Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 ธันวาคม 2548
กสิกรไทยผวากองทุนวายุภักษ์2 ฉุดความเป็นเบอร์1ธุรกิจกองทุน             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด

   
search resources

กสิกรไทย, บลจ.
Funds




บลจ.กสิกรไทยเดินหน้าทวงแชมป์ NAV สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งภายในปีนี้สำเร็จ แต่ยังห่วงปีหน้าหาก "วายุภักษ์ 2" เกิดจะผลักดันให้คู่แข่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการแซงทันที เผยปีหน้าตั้งเป้า NAV เพิ่ม 25% โดยจะหันมาให้น้ำหนักกับกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) และพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ หลังซุ่มเตรียมความพร้อมมานาน

นายอโศก วงศ์ชะอุ่ม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ภายใต้การบริหารจัดการในปี 2549 ประมาณ 25% โดยล่าสุดในปีนี้มีพอร์ตภายใต้การบริหารจัดการกว่า 2.06 แสนล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) อันดับ 1 เมื่อเทียบกับปี 2547 ที่มีพอร์ตภายใต้การบริหาร 1.5 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 30%

"กลยุทธ์ในปีหน้าเราคงให้น้ำหนักกับการออกกองทุนตราสารอนุพันธ์ กองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ (FIF) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ซึ่งเราได้มีการศึกษาเรื่องนี้มาหลายปี" นายอโศกกล่าว

สำหรับภาพรวมธุรกิจกองทุนรวม ในปีหน้า คาดว่ากองทุนตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรยังคงได้รับการตอบรับจากลูกค้าเงินฝาก และเชื่อว่าตลาดยังคงไปได้ เนื่องจากลูกค้ากองทุนยังมีสัดส่วนต่ำ เมื่อเทียบกับกลุ่มลูกค้าเงินฝากที่มีเม็ดเงินกว่า 5-6 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน

"สาเหตุที่กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นในปีนี้ได้รับการตอบรับจากนักลงทุน แต่เมื่อแนวโน้มดอกเบี้ย เริ่มนิ่งในช่วงกลางปี คาดว่า บลจ.แต่ละแห่งจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ในการเสนอขายหน่วยลงทุน โดยหันมาออกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ระยะปานกลาง และระยะยาวมากขึ้น ซึ่งทำให้เห็นว่าแนวโน้มกองทุนตราสารหนี้ยังไม่หมดไป"

นอกจากนี้ แนวโน้มการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากที่คาดว่าจะเกิดขึ้นถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจกองทุนขยายตัว โดยนักลงทุนจะพิจารณาความเสี่ยงในการลงทุนมากขึ้น ส่งผลให้มีเงินฝากบางส่วนย้ายการลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งถือเป็นไปตามกลไกตลาด

นายอโศกกล่าวว่า แผนการดำเนินงานของบลจ.กสิกรไทย ยังคงดำเนินไปตามกลยุทธ์ของธนาคารกสิกรไทยที่ได้ปรับตัวโดยชูจุดขายในเรื่องของ K-GROUP ซึ่งหมายถึงการเป็นสถาบันการเงินที่มีบริการทางการเงินอย่างครบวงจร โดยโฟกัสไปที่ความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ภายใต้สโล-แกนบริการทุกระดับประทับใจ

สำหรับกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย ในปีหน้ายังไม่มีแผนออกกองใหม่ โดยจะเน้นการทำ ความเข้าใจกับลูกค้าที่สนใจลงทุนผ่านกองทุนหุ้นเป็นสำคัญ โดย บลจ.กสิกรไทยประเมินว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีหน้าดัชนีจะอยู่ที่ 740 จุด และคาดว่าตลาดหุ้นยังคงมีความผันผวน โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 5%

นายอโศกกล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งปัจจุบันบลจ.กสิกรไทยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรมยังขยายตัวน้อยมาก และที่สำคัญมีการแข่งขันกันมาก โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าธรรมเนียม อย่างไรก็ตาม บริษัทมีนโยบายไม่เข้าไปแข่งขันในด้านนี้ โดย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2548 บลจ.กสิกรไทยมีพอร์ตกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริหาร 39,667 ล้านบาท

สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ณ เดือนตุลาคม 2548 บลจ.กสิกรไทยมีพอร์ตภายใต้การบริหาร 33,411 ล้านบาท มาร์เกตแชร์อันดับ 4

"เราสามารถกลับขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ได้สำเร็จในปีนี้ โดยมีการออกกองทุนจำนวน 20 กองทุน แต่สิ่งที่เราเป็นห่วงคือ กองทุนวายุภักษ์ 2 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า ถ้าหากมีเราคงไม่สามารถรักษาความเป็น บลจ.ที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ได้" นายอโศกกล่าว

สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า คาดว่าจะทยอยปรับขึ้น โดยคาดว่าจะปรับตัวสูงสุดในช่วงกลางปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะสั้น (อาร์/พี) 14 วันคาดว่าจะอยู่ที่ 4.50-4.75%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us