|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.ทิสโก้คาดตลาดหุ้นไทยปีจอมีโอกาสทะลุ 800 จุด เนื่องจาก P/E ยังต่ำ ขณะที่จีดีพีปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวประมาณ 5% ทำให้ดัชนีตลาดยังมีโอกาสผงกหัวได้ เผยกลยุทธ์ปีหน้าเตรียมบุกตลาดลูกค้าต่างจังหวัดผ่านแบงก์แม่ ขณะที่ปีนี้พอร์ตกองทุนภายใต้การบริหารทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 15-20%
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีหน้ายังมีแนวโน้มขาขึ้น โดยบริษัทประเมินว่าดัชนีมีโอกาสแตะระดับ 800 จุด เนื่องจากราคาต่ออัตราผลกำไร (P/E) ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวประมาณ 5% ซึ่งถือว่าดีกว่าปีนี้ที่จีดีพีขยายตัวประมาณ 4.7% ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจลงทุน
"สิ่งที่กลัวคือ ไม่อยากให้สถานการณ์ความ ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ลุกลามมาก กว่านี้ เพราะแนวโน้มราคาน้ำมันยังคงมีโอกาสปรับตัวลดลง ปัญหาสึนามิเริ่มคลี่คลาย ขณะที่เงินเฟ้อคาดว่าจะเริ่มนิ่งในช่วงกลางปี บรรยากาศ โดยรวมของตลาดหุ้นน่าจะดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีนี้ ตลาดค่อนข้างผันผวนจากปัญหาต่างๆ ซึ่งทำให้ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นภาพลบ ไม่ว่าจะเป็นสึนามิ น้ำมัน ดอกเบี้ยขาขึ้น ปัญหาภาคใต้ และการกลับมาแพร่ระบาดของไข้หวัดนก" นายสุทัศน์กล่าว
นายสุทัศน์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ของบริษัทว่า ในส่วนของธุรกิจกองทุนรวมสามารถเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ภายใต้การบริหารได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยล่าสุด NAV อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2547 อยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 50,000 ล้านบาท กองทุนส่วนบุคคลประมาณ 21,000 ล้านบาท รวม ทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร 81,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีหน้า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารประมาณ 15-20% โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คาดว่าจะมาจากธุรกิจกองทุนรวม เนื่องจาก ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีการแข่งขันอย่างรุนแรง
"แผนการดำเนินงานในปีหน้า ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทยังคงให้น้ำหนักกับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น และระยะปานกลาง เนื่องจาก แนวโน้มดอกเบี้ยคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และจะเริ่มนิ่งในช่วงครึ่งปีหลัง โดยหลังจากที่ดอกเบี้ย เริ่มนิ่งเราจะเริ่มปรับกลยุทธ์การออกกองทุนตราสารหนี้ที่มีอายุปานกลาง และระยะยาว เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แกjผู้ถือหน่วยลงทุน"นายสุทัศน์กล่าว
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะสั้น (อาร์/พี) 14 วัน คาดว่าในช่วงกลางปีจะปรับตัวสูงสุด โดยบริษัทประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยอาร์/พีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5% ส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อคาดว่าในปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 3-4% ซึ่งทำให้ผลตอบแทนจากการฝากเงินของนักลงทุนเป็นบวก
นายสุทัศน์ กล่าวว่า ในส่วนของกองทุนหุ้น บริษัทอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการออกกองทุนหุ้นที่มีนโยบายผสม โดยจะเข้าไปลงทุนในตราสารอนุพันธ์ด้วย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยคาดว่าจะสามารถจัดตั้งกองทุนได้ หลังจากที่ตลาดตราสารอนุพันธ์เริ่มเทรด
ขณะเดียวกัน ในส่วนของ กองทุนหุ้น และกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ที่มีอยู่แล้ว บริษัทก็จะทำการประชาสัมพันธ์กับลูกค้าให้เข้ามาลงทุนผ่านกองทุนหุ้นมากขึ้นด้วย เนื่องจากโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้
นอกจากนี้ ในแง่ของแผนการตลาด บลจ. ทิสโก้ จะเดินหน้าขายหน่วยลงทุนผ่าน ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัด โดยปัจจุบันธนาคารทิสโก้มีสาขา 14 แห่ง โดยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการฝึกอบรมพนักงาน เพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อสอบใบอนุญาต (ไลเซนส์) ขายหน่วยลงทุน ซึ่งบริษัท ตั้งเป้าให้แต่ละสาขามีพนักงานที่มีความพร้อมและสามารถขายหน่วยลงทุนได้สาขาละ 2 แห่ง
สำหรับกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 800 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกของบริษัท หลังการเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ขายได้ประมาณ 400 กว่าล้านบาท ซึ่งในปีหน้ายังคงจะเดินหน้าประชาสัมพันธ์เพื่อขายหน่วยลงทุนให้ครบตามโครงการที่ได้ขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
|
|
|
|
|