Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 ธันวาคม 2548
ฮอนด้าชี้จยย.โตแค่3% ส่งรถเอทีบุกตลาดต้นปี             
 


   
search resources

Motorcycle
เอ.พี. ฮอนด้า, บจก.




ฮอนด้าชี้ตลาดรถจักรยานยนต์เจอมรสุมรอบด้าน ส่งผลตลาดปีนี้โตแค่ 3% ยอดขาย แค่ 2.1 ล้านคัน ชี้ปีหน้าหากผลกระทบต่อเนื่องตลาดคงไม่โต เตรียมส่งรถเอทีต้นปีหน้าเสริมตลาดรถเกียร์อัตโนมัติหวังดึงลูกค้า กลุ่มใหม่ พร้อมเพิ่มแอดวานซ์ ชอปครบ 200 แห่งในปีหน้า ระบุยังไม่จำเป็นต้องขยายโรงงานในตอนนี้เพราะกำลังการผลิตยังเพียงพอ

นายโมโตฮิเดะ ซูโดะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า เปิดเผยว่า จากผลกระทบทางด้านราคาจำหน่ายน้ำมันที่สูงขึ้น สถานการณ์ความไม่สงบชายแดนภาคใต้ รวมถึงเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ตลาดรถจักรยานยนต์โดยรวมปีนี้มีอัตราการเติบโตที่ไม่สูงมากนัก โดยถึงสิ้นปีนี้คาดว่าจะมียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รวมทั้งสิ้น 2.1 ล้านคัน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพียง 3% เท่านั้น

"ยอดขายรถจักรยานยนต์โดยรวมในปีนี้ไม่ค่อยมีอัตราการเติบโตมากนัก เนื่องจากสภาวะตลาดในปีนี้ประสบกับปัญหารอบด้าน โดยเฉพาะเรื่องของน้ำท่วมที่ปีนี้เกิดเหตุหลายพื้นที่ของประเทศ ไทย ซึ่งมีผลกระทบต่อตลาดรถจักรยานยนต์โดยตรง และทำให้ตลาดชะลอตัวลงไปมาก แต่ถึงอย่างไรเมื่อดูจากยอดขายโดยรวมแล้วก็ยังคงเป็นที่พอใจเพราะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น"

และถ้าหากสถานการณ์ยังคงเป็นอย่างนี้ต่อไป บริษัทคาดว่ายอดจำหน่ายของรถจักร-ยานยนต์ในประเทศไทยจะไม่เติบโตขึ้นสูงกว่าปีนี้แน่นอน โดยน่าจะมียอดจำหน่ายไม่เกิน 2.1-2.25 ล้านคันเท่านั้น หากจะมีอัตราการเติบโตก็น่าจะไม่เกิน 7% โดยฮอนด้ามีเป้าหมายที่ยอดจำหน่ายในปีหน้ารวมทั้งสิ้น 1.5 ล้านคัน และคิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้นจากยอดจำหน่ายที่ทำได้ในปีนี้ที่ 1.43 ล้านคัน คิดเป็นสัดส่วน 5% แม้จะเป็นสัดส่วนการเติบโตที่น้อยแต่หากเปรียบเทียบการการเติบโตของตลาดโดยรวมแล้วก็ถือได้ว่าเป็นสัดส่วนที่น่าพอใจ
สำหรับแผนงานในปีหน้านั้น ฮอนด้าจะทำ การเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ เกียร์อัตโนมัติ หรือรถในกลุ่มเอที ซึ่งถือเป็นเซกเมนต์ใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ทางบริษัทเล็งเห็นว่าตลาดรถเกียร์อัตโนมัติ กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งที่ผ่านมานั้นทางฮอนด้าเองก็ยังไม่เคยทำตลาดรถประเภทนี้ จึงเตรียมที่จะเปิดตลาดรถในเซกเมนต์ใหม่ เพื่อเข้ามาเสริมไลน์สินค้าและตอบสนองความต้องการของลูกค้า กลุ่มใหม่ โดยจะทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางในวันที่ 12 มกราคม 2549 ที่จะถึงนี้ และบริษัทเชื่อ ว่าเมื่อฮอนด้าเข้ามาทำตลาดรถกลุ่มนี้อย่างจริงจัง จะทำให้รถในกลุ่มเอทีขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่ารถในกลุ่มเอทีนี้จะมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 30% จากตลาดรถจักรยานยนต์โดยรวมในปีหน้า

โดยในปีนี้สัดส่วนของตลาดอยู่ที่ประมาณ 15-20% เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มของรถครอบครัวซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาด ปัจจุบันเริ่มหันมาใช้รถเกียร์อัตโนมัติกันมากขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกสบายมากกว่า จึงเชื่อว่าตลาดรถกลุ่มเอทีนี้จะต้องเติบโตอย่างต่อเนื่องแน่นอน นอกจากนี้ฮอนด้ายังมีแผนในการพัฒนาเครือข่าย การจำหน่ายและยกระดับร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า CSI Shop สู่ร้าน Advanced CSI Shop ภายใต้แนวคิดของการบริการที่สามารถรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ทุกระดับ โดยขณะนี้มีศูนย์ดังกล่าวอยู่แล้ว 50 แห่ง โดยในปีหน้าไตรมาสแรกจะทำให้ครบ 100 แห่ง และครบ 200 แห่งภายในสิ้นปีหน้า

สำหรับการส่งออกรถจักรยานยนต์ของฮอนด้าในปีนี้ บริษัทมียอดส่งออกรถสำเร็จรูปทั้งสิ้น 3.5 หมื่นคัน และชิ้นส่วนเพื่อประกอบอีก กว่า 4 ล้านชิ้น คิดเป็นมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1.5 หมื่นล้านบาท โดยในปีหน้าคาดว่าจะมีการส่งออก รถสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นเป็น 4.8 หมื่นคัน เนื่องจากมีรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะส่งออกเพิ่มขึ้นมา ในส่วนของการขยายโรงงานเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนเพิ่มแต่อย่างใด เนื่อง จากกำลังการผลิตที่มีอยู่ 1.5 ล้านคันสามารถรองรับการผลิตจริงได้มากขึ้นอีก 10% หรือกว่า 1.65 ล้านคัน ซึ่งหากดูความต้องการของปี 2549 ที่ฮอนด้าจะมีการผลิตรถในโรงงานแห่งนี้ทั้งสิ้นราว 1.548 ล้านคันแล้ว ก็ยังพอกับความต้องการ อยู่ แต่หากไม่เพียงพอทางบริษัทก็มีความพร้อม ที่จะขยายไลน์การผลิตเพื่อรองรับความต้องการ ของตลาด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us