|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานนับปี แต่สำหรับนักการตลาดและผู้ที่สนใจกิจกรรมทางการตลาดแล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโคคา-โคล่า ยังคงความเป็นตำนานเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นมีความเคลื่อนไหว และความคืบหน้าในทางธุรกิจที่น่าสนใจ ชนิดน่ากล่าวถึงไม่เว้นแต่ละเดือน
มีการออกข่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินงานด้านการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทางการตลาดในรอบปีนี้ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้ของบริษัทโคคา-โคล่า ว่า รวมแล้วมีจำนวนถึง 1,000รายการทีเดียว
จากการเชื่อมโยงจำนวนผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่ๆ ของโคคา-โคล่า กับการกระเตื้องดีขึ้นของสถานการณ์ด้านการจำหน่ายสินค้าในตลาดอเมริกาเหนือ ที่ดีขึ้นจากจุดที่ย่ำแย่มากๆ ทำให้มีการตั้งประเด็นว่า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มีความสัมพันธ์ในทางเดียวกันกับการที่ทำให้โคคา-โคล่า มีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพียงใด ดูเหมือนว่าเป้าหมายในระยะยาวของโคคา-โคล่า ที่หวังว่าจะมีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 8% น่าจะมีความเป็นไปได้ หลังจากที่ได้รับการตอบสนองจากตลาดด้วยดี ในส่วนของนวัตกรรมที่เป็นผลิตภัณฑ์ออกใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
แผนงานที่นักการตลาดเตรียมจับตามองต่อไปในปีหน้านั้น น่าจะอยู่ที่การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นเครื่องดื่มโคคา-โคล่ารสชาติใหม่ที่มีส่วนประสมของ “กาแฟ” โดยวางตำแหน่งทางการตลาดไว้ในกลุ่มเครื่องดื่มและซอฟต์ดริงค์ที่ให้พลังงาน พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนสโลแกนสำหรับเครื่องดื่มกลุ่มใหม่นี้ว่า "Welcome to the Coke side of life,"
นักการตลาดที่เชี่ยวชาญตลาดเครื่องดื่ม ชี้ว่านักการตลาดส่วนใหญ่เริ่มมองเห็นความเปลี่ยนแปลงในการบริหารจัดการทางด้านการตลาดของโคคา-โคล่ามากขึ้นอย่างชัดเจนในรอบปีนี้และคงจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของกระบวนการปรับเปลี่ยนทางธุรกิจที่คงจะดำเนินต่อไปในปีต่อ ๆ ไปจากนี้
การปรับเปลี่ยนด้านนวัตกรรมและความคิดริเริ่มใหม่ๆ อย่างอาจหาญในตลาดเครื่องดื่มของโคคา-โคล่า เป็นส่วนหนึ่งของการลดช่องว่างในตลาด ที่พบว่าขาดการสร้างสรรค์สินค้าและผลงานใหม่ๆ ที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้ามานานเกินควรแล้ว
สิ่งที่เป็นหลักฐานของสมมุติฐานดังกล่าว มาจากยอดการจำหน่ายเครื่องดื่มของโคคา-โคล่า ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องมาตามลำดับ จนแม้กระทั่งเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลูกค้าหันไปให้ความสนใจและเพิ่มรายจ่ายในส่วนของเครื่องดื่มที่เป็นกลุ่มไม่มีคาร์บอเนตมากขึ้น แม้ว่าบริษัทจะได้ดำเนินการเคลื่อนไหวเพื่อตอบโต้ตลาดด้วยกลยุทธ์สำคัญ เช่น ประการแรก โคคา-โคล่า ได้ทุ่มเทงบประมาณด้านการโฆษณากว่า 400 ล้านดอลลาร์ สำหรับแผนงานการกระตุ้นตลาดในระยะ 2 ปีนี้
ประการที่สอง ได้นำเสนอเครื่องดื่มตัวใหม่ ในกลุ่มที่มีแคลอรี่ต่ำ สำหรับผุ้เป็นนักกีฬาและใช้กำลังมากชื่อ พาวเวอร์เรด (Powerade) และน้ำดื่ม ดาซานี (dasani) เพื่อชนตลาดกับผลิตภัณฑ์น้ำดื่มของเป๊ปซี่ที่รั้งตำแหน่งผู้นำในตลาดเครื่องดื่มที่ไม่มีคาร์บอเนตมาตลอดสำหรับปี 2006 ที่จะถึงนี้ นักการตลาดคาดกันว่า การพัฒนาและปรับโครงสร้างทางธุรกิจที่สำคัญของโคคา-โคล่า น่าจะยังเป็นกลยุทธ์ในการซื้อกิจการอื่นเพื่อขยายไลน์ทางธุรกิจออกไปจากปัจจุบัน ซึ่งคราวนี้น่าจะเจาะลึกลงไปถึงการรวมกิจการในระดับท้องถิ่นหรือรายภูมิภคเพื่อเน้นการบริหารตลาดในส่วนนั้นมากขึ้น แทนที่จะเน้นการซื้อกิจการที่จะใช้ขยายฐานได้ในทุกตลาดพร้อมกันซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นไปได้ยากขึ้นในปีต่อๆ ไป
กลยุทธ์ดังกล่าว จะทำให้โคคา-โคล่ามีผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายเป็นการจำกัดเฉพาะในบางตลาดมากขึ้น อย่างเช่น โคคา-โคล่า บลาค (Barqs) ในตลาดฝรั่งเศส ราวเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ และหากไปได้ดีก็อาจขยายออกไปในบางประเทศที่ใกล้เคียงในยุโรป และอาจเข้ามาถึงสหรัฐฯด้วย ในราวปลายปีหน้า
กลยุทธ์ต่อมา การเปิดตัวและวางตลาด โคคา-โคล่า ซีโร่ ที่เคยช่วยให้ยอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้นราว 18% ในระหว่างเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน และนับเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างความสำเร็จให้กับโคคา-โคล่ามากที่สุดก็ว่าได้ จะได้รับการยกระดับให้ดีขึ้นต่อไป
ในส่วนกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนแพกเกจที่เป็นขวดบรรจุ สำหรับกาแฟ ที่จะมีชื่อว่าโครงการ ฟาร์ โคสต์ ตลอดจนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มเครื่องดื่มชาดำ และชาเขียวในโครงการที่มีชื่อว่า โกลด์ พีค ฟอร์ 2006
กิจกรรมทางการตลาดที่ดี ได้ส่งผลให้ยอดการจำหน่ายของเป๊ปซี่ที่ เพิ่มขึ้นไปแล้ว14% ในปีนี้ เป็นอัตราที่เกินกว่าการเติบโตในทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่บริษัทเป๊ปซี่จะแซงหน้าในด้านผู้นำในตลาดเหนือกว่าโคคา-โคล่า ในด้านมูลค่าทางการตลาดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยมูลค่ารวม 9.91 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับเป๊ปซี่ เทียบกับ 1.012 แสนล้านดอลลาร์สำหรับโคคา-โคล่า ซึ่งทำให้ผู้บริหารของโคคา-โคล่าไม่อาจนิ่งเฉยได้ต่อไป หลังจากที่ไม่อาจแก้ไขแนวโน้มที่ว่านี้ทั้งที่สถานการณ์แบบนี้ดำเนินต่อเนื่องมาถึง 5 ปีแล้ว
ดังนั้น แนวทางการเร่งพัฒนาน้ำผลไม้ ของโคคา-โคล่า จึงรวมทั้ง 1.การพัฒนาน้ำผลไม้ “ยู บี” และเครื่องดื่มที่มีรสชาติซ่า ๆ ชื่อ “เฮฟเว่น” วางตลาดตั้งแต่ปี 2006 นี้ เพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มที่ใส่ใจในสุขภาพ น้ำหนัก และต้องการเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ 2. การพัฒนาคุณภาพเพิ่มของผลิตภัณฑ์น้ำดื่มดาซานีในเวอร์ชั่นที่มีความซ่าแบบน้ำโซดา และ3. การพัฒนาเครื่องดื่มซอฟต์ดริงค์ใหม่ ในกลุ่มให้พลังงานที่มีชื่อว่า “Vault" ที่เสริมเวอร์ชั่นของโคคา-โคล่า บลาค นั่นเอง
ตอนนี้ส่วนแบ่งทางการตลาดของโคคา-โคล่า อยู่ในราว 50% ของทั้งหมด หากปล่อยให้เป๊ปซี่แซงหน้าไปได้ คงเป็นเรื่องหนึ่งที่ช๊อกวงการตลาดโลกไม่ใช่น้อย ยิ่งแนวโน้มของเครื่องดื่มประเภทคาร์บอเนตลดลงไปอย่างน่าใจหาย ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป ยิ่งทำให้สถานการณ์เพิ่มความน่าวิตกขึ้น เพราะ 82% ของรายได้จากธุรกิจของโคคา-โคล่า มาจากซอฟต์ดริงค์ เทียบกับที่มีสัดส่วนไม่ถึง 20% ในกรณีของเป๊ปซี่ ทำให้โครงสร้างทางธุรกิจของแต่ละบริษัทแตกต่างกันมากยิ่งขึ้น หากโคคา-โคล่า ไม่มีการเคลื่อนไหวที่จะทำให้เกิดการปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่อย่างเร่งด่วน
|
|
|
|
|