สุขภาพและความงาม เทรนด์การตลาดที่ยังได้รับความสำคัญต่อเนื่องถึงปี 49 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพบว่า ชายแท้ที่ใส่ใจสุขภาพ รูปลักษณ์ภายนอก หรือ "เมโทรเซ็กชวล" มีจำนวนเพิ่มขึ้นและให้ความสนใจเรื่องดังกล่าวสูงกว่าคนทั่วไป 3 - 4 เท่า หรือเฉลี่ยประมาณ 250,000 - 350,000 บาทต่อปี แม้จะเป็นพฤติกรรมเฉพาะกลุ่ม แต่ด้วยกำลังซื้อที่สูง จึงเป็นโอกาสของธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้
เมื่อปีที่ผ่านมา โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ประเทศไทย ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับกระแสความใส่ใจสุขภาพของคนไทย ในกรุงเทพฯที่มีรายได้ตั้งแต่ 25,000 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นผู้บริโภคระดับเอหากเทียบกับผู้บริโภคทั้งประเทศ โดยพบว่าผู้บริโภคให้ความสนใจเรื่องสุขภาพและความงามมากขึ้น เมื่อเทียบกับการสำรวจช่วง 5 ปีก่อน ส่งผลให้สินค้าและบริการที่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและความงามไดรับความสนใจและเติบโตขึ้นตามเทรนดังกล่าวด้วย
ทว่า ในช่วงปลายปี 2548 นี้ โอกิลวี่ฯได้ทำการวิจัยพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้มากขึ้น โดยเจาะจงไปยังกลุ่ม "เมโทรเซ็กชวล" เพื่อศึกษาพฤติกรรมเชิงลึกในทุกด้าน โดยกำหนดกลุ่มคนเมืองในกรุงเทพฯ ที่เป็นชายแท้ อายุ 25-55 ปี ที่มีรายได้ตั้งแต่ 40,000 บาทขึ้นไป ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ชายเมโทรเซ็กชวลกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพและความงามอย่างมากตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รวมทั้งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้ยังให้ความสนใจเรื่องเทคโนโลยี การเรียนรู้ ชอบการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญเป็นกลุ่มผู้มีอาชีพการงานมั่นคงและรายได้สูง ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้นักการตลาด และธุรกิจที่เกี่ยวข้องต้องหันมาให้ความสำคัญ แม้ว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้จะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 10% ของผู้บริโภคชายในกรุงเทพฯจำนวน 6 ล้านคน โดยจำนวนประชากรทั้งหมดในกรุงเทพฯมีประมาณ 12 ล้านคน
โดยพฤติกรรมการดูแลตนเองนั้น พบว่า หนุ่มเมโทรเซ็กชวลจะดูแลตนเองเป็นอย่างดี โดยใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณและเส้นผมแบบครบสูตร ซึ่งมีเพียง 23% ที่เข้าใช้บริการร้านตัดผมธรรมดา ขณะที่ 77% จะเข้าร้านแฮร์ซาลอน เพื่อทำสีผม 35% อบไอน้ำ 25% ไฮไลท์ 12% ทรีตเมนต์ 11 ทำเล็บทำมือ 9% และใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมครบทุกชนิดตั้งแต่เจล แว็กซ์ มูส ดูแลผิวหน้าดีเท่ากับหรือมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอายุ 30-55 ปี ใช้ครีมลดริ้วรอยมากกว่า50% ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตากว่า 50% ที่สำคัญน้ำหอมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ นอกจากนี้ยังใช้บริการสปาเป็นประจำด้วย ส่วนเครื่องแต่งกาย จะนิยมซื้อของแบรนด์เนมต่างประเทศ 55% และเฉลี่ยการชอปปิ้งเพียงคนเดียวประมาณเดือนละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ "ราคา" จะไม่ใช่สิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อ หากชายกลุ่มนี้พอใจในคุณภาพ ดีไซน์ที่ตนเองชอบ
"หนุ่มเมโทรจะใช้จ่ายเรื่องการดูแลผิว เครื่องแต่งกายค่อนข้างมาก เฉลี่ยประมาณ 249,402 บาทต่อปีโดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน จะใช้จ่ายเงินเพื่อสุขภาพความงามมากถึง 350,000 บาทต่อปี" อัญชลี พิชญางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ประเทศไทย กล่าว
สำหรับการใช้ชีวิต หนุ่มเมโทรจะนิยมใช้เวลากับการเล่นกีฬา โดย 56% จะออกกำลังกายบ่อย 1 - 4 ครั้งต่อสัปดาห์ และจำนวนกว่า 20% ออกกำลังกายทุกวัน และทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น ดูภาพยนตร์ อ่านหนังสือ ฟังเพลง ชอปปิ้ง ท่องเที่ยว ฯ ชอบความทันสมัยและสนใจสิ่งรอบตัว โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้นิยมสื่อสารด้วยอีเมล์สูงสุดถึง 92% ใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 77% ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 78% มีโฮมเธียร์เตอร์ที่บ้าน 84% และมี PDA เป็นอุปกรณ์คู่กาย 40%
ขณะที่การวางแผนออมเงินของหนุ่มสำอางกลุ่มนี้ จะฝากธนาคารถึง 91% และนิยมซื้อประกันชีวิตถึง 69% รวมทั้งเป็นกลุ่มที่ชอบลงทุนประเภทความเสี่ยงสูง เช่น การลงทุนเปิดธุรกิจเล็กๆ การเล่นหุ้น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
จากพฤติกรรมดังกล่าว นอกจากสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพความงามที่จะต้องปรับตัวรองรับกับความต้องการของกลุ่มเมโทรฯที่เพิ่มขึ้นแล้ว ธุรกิจบริการก็เป็นสิ่งหนึ่งที่กำลังจะมาแรงและได้รับความนิยมมากขึ้น หากสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้ เนื่องจากหนุ่มเมโทรเซ็กชวลให้ความสำคัญและนิยมการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีอย่างมาก
"ต่อไปคาดว่า บริการใหม่จะมาแรงและได้รับความสำคัญมากกว่าธุรกิจสินค้า เช่น บริการการสั่งจองต่างๆแบบเบ็ดเสร็จ การมอบบริการที่จัดเป็นแพคเก็จเพิ่มความสะดวก และหากกลุ่มเมโทรเซ็กชวลมีการเติบโตขึ้นธุรกิจที่ให้บริการผ่านออนไลน์ก็จะเติบโตตามขึ้นด้วย" พรรณี ชัยกุล กรรมการผู้จัดการ โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ แอดเวอร์ไทซิ่ง กล่าว
สำหรับแบรนด์ยอดนิยมที่หนุ่มเมโทรชื่นชอบ ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียม หรือมีดีไซน์เฉพาะตัว เช่น รถยนต์ ยี่ห้อ BMW , Mercedes Benz , Honda นาฬิกา ยี่ห้อ Rolex , Patek Philippe , Tag Heuer น้ำหอม ยี่ห้อ CK-1 , Armani , Polo คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ยี่ห้อ Sony , Toshiba , Mac , IBM เป็นต้น และเป็นที่น่าสังเกตว่า แบรนด์สินค้าที่หนุ่มกลุ่มนี้ชื่นชอบ มักจะเป็นแบรนด์เดียวกับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ขณะที่ผู้บริโภคอื่นทั่วไปมักไม่ใช่แบรนด์เดียวกัน ทั้งนี้เพราะหนุ่มเมโทรมักจะมีกำลังซื้อสูงกว่าผู้บริโภคทั่วไป
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชายหนุ่มกลุ่มนี้จะได้รับความสนใจจากนักการตลาด แม้ว่าจะยังมีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับผู้บริโภคทั้งหมดก็ตาม แต่ด้วยรายได้ส่วนตัวและกำลังซื้อที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับผู้ชายและผู้หญิงธรรมดาทั่วไปกว่า 3 - 4 เท่าตัว จึงเป็นโอกาสให้สินค้าเกี่ยวกับความงาม สุขภาพ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รวมทั้งธุรกิจให้บริการต่างๆมีโอกาสเติบโตขึ้น หากสามารถหากลยุทธ์ที่เข้าถึงและตอบสนองผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้
|