|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทีโอทีจูบปากกทช. เร่งสรุปปัญหาคาใจ หลังจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายแล้ว 89 ล้านบาท ด้านผลประกอบการคาดครึ่งปีหลังกำไรลดลงจาก 2 ปัจจัยหลักค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจาก Early Retired พนักงานกว่าพันล้านบาทและค่าธรรมเนียมกทช. ส่วนบริการ 3G รอบอร์ดตัดสินอนาคตต้นปี 49
นายธีรวิทย์ จารุวัฒน์ กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที กล่าวภาย หลังการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า บอร์ดทีโอทีมีมติอนุมัติให้ จ่ายค่าธรรมเนียมการใช้เลขหมายให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ที่อัตราเลขหมายละ 12 บาทต่อปี โดยเฉลี่ยเดือนละประมาณ 22.2 ล้านบาท รวมตั้งแต่ได้รับใบอนุญาตในเดือน ส.ค.จนสิ้น พ.ย.ทีโอทีต้องจ่ายทั้งหมด 89 ล้านบาท สำหรับค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่ต้อง จ่าย 3% ของรายได้นั้น อยู่ในระหว่าง การต่อรอง โดยแนวทางของทีโอทีจะขอส่วนลดหย่อนใน 5 หมวดซึ่งตกลงกับกทช.ได้บางหมวดแล้ว ส่วนเรื่องบริการโทรคมนาคมทั่วถึงหรือ Universal Service Obligation (USO) นั้น ก็เป็นเรื่องหลักที่กำลังต่อรองกับกทช.เช่นกัน
ทั้งนี้ ทีโอทีไดตั้งสำรองเป็นค่าใช้จ่ายไว้ในงบการเงินจำนวน 1,500 ล้านบาทสำหรับค่าธรรมเนียมใบอนุญาต แต่ในความเป็นจริงไม่ต้องจ่ายเต็มจำนวนดังกล่าวเพราะได้ใบอนุญาตไปเมื่อเดือนส.ค.หรือคิดเป็น เวลาเพียง 5 เดือนเท่านั้น
ทีโอทีได้ยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯไปเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมาทำให้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลตัวเลขประมาณการผลประกอบการสิ้นปีได้ แต่สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก พบว่าทีโอทีมีรายได้ใกล้เคียงช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมาในระดับ 3.8 หมื่นล้านบาท แต่ผลกำไร ลดลงคือครึ่งปี 2547 มีกำไร 6 พันล้านบาท ส่วนครึ่งปี 2548 มีกำไร 5.6 พันล้านบาท และเชื่อว่าครึ่งปีหลังกำไรจะลดลงจากครึ่งปีแรกหรือน้อย กว่า 5.6 พันล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นที่สำคัญคือเรื่อง Early Retired ของพนักงานที่สูงถึง 1,024 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมกทช.ดังกล่าว
ส่วนไทยโมบายที่ให้บริการโทรศัพท์ มือถือในระบบ 1900 เมกะเฮิรตซ์ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างทีโอทีกับบริษัท กสท โทรคมนาคมในสัดส่วน 58/42 อยู่ในขั้นตอนการประเมินมูลค่าที่ แท้จริง หลังจากที่สำนักงานตรวจเงิน แผ่นดิน (สตง.) ทักท้วงให้มีการปรับปรุง ตัวเลขบางรายการ เพื่อให้ทีโอทีเป็นผู้ได้สิทธิดำเนินการแต่เพียงผู้เดียวทั้งเรื่องการซื้อหุ้นและเรื่องความถี่
ประเด็นสำคัญที่ต้องมีการปรับปรุง คือเรื่องการด้อยค่าของโครงข่ายไทย โมบายในระยะเวลา 3 ปี หรือคิดเป็น มูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านบาท ทำให้ ตัวเลข 4 พันล้านบาทเดิมที่กสทต้อง การให้ทีโอทีจ่ายอาจไม่สูงถึงขนาดนั้น รวมทั้งในเรื่องผลขาดทุนสะสมที่มีอยู่ ว่าจะปรับปรุงกันอย่างไรโดยปัจจุบันไทย โมบายมีลูกค้าใช้บริการไม่ถึง 1 แสนราย
"บอร์ดทีโอทีจะพิจารณาอนาคต ของไทยโมบายในต้นปี 2549 โดยประเมินมูลค่าและทางเลือกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการหาพาร์ตเนอร์ใหม่ไปจนถึงอาจเลิกกิจการ"
ด้านนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานบอร์ดทีโอทีกล่าวว่าทีโอทีต้อง การเป็นเทเลคอม ซูเปอร์มาร์เกต เพื่อให้บริการครบวงจรโดยมุ่งที่ลูกค้า เป็นหลักหรือ Customer Centric ด้วยการปรับโครงสร้างองค์กรนำฝ่าย โปรดักต์และมาร์เกตติ้งมารวมกัน เพื่อ ลดช่องว่างและช่องทางในการนำสินค้า และบริการไปถึงมือลูกค้าให้เร็วที่สุด โดยความเข้มแข็งของทีโอทีมีหลายประการไม่ว่าจะมีโครงข่ายที่แข็งแรงอย่าง NGN, IP STAR, 3G การเป็น ผู้นำในตลาด IP Networks หรือมี ลูกค้ามากกว่า 2 แสนพอร์ต การเป็น ผู้นำในเรื่องโทรศัพท์สาธารณะ มีส่วน แบ่งตลาด 87% และมีการเติบโตในเรื่องบรอดแบนด์ที่สูงมากคือ เพิ่มขึ้นถึง 1,350% จากจำนวนลูกค้าในปี 2004
|
|
|
|
|