|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โนเกียมองอีก 3 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะมีการลงทุนด้านเครือข่ายไม่ต่ำกว่า 350 ล้านยูโร ส่วนปี 2549 ประมาณการที่ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และเพิ่มขึ้นอีกหาก 3G เกิด มอง 3G เหมาะกับแคมเปญการตลาดที่มุ่งแข่งขันด้านราคาในปัจจุบันอย่างมาก เพื่อให้โอเปอเรเตอร์ให้บริการวอยซ์ที่มีคุณภาพ พร้อมเตรียมเสนอ "Managed Services" รูปแบบธุรกิจใหม่ให้บริการเอาต์ซอร์สบริการเครือข่ายให้แก่โอเปอเรเตอร์ไทย
นายสมชาย ธรรมศิริทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีการลงทุนด้านเครือข่าย 3G ในประเทศไทยจากบรรดาโอเปอเรเตอร์ทั้งหลายคิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 350 ล้านยูโร ขณะที่ประมาณการลงทุนด้านเครือข่ายในปี 2549 ว่าตลาดรวมในประเทศตกประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตัวเลขการลงทุนนี้จะเพิ่มมากขึ้นอีกหาก 3G เกิด โดยมองว่าระดับการลงทุนในปี 2548 จะอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐเช่นกัน โดยโนเกียจะเป็นหนึ่งในซัปพลายเออร์ที่ร่วมในตลาด 3G โดยชูจุดเด่นของการเป็นซัปพลายเออร์ที่มีความพร้อมทั้ง 2 บิซิเนสยูนิตคือด้านเครื่องลูกข่ายและด้านเครือข่ายเป็นจุดขาย มีความเข้าใจตลาดและลูกค้าอย่างแท้จริง
ผู้บริหารโนเกียมองว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วสำหรับการก้าวเข้าสู่เครือข่าย 3 G โดยมองจากเหตุ 3 ประการคือ
1. การใช้บริการด้านเสียงหรือ วอยซ์ ลงลึกถึงระดับรากหญ้าคือเป็นแมสมาร์เกตแล้วในปัจจุบัน ทั้งจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือต่อจำนวนประชากรในปี 2549 คาดว่าจะขึ้นไปถึงระดับ 54-55% หรือครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด เมื่อตลาดเป็นแมส ทำให้เกิดการแข่งขันด้านตลาดในรูปแบบแคมเปญใหม่ๆ ผลที่ตามมาคือการให้บริการเสียงที่มีคุณภาพ ซึ่งระบบ 3G จะรองรับการใช้งานได้ดีในสภาพการแข่งขันด้านราคาที่มีผู้เข้ามาในระบบเป็นจำนวนมากในปัจจุบันเมื่อเทียบกับ 2G
2. ความต้องการใช้งาน ด้านเดต้า SMS, MMS จะมีปริมาณมากขึ้นจากจำนวนผู้ใช้ในปัจจุบันประมาณ 25% ประชากรโทรศัพท์มือถือ โดยมองว่า เพื่อรองรับบริการใหม่ๆอย่าง วิดีโอสตรีมมิ่ง อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ โมบายออฟฟิศ โดยเครือข่ายใหม่ 3G จะเข้ามารองรับบริการเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น
"การลงทุนในเครือข่ายใหม่ 3G จะถูกกว่าการ ลงทุน 2G ประมาณ 20-30% จึงเหมาะกับสภาพการแข่งขันของตลาดในเรื่องราคา ขณะที่การลงทุนต่ำก็เป็นสิ่งที่โอเปอเรเตอร์ต้องการเพื่อให้ได้กำไรมากยิ่งขึ้น สามารถนำเสนอบริการใหม่ๆได้อีกมาก"
ผู้บริหารโนเกีย กล่าวว่า เมื่อมีการลงทุนในเครือข่ายใหม่ 3G ก็ไม่ได้หมายถึงว่าเป็นการปฏิวัติยกเลิก 2G ทิ้งไปหมด ให้มอง 3G เป็นเสมือนทางด่วนที่ให้เลือกวิ่ง เมื่อไม่ต้องการความสะดวก ความเร็วก็ไม่จำเป็นต้องใช้ ใช้ทางราบข้างล่างเปรียบ ได้กับ 2G ระบบเดิมต่อไป ก็ถึงที่หมายได้เหมือนกัน 3G ไม่ได้มีจุดเด่นที่เดต้าอย่างเดียว แต่ยังเหมาะกับการใช้งานวอยซ์ที่มีประสิทธิภาพ
นายสุวิทย์ พฤกษ์วัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า โนเกียกล่าวว่า โนเกียไม่เป็นผู้ทำตลาดตัวมือถือเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นผู้ให้บริการ Managed Services ให้แก่ลูกค้าทั่วโลกอีกด้วย โดยในปีหน้าจะเป็นปีที่โนเกียหันมาให้ความสำคัญในการทำตลาด การให้บริการ Managed Services กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น
"Managed Services"ของโนเกียเป็นการให้บริการบริหารระบบเครือข่ายให้แก่โอเปอเรเตอร์ เพื่อให้โอเปอเรเตอร์ไม่ต้องมากังวลกับเรื่องเครือข่ายและมีเวลาไปทำการตลาดท่ามกลางการแข่งขันด้านราคาในปัจจุบันได้อย่างเต็มที่
โนเกียมองความเป็นไปได้ให้บริการ Managed Services ในรูปแบบการเอาต์ซอร์สให้แก่โอเปอเรเตอร์ในหลายรูปแบบ ทั้งแบบสร้างเน็ตเวิร์กเสร็จแล้วส่งให้ หรือบริหารเน็ตเวิร์ก ตลอดจนการแชร์กำไรไปพร้อมกับการบริการด้านเน็กเวิร์คกับโอเปอเรเตอร์ ทั้งนี้ โดยการตกลงในขั้นต้นเป็น การรับประกันการให้บริการ เช่น โทร.ติด 99% สายหลุดได้เท่าไรแล้วแต่การเจารจากันในตอนแรก โดย ไม่จำเป็นเน็ตเวิร์กของโนเกียเท่านั้น แต่รับบริหารระบบให้กับเน็ตเวิร์กของทุกราย
โนเกียเชื่อว่า การใช้บริการ เอาต์ซอร์สด้าน Managed Services จากคนนอกจะทำให้โอเปอเรเตอร์ประหยัดค่าใช้จ่ายหรือมีกำไรเพิ่มมากขึ้นอีก 5-10% ต่อปีในปัจจุบัน
ผู้บริหารโนเกียมองความเป็นไปได้ของการแชร์เน็ตเวิร์กร่วมกันของโอเปอเรเตอร์เป็นอีกหนึ่งโซลูชันที่โนเกียจะนำเสนอให้กับโอเปอเรเตอร์ เพื่อการประหยัดงบประมาณในการลงทุนด้านเครือข่ายโดยโนเกียอยู่ในระหว่างการจัดตั้ง "โกบอลโอเปอเรชันเซ็นเตอร์" ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมทีมงานที่ประสิทธิภาพทั้งด้านเครือข่าย เพื่อให้ลูกค้าแชร์เน็ตเวิร์กร่วมกันเพื่อการประหยัดค่าใช้จ่าย
ปัจจุบันโนเกียเป็นผู้บริหารระบบผ่านเทคโนโลยี NetAct ที่ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเปลี่ยนระบบจาก 2G เป็น 3G ให้แก่ลูกค้าแล้วกว่า 300 รายทั่วโลก โดย ในสวีเดน โนเกียเป็นผู้บริหารการแชร์เน็กเวิร์กร่วมกันของโอเปอเรเตอร์ เทเลนอร์ในปากีสถาน ใช้บริการ Managed Services ของโนเกีย รวมทั้งอินเดีย ฯลฯ
นายสุวิทย์ กล่าวว่า การให้บริการเอาต์ซอร์ส Managed Services จะเป็นการให้บริการหลักในปี 2549 ของโนเกีย โดยมองว่า รายได้จากการให้บริการ ของโนเกียจะเพิ่มเป็น 50% ในอีก 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ในระดับประมาณ 30% นอกจาก ลูกค้าในหลายประเทศทั่วโลกแล้ว โนเกียอยู่ในระหว่างการนำเสนอบริการนี้กับโอเปอเรเตอร์ในเมืองไทย
โนเกียมองความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดในปีหน้าว่าจะขึ้นอยู่ปัจจัยหลายอย่างคือ 1. ไลเซนส์ 3G จะเกิดหรือไม่ 2. การทำตลาดของโอเปอเรเตอร์จะมุ่งลงทุนใน 2G หรือ 3G หากลงใน 2G มากเกินไปเมื่อ 3G เกิดก็จะเป็นการลงทุนใน 2G ที่เหลือเกินความจำเป็น และ 3. การแข่งขันของตลาดโดยเฉพาะเรื่องแคมเปญการตลาดที่ให้ความสำคัญต่อ การแข่งขันเรื่องราคาจะคุ้มค่ากับการลงทุนของโอเปอเรเตอร์หรือไม่
|
|
|
|
|