แบงก์แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เผยปีหน้าเตรียมเพิ่มทุนอีก 1,100 ล้าน ตั้งเป้าปี 2550 เปิดสาขาเพิ่ม 30 แห่ง ใช้งบลงทุน 2-2.5 ล้านต่อสาขา เตรียมเข้าตลาดปี 51 หลังยกระดับเป็นแบงก์พาณิชย์เต็มรูปแบบ คุยจุดเด่น ให้บริการรวดเร็วอนุมัติสินเชื่อภายใน 3 วัน
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่า ธนาคารมีความพร้อมที่จะให้บริการ อย่างเต็มที่ โดยปัจจุบันได้มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท และคาดว่าน่าจะมีการเพิ่มทุนเป็น 2,600 ล้านบาทในช่วงปลายปี 2549 เพื่อรองรับการขยายตังของสินเชื่อ แต่ ธนาคารยังไม่มีแผนที่จะหาพันธมิตร เข้ามาร่วมลงทุนในขณะนี้ เนื่องจาก มองว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นได้
ทั้งนี้ ธนาคารมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากที่ธนาคารได้ยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบในช่วงปลายปี 2551 ซึ่งจะสามารถให้บริการอย่างครบวงจร แต่จะต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อน โดยธนาคารจะต้องมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 5,000 ล้านบาทตามเกณฑ์ ธปท. ฉะนั้นธนาคารจะต้องมีความพร้อมมากกว่านี้ โดยกระบวนการในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะดำเนินการพร้อมกับการยกระดับธนาคาร เป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ
นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธาน กรรมการบริหาร ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย (LH BANK) กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางธนาคารไม่หวังยกระดับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ ขนาดใหญ่ทั่วไป แต่จะเน้นนโยบาย ตอบสนองภาครัฐ รวมถึงรองรับการใช้เกณฑ์บาเซิล 2 (Basel II) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศใช้ในปี 2550
"ตอนนี้ระบบการปล่อยสินเชื่อ ของธนาคารมีความพร้อมที่จะรองรับเกณฑ์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ซึ่งการนำระบบดังกล่าวมาใช้จะช่วยให้การปล่อยสินเชื่อมีความละเอียด รอบคอบมากขึ้น และจะเป็นผลดีต่อธนาคารเอง ซึ่งขณะนี้ทางแบงก์ได้มีระบบการบริหารความเสี่ยงเป็นอย่างดี หากเกณฑ์ บาเซิล 2 จะกำหนดใช้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ก็ไม่มีปัญหา" นายรัตน์ กล่าว
สำหรับยอดสินเชื่อของธนาคารในปัจจุบันมีจำนวน 9,000 ล้านบาท ส่วนในปี 2549 ที่จะถึงนี้ ธนาคารตั้งเป้าที่จะปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ส่วนยอดเงินฝากได้ตั้งเป้าหมายที่ 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ 15% ส่วนที่เหลืออีก 85% เป็นเงินฝากประจำ ส่วนสินทรัพย์รวมของธนาคารในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท และมีจำนวนพนักงาน 255 คน
ทั้งนี้ พอร์ตสินเชื่อของธนาคาร นั้นประกอบด้วยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 60-70% ส่วนที่เหลือคือประมาณ 30% จะเป็นสินเชื่อ แฟกตอริ่ง สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งคาดว่าภายหลังจากประกอบธุรกิจเป็นธนาคารเพื่อรายย่อยแล้วจะสามารถ ถึงจุดคุ้มทุนได้ประมาณสิ้นปีหน้า หากผลประกอบการทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งเชื่อว่าทำได้ตามเป้าหมายเพราะจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นลูกค้าของบมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) รวมทั้ง บริษัทเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ (AP) ด้วย
นายรัตน์ กล่าวต่อว่า ธนาคาร มีแผนที่จะขยายสาขา 6-7 สาขา ในปี 2549 ซึ่งในจำนวนดังกล่าวจะตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และพัทยา โดยใช้งบลงทุน 2-2.5 ล้านบาท ต่อสาขา ซึ่งได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มให้ได้ 30 สาขาภายในปี 2550 เพื่อรองรับการให้บริการของลูกค้าและเพื่อ ยกระดับธนาคาร แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ให้เป็นธนาคารพาณิชย์
ด้านจุดเด่นในการให้บริการของธนาคารนั้น คือ ความรวดเร็ว โดยธนาคารจะทำการพัฒนาระบบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเพื่อให้รวดเร็วกว่าธนาคารพาณิชย์แห่งอื่น ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 3 วัน และในอนาคตจะพัฒนาระบบให้สามารถอนุมัติได้ภายใน 1 วัน จากเวลามาตรฐานที่ใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจะอยู่ที่ 7 วัน
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 ธันวาคม 2548 (วานนี้) ธนาคารได้เปิดให้บริการรับฝากเงินและบริการสินเชื่ออย่างเป็นทางการหลังจากได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ยกระดับเป็นธนาคารเพื่อรายย่อยได้ในปีที่ผ่านมา โดยมีผลิตภัณฑ์เงินฝาก แบ่งเป็น เงินฝาก เดินสะพัด หรือกระแสรายวัน เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 18 เดือน 24 เดือน 36 เดือน และเงินฝากปลอดภาษี
สำหรับอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้ของธนาคารนั้น ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) 6.50% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าเบิกเกินบัญชี (เอ็มโออาร์) 6.75% และดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าทั่วไป (เอ็มอาร์อาร์) 7.00% ซึ่งในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ธนาคารจะคิดโดยพิจารณาจากธนาคารพาณิชย์รายเล็กๆ
|