรวมไทยเบฟ 9.2 หมื่นล้านบาท ยอดขายเบียร์ช้างปี 2548 เติบโตประมาณ 3.5% เป็นประมาณ 960 ล้านลิตร มูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท เฉพาะเบียร์สดช้าง มียอดขายประมาณ 8 ล้านลิตร ซึ่งก็คาดว่าส่วนแบ่งตลาดเบียร์สดช้างทั้งปีนี้ประมาณ 30% ขึ้นเป็น 1 ใน 3 เจ้าตลาดเบียร์สด ขณะที่เบียร์อาชาซึ่งเริ่มวางขายเมื่อกลางปี2547 นั้น มียอดขายกว่า 7 ล้านลิตร ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มเบียร์ที่วางตลาดใหม่ตั้งแต่ปี2547 เป็นต้นมา
บุญรอดฯ ยันช้างไลท์ไม่กระทบ
นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท บุญรอดเทรด ดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์สิงห์ เบียร์ลีโอ คลอสเตอร์ กล่าวว่า การเปิดตัวเบียร์ช้าง ไลท์ ถือเป็นการสร้างภาพพจน์ให้กับกลุ่มไทยเบฟฯ แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเครือบุญรอด อย่างไรก็ตามในสมัยที่กลุ่มบุญรอดผลิตไลท์เบียร์ออกมาภายใต้แบรนด์สิงห์โกลด์ เมื่อปลายปี 2538 มีแอลกอฮอล์ 3.6% ต่ำกว่าคลอสเตอร์ ซึ่งเป็นเบียร์ระดับพรีเมี่ยมที่มี ปริมาณแอลกฮอล์ที่ 4% แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะเศรษฐกิจไม่ดีจึงเลิกผลิตไปแล้ว หันมาทำเบียร์ลีโอ ซึ่งมีปริมาณแอลกฮอล์ 5% แทน ซึ่งปรากฎว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนมีส่วนแบ่งตลาดชนะเบียร์ช้างแล้วในพื้นที่บางส่วนอย่างในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
|
|
|
|
|