|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
"ชินแซทฯ" คาดปีหน้ารายได้ไอพีสตาร์จะสูงถึง 5 พันล้านบาท หลังให้บริการต้นปี 2549 โดยในไทยแต่งตั้งทีโอทีเป็นผู้ให้บริการหลักรายเดียว ในขณะที่ทีโอทีตั้งอีก 12 ดีลเลอร์ช่วยบุกตลาด ด้านเอ็ม-ลิ้งค์หนึ่งในดีลเลอร์ไอพีสตาร์หวังใช้เป็นแต้มต่อในการให้ บริการกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการระบบสื่อสารภายใน
เมื่อวานนี้(22 ธ.ค.) บริษัท ชินแซทเทลไลท์ ได้มีพิธีแต่งตั้งบริษัท ทีโอที เป็นผู้ให้บริการหลักแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย (National Service Operator หรือ NSO) ของดาวเทียมไอพีสตาร์ พร้อมทั้งทีโอทีได้แต่งตั้งพันธมิตรเป็นผู้ทำตลาดในประเทศไทยอีก 12 ราย อาทิ บริษัท ซีเอส ล็อกซ์ อินโฟร์, บริษัท สามารถเทลคอม บริษัท เอ็ม-ลิ้งค์ บริษัท แอดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยีหรือเอไอที บริษัท ชินบรอดแบนด์
ดร.ดำรง เกษมเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร ชินแซทฯกล่าวว่าชินแซทฯจะสนับสนุนทีโอทีทั้งด้านการตลาดและเทคโนโลยี ในลักษณะการตั้งคณะกรรมการด้านการตลาด (Marketing Committee) และการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อให้เกิดการใช้งานโดยมีแอปพลิเคชันหลักอย่างบริการโทรศัพท์ทางไกลชนบท (Rural Telephone) รวมทั้งการสนับสนุนลงไปในระดับพันธมิตรทั้ง 12 ราย ของทีโอที
ทั้งนี้ ชินแซทฯคาดว่าหลังจากไอพีสตาร์ ให้บริการเชิงพาณิชย์ต้นปี 2549 จะทำให้รายได้รวมของกลุ่มชินแซทฯเพิ่มขึ้นเท่าตัว และ 50% ของรายได้ดังกล่าวมาจากไอพีสตาร์ ซึ่งหมายถึงรายได้ไอพีสตาร์ในปีหน้า จะอยู่ในระดับประมาณ 5 พันล้านบาท เท่ากับรายได้ของชินแซทฯทั้งหมดในปีนี้
โดยที่ไอพีสตาร์จะก่อให้เกิดรายได้ 2 ส่วนคือค่าเช่าความถี่หรือแบนด์วิธ กับการขายอุปกรณ์ภาคพื้นดิน ซึ่งตั้งแต่ขายอุปกรณ์ ภาคพื้นดินไอพีสตาร์ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว มีจำนวนประมาณ 4 หมื่นชุด (ใช้กับดาวเทียม ไทยคม) แต่ในปีหน้าคาดว่าเฉพาะทีโอที ที่ใช้ไอพีสตาร์ทั้งดาวเทียมและอุปกรณ์ภาคพื้นดิน จะใช้อุปกรณ์ประมาณ 1 แสนชุด และหากรวมในประเทศจีน หรืออินเดียเพิ่มเข้าไปอีก อาจได้ถึงประเทศละแสนชุด ซึ่งจะ ทำให้รายได้กลับเข้ามาที่ชินแซทฯจำนวนมาก
นายธีรวิทย์ จารุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ทีโอทีกล่าวว่าทีโอทีมีสัญญาเช่า 7 ปีกับไอพีสตาร์โดยจ่ายค่าเช่าปีละประมาณ 475 ล้านบาทซึ่งทีโอทีจะทำตลาดทั้งในลักษณะค้าส่งและค้าปลีกผ่านพันธมิตรทั้ง 12 ราย โดยมีกลุ่มผู้ใช้หลักประกอบด้วย
1. ทีโอทีจะนำไอพีสตาร์ไปทดแทนเครือข่ายโทรศัพท์สาธารณะในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานกว่า 1.8 แสนเลขหมาย รวมถึงการวางเครือข่ายการสื่อสารในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ
2. ทีโอทีจะให้บริการกลุ่มผู้ใช้การสื่อสารภายในองค์กร (Intranet) ของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ ที่ให้บริการแล้วกว่า 1.1 หมื่นสถานี
3. ทีโอทีมีแผนนำไอพีสตาร์ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงรวมทั้งบริการมัลติมีเดีย
ทีโอทีอยู่ระหว่างเจรจากับกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้อบต.ที่มีอยู่ประมาณ 8 พันแห่งมาใช้บริการไอพีสตาร์ อย่างบริการวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์
ด้านพลณรงค์ วัฒนโพธิธร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ็ม-ลิ้งค์กล่าวว่าการที่เอ็ม-ลิ้งค์เสนอตัวเป็นพันธมิตรกับทีโอที เพราะไม่ต้องการตกขบวน และเพื่อประโยชน์ในการให้บริการกลุ่มลูกค้าองค์กรต่างๆที่ต้องการมีระบบสื่อสารภายใน ไอพีสตาร์จะเข้ามาเป็นระบบสื่อสัญญาณที่ดีในพื้นที่สายครอบคลุมไม่ถึง โดยเฉพาะบริการที่เชื่อมต่อกับสถานีฐานของจีเอสเอ็ม ซึ่งจะทำให้ภายในองค์กรนอกจากใช้การสื่อสารข้อมูลแล้ว ยังสามารถใช้โทรศัพท์มือถือในระบบจีเอสเอ็มผ่านไอพีสตาร์ได้ โดยที่จะต้องใช้บริการในเครือข่ายของโอเปอเรเตอร์โทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน
"เอ็ม-ลิ้งค์ยังดูความเป็นไปได้ในเรื่องการให้บริการ VoIP ผ่านไอพีสตาร์ด้วย เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีพร้อมแล้ว"
|
|
 |
|
|