Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 ธันวาคม 2548
คุมเข้มงบโฆษณาปีจอ ชี้เทรนด์ผุดสื่อใหม่จับธุรกิจเงินน้อย             
 


   
search resources

Advertising and Public Relations
เอ็มแอนด์ซี ซาทชิ (ประเทศไทย), บจก.




คนวงการโฆษณาระบุชัด ปีจอ สินค้าและบริการคุมเข้มการใช้งบโฆษณา"เอ็มแอนด์ซี ซาทชิ" สร้างเทรนด์อุตสาหกรรมโฆษณาแข่งบีโลว์เดอะไลน์เดือด อสังหาริมทรัพย์-น้ำเมาปรับงบฝุ่นตลบหันมาใช้บีโลว์เดอะไลน์ ฮึดสู้ปั้นสื่อโฆษณาดิจิตอลปีหน้า หวังสร้างรายได้เพิ่ม ผ่านสื่อออนไลน์ ชูคอนเซ็ปต์บริหารงบมีประสิทธิภาพรองรับลูกค้างบน้อย ปีหน้าตั้งเป้ารายได้บิลลิ่งกวาด 300 ล้านบาท

นางอมรพิมล ธนากิจอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็มแอนด์ซี ซาทชิ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมโฆษณามูลค่า 70,000-80,000 ล้านบาท ในปีหน้านี้คาดว่าจะมีอัตราการ เติบโต 15% ดีขึ้นกว่าปีนี้เพียงเล็ก น้อย ขณะที่ในปีนี้อัตราการเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ทั้งนี้เป็นเพราะการเติบโตของอุตสาหกรรมโฆษณา จะขึ้นอยู่กับความผกผันของภาวะเศรษฐกิจ โดยมีตัวแปรจาก ราคาน้ำมัน และสถานการณ์ทางการเมืองเป็นตัวกำหนด

พฤติกรรมเจ้าของสินค้าในปีนี้ มีความระมัดระวังการใช้งบสื่อโฆษณามากขึ้น และ คาดว่าปีหน้านี้พฤติกรรมของเจ้าของสินค้าคงจะไม่แตกต่างกับปีนี้มากนัก หลังจากที่มีการประมาณการว่าปีหน้านี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศจะโต 5% โดยกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มจะระมัดระวังการใช้เม็ดเงินลงสื่อโฆษณาในปีหน้านี้ เช่น กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่สินค้าที่คาดว่าจะไม่มีการลดงบในการใช้สื่อ โฆษณา คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และโทรศัพท์มือถือ

ไม่เพียงเท่านั้นปีหน้านี้เจ้าของสินค้าเอง ยังมีแนวโน้มปรับงบในส่วนของอะโบฟเดอะไลน์ลง และหันมาทำบีโลว์เดอะไลน์เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าตรงถึงกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจง เช่น กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น แนวโน้ม ดังกล่าวจึงคาดการณ์ว่าปีหน้านี้ วงการเอเยนซีจะแข่งขันกันด้านบีโลว์เดอะไลน์ที่ครบวงจรกันมากขึ้น

"หากในปีหน้านี้โครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลเกิดขึ้นจริง จะเป็นปัจจัยบวกที่เข้ามาช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมโฆษณาให้มีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น"

สำหรับนโยบายของบริษัทฯในปีหน้านี้เน้นการวางแผนและกลยุทธ์การสื่อสารและผลิตงานครีเอทีฟออกมาให้มีคุณภาพ สามารถตอบโจทย์ทางการตลาดของลูกค้า และประการสำคัญ คือ การบริหารงบการตลาดของลูกค้าอย่าง มีประสิทธิภาพ ภายใต้การใช้สื่อและกิจกรรมอื่นๆ เช่น การจัดกิจกรรม การประชาสัมพันธ์ กราฟิกดีไซน์ ไดเร็กต์มาร์เกตติ้ง ฯลฯ เพื่อรองรับกับธุรกิจ ขนาดเล็กมีงบประมาณน้อย ขณะที่แนวทางงานครีเอทีฟบริษัทได้วางแนวคิดภายใต้"Brutal Simplicity of Thounght" หรือ คิดสร้างสรรค์ ที่มีรสชาติ ถูกปาก และบริโภคง่าย แต่จะมีรสชาติ ที่ติดปากและติดใจ

ล่าสุดบริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวสื่อในรูปแบบใหม่ สื่อโฆษณาในรูปแบบดิจิตอล โดยได้วางแผนจัดตั้งแผนกดิจิตอลขึ้นมาในปี 2549 หรือ ปี 2550 เพื่อให้บริการตั้งแต่การจัดทำเว็บไซต์ โฆษณาออนไลน์ การผลิตสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และผลิตเกมออนไลน์ เนื่องจากมองว่าสื่อดิจิตอลกำลังเป็นสื่อที่แจ้งเกิดในประเทศไทย เหมาะกับ สินค้าที่เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ โดยปัจจุบัน บริษัทมีเน็ตเวิร์กในเอเชีย-แปซิฟิกที่แข็งแกร่ง ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย ขณะที่รายได้ของกลุ่มบริษัทปีนี้ในเอเชียมีอัตราการเติบโต 15%

เราวางเป้าหมายไว้ว่าภายใน 3-5 ปี บริษัทจะขยับตำแหน่งจากการเป็นเอเยนซีโฆษณาอินเตอร์ขนาดเล็กสู่การเป็นเอเยนซีขนาดกลาง โดยมีบิลลิ่งประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากเปิดตัวได้ 1 ปี เอ็มแอนด์ซี ซาทชิ ประสบความสำเร็จมียอดบิลลิ่ง 200 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากอะโบฟเดอะไลน์ 40% และบีโลว์เดอะไลน์ 60%Ž

สำหรับในปีหน้านี้บริษัทฯได้ลูกค้าใหม่ 3 ราย ได้แก่ เอไอเอ,ยาภายใต้แบรนด์ Roche และพัดลมฮาตาริ รวมทั้งยังได้ดูแลและแผนงาน โฆษณา สื่อสารการตลาดทั้งหมดให้ธนาคารกรุงเทพ จากเดิมที่รับผิดชอบในส่วนของสายบัตรเครดิตเท่านั้น นอกจากนี้บริษัทฯกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาและเสนองานกับกลุ่มลูกค้า ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์อาหารและนม และธุรกิจบริการ เป็นต้น โดยปีหน้านี้ตั้งเป้ารายได้โตอย่าง น้อย 30% ในขณะที่วางเป้าหมายบิลลิ่งไว้ที่ 300 ล้านบาท แบ่งเป็นบิลลิ่งจากลูกค้าใหม่ 100 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากวงการโฆษณาให้ความเห็นว่า ปีหน้าเจ้าของสินค้าจะมีการระมัดระวังการใช้เงิน มากขึ้น โดยเฉพาะการใช้งบโฆษณา เพราะว่าหลายบริษัทพยายามที่จะมุ่งหันมาใช้บีโลว์เดอะไลน์กันมากขึ้น ดังนั้น งบโฆษณาของแต่ละรายอาจจะลดน้อยลงก็ได้

นายวิทยา ตั่งธนาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนเดมิค จำกัด ซึ่งเป็น มีเดียเฮาส์กล่าว ว่า ในปีหน้าคาดการณ์ว่าตลาดโฆษณาก็คงจะไม่โตไปมากกว่าปีนี้ เนื่องจากมีฐานตลาดที่ใหญ่ มากขึ้นแล้วเกือบ 80,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้การแข่งขันจะหนักไปอยู่ที่การแย่งงบโฆษณาจากสินค้าและบริการมากกว่า ทั้งนี้สื่อประเภททีวียังคงเป็นสื่อหลักเหมือนเดิม

ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นคงจะไม่ได้เติบโตมากกว่าปีนี้ ดังนั้นงบโฆษณาก็คงจะเหมือนกับปีนี้ ส่วนสินค้าทางด้านคอนซูเมอร์นั้นก็ยังคงแข่งกันหนักเหมือนเดิมซึ่งคงจะต้องมีการปรับแผนการใช้งบโฆษณากันใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ

ส่วนโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ของภาครัฐนั้นคาดว่าคงจะไม่ได้ส่งผลดีหรือความคึกคักให้กับแวดวงโฆษณามากนัก เนื่องจากว่า งบประมาณจำนวนมากนั้นไม่ได้เป็นงบที่มุ่งมาเพื่อการทำโฆษณา แต่เป็นงบลงทุนเป็นหลัก อีกทั้งยังไม่แน่ใจด้วยว่าโครงการใหญ่ๆเหล่านั้นจะสามารถเกิดขึ้นหรือเริ่มก่อสร้างเมื่อใด

ทั้งนี้จากรายงานล่าสุดของนีลเส็นมีเดีย รีเสิร์ชระบุว่า ในปี 2549 เฉพาะเดือนพฤศจิกายน นี้สินค้าที่ใช้งบโฆษณาสูงสุดคือ 1.พอนด์ส ใช้งบ 99 ล้านบาท เพิ่มจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ใช้ 53 ล้านบาท 2. พีทีที ใช้ 748 ล้านบาท เพิ่มจาก เดิมที่ใช้ 23 ล้านบาท 3. ไทยประกันชีวิต ใช้งบ 70 ล้านบาท เพิ่มจากเดิมที่ใช้ 1 ล้านบาท 4. เอไอเอส ใช้ 59 ล้านบาท จากเดิมที่ใช้ 35 ล้านบาท 5. ออยออฟโอเลย์ ใช้งบ 52 ล้านบาท ลดลงจากเดิมที่ใช้ 53 ล้านบาท

ขณะที่ แบรนด์สินค้าที่ใช้งบโฆษณาสูงที่ สุด 11 เดือนแรกปีนี้ คือ 1. พอนด์สใช้งบ 613 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันที่ใช้ปีที่แล้ว 517 ล้านบาท 2. ออยออฟโอเลย์ใช้งบ 584 ล้าน บาท เพิ่มจากเดิมที่ใช้ 430 ล้านบาท 3. ทีวีไดเร็คใช้งบ 435 ล้านบาท เพิ่มจากเดิมที่ใช้ 358 ล้านบาท 4. โตโยต้าใช้งบ 407 ล้านบาท เพิ่มจาก เดิมที่ใช้ 355 ล้านบาท 5. วันทูคอลใช้งบ 387 ล้านบาท ลดลงจากเดิมที่ใช้ 530 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us