Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 ธันวาคม 2548
บีที6เดือนเอ็นเอวีพุ่ง5พันล้าน ครึ่งแรกปีจอลุยต่ออีก8กองทุน             
 


   
search resources

Funds
บีที, บลจ.




บลจ.บีทีปลื้ม ลุยธุรกิจกองทุนรวม 6 เดือน มูลค่าทรัพย์สินสุทธิพุ่งกว่า 5,000 ล้านบาท ทั้งจากกองทุนหุ้น ตราสารหนี้ LTF และ RMF พร้อมได้กองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจากแบงก์แม่หนุน ดันเอ็นเอวีรวม 27,000 ล้านบาท "อนุสรณ์" เผยครึ่งแรกปีหน้าเตรียมส่งกองทุนลุยตลาดต่ออีก 7-8 กองทุน

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บลจ.บีทีเปิดตัวไปในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และดำเนินธุรกิจผ่านไป 6 เดือน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี) สำหรับกองทุนรวมเพิ่มขึ้นมาประมาณ 5,000 ล้านบาท จากกองทุนที่เปิดขายหน่วยลงทุนไปทั้งหมด 12 กองทุน ซึ่งหากรวมกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่บริษัทได้รับโอนมาจากธนาคารไทยธนาคาร ซึ่งเป็นบริษัทแม่ มีสินทรัพย์รวมทั้งหมดประมาณ 27,000 ล้านบาท

โดยหลังจากดำเนินธุรกิจไปได้ประมาณ 6 เดือน ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จและได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นอายุ 3 เดือน ซึ่งในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาก็สามารถระดมทุนได้เกิน 2,000 ล้านบาทจากกองทุนตราสารหนี้ 1 กองทุนตามมูลค่าโครงการของกองทุนดังกล่าวจนต้องปิดจองหน่วยลงทุน เนื่องจากหากสูงกว่านั้นอาจจะทำให้ผลตอบแทนของกองทุนลดลง

สำหรับกองทุนรวมทั้งหมดที่เปิดขายหน่วยลงทุนในปีนี้ มีทั้งกองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งประกอบด้วย กองทุนรวมไทยธรรมคุ้มครองเงินต้น 1-4 กองทุนเปิดไทย RMF คุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ, กองทุนเปิดไทย RMF ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ, กองทุนเปิดไทย LTF 70 หุ้นระยะยาว, กองทุนเปิดไทย LTF ดับเบิลเซเล็คทีฟหุ้นระยะยาว, กองทุนเปิดไทยทวิตราสารหนี้, กองทุนเปิดไทยแคร์ตราสารหนี้, กองทุนปิดไทยธรรมตราสารหนี้ 1 และกองทุนรวมไทยทาร์เก็ต

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมของบริษัท มีสัดส่วนมาจากลูกค้าของธนาคารประมาณ 70% และจากไดเร็กต"เซลส"ประมาณ 30% ซึ่งแผนในปีหน้านั้น บริษัทจะเปิดขายกองทุนใหม่อีกประมาณ 7-8 กองทุนในช่วงครึ่งแรกของปี

สำหรับบลจ.บีที เป็นบริษัทจัดการกองทุนในเครือธนาคาร ไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2548 โดยธนาคารถือหุ้น 99.99% ปัจจุบัน บลจ.บีที เริ่มประกอบธุรกิจในเดือนพฤษภาคม 2548 มีฐานสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 25,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อถึงความเป็นห่วงในเรื่องเงินลงทุนที่จะไหลกลับเข้าไปในระบบแบงก์หลังจากขยับดอกเบี้ยเงินฝากว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละแบงก์ มากกว่าว่าต้องการเงินฝากในการปล่อยสินเชื่อแค่ไหน ซึ่งถ้าแบงก์ใดมีสภาพคล่องเพียงพอในการปล่อยสินเชื่อแล้วก็ไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย ในขณะที่แบงก์ซึ่งมีบริษัทจัดการกองทุนอยู่อาจจะตรึงสภาพคล่องไว้ด้วยการโยกเงินไปลงทุนผ่าน บลจ. ของแบงก์นั้นๆ สำหรับ บลจ.บีทีเองซึ่งมีไทยธนาคารเป็นแบงก์แม่ก็มีนโยบายตรึงเงินไว้อยู่ภายในเครือข่ายของกลุ่มบีที ทั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บลจ. รวมถึงเงินฝากด้วย สอดคล้องกับการเป็นธนาคารครบวงจรหรือยูนิเวอร์แซลแบงกิ้ง

สำหรับการแข่งขันในธุรกิจกองทุนรวมปีหน้านั้น ในส่วนบลจ.ที่ไม่มีแบงก์เป็นเครือข่ายช่วยหนุนอาจจะต้องเหนื่อยหน่อย จากการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง แต่ บลจ.หลายแห่งก็มีการปรับตัวหาจุดเด่นในการกระจายหน่วยลงทุนผ่านตัวแทนอื่นๆ ซึ่งการแข่งขันดังกล่าวก็มีส่วนช่วยให้ธุรกิจกองทุนรวมขยายตัวได้ในระดับที่สูงด้วย บวกกับสถาบันประกันเงินฝากที่เกิดขึ้น และการส่งเสริมการออมจากภาครัฐในเรื่องของสิทธิประโยชน์ทางภาษี จึงเชื่อว่าน่าจะขยายตัวไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปีหน้าการขยายตัวไม่น่าจะต่ำกว่าปีนี้

ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า คาดว่าจะขยับขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3 ของปีหน้า โดยประมาณการว่าจะปรับขึ้นไปหยุดที่ระดับ 5-5.5% จาก 4% ในปัจจุบัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us