โครงการบ้านสวนริมคลอง เจ้าพระยา-บางปะอิน เป็นความท้าทายตลาดครั้งใหญ่อีกครั้งของแปลนกรุ๊ป
พร้อมๆ กับคำถามที่ว่าบ้านสวนซึ่งเป็นเอกลักษณ์และจุดขายของกลุ่มแปลนมาตลอดนั้นยังขายได้หรือไม่
?
เมื่อวันที่ 29-30 มีนาคม 2540 ที่ผ่านมา แปลนกรุ๊ปได้จัดงาน "เยือนเรือนไม้ริมน้ำ
สังสรรค์ความฝันมีชีวิต" ขึ้นที่โครงการบ้านสวนริมคลองของเจ้าพระยา
บนตำบลบ้านแป้ง อำเภอบางปะอิน จังหวัดอยุธยา สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้ว่า ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร
ตลาดบ้านจัดสรรจะซบเซาและแสงแดดปลายเดือนมีนาคมจะแผดแสงแรงกล้าแค่ไหน แต่โครงการของแปลนกรุ๊ปก็ยังเป็นที่ชื่นชอบของคนจำนวนมาก
ใน 2 วันนั้นมีลูกค้าประมาณ 1,000 คนที่เข้าไปเยี่ยมชมโครงการ
"ราคาค่อนข้างจะสูงไป บ้านหลังเล็กนิดเดียว ดูแบบบางมาก" คือข้อสรุปที่
"ผู้จัดการรายเดือน" รับรู้จากหลายๆ คนที่ไปเห็นโครงการ แต่แทบทุกคนจะชื่นชมแนวความคิดของโครงการนี้ที่ต้องการให้คนอยู่กับธรรมชาติ
มีกิจกรรมเสริมคุณภาพชีวิต ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดี
และคงด้วยเหตุผลนี้ลูกค้ากระเป๋าหนักหลายคนก็ได้ควักกระเป๋าจอง ทำให้การจัดงานคราวนั้นทางบริษัทมียอดจองประมาณ
20-25 แปลง เป็นจำนวนเงินประมาณ 50 ล้านบาท ถ้าเทียบเป็นสัดส่วนของคนที่เข้าเยี่ยมชมงานวันละประมาณ
500-600 คนแล้ว มียอดคนจองเพียงประมาณ 10 คนต่อวันอาจจะดูว่าน้อย แต่ในช่วงสถานการณ์เช่นนี้อย่างไรเสียแปลนก็ต้องพอใจ
ธีรพล นิยม กรรมการผู้จัดการบริษัทแปลนเอสเตท เคยเล่าว่า เมื่อเปิดตัวโครงการ
บ้านสวนริมน้ำที่ถนนกรุงเทพกรีฑาเมื่อประมาณปี 2539 มีผู้แวะเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากตลอดเวลาเช่นกัน
แต่ยอดขายไม่ได้ลื่นไหลตามจำนวนคนที่ดู เขาเคยสรุปว่าเป็นเพราะจับกลุ่มลูกค้ารายได้สูงไป
โดยตัวบ้านทาวน์เฮาส์ริมน้ำที่มีราคาเริ่มต้นประมาณ 4 ล้านบาท แต่โครงการที่อยุธยานี้
ราคาขายบ้านพร้อมที่ดินเริ่มต้นที่ประมาณ 1.6 ล้านบาท แปลนเอสเตทเลยหวังเป็นอย่างมากว่าโครงการที่อยุธยานี้จะขายได้อย่างรวดเร็ว
การสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ เป็นจุดขายที่แปลนกรุ๊ปภูมิใจนักหนา แต่มันจะขายได้ดีจริงหรือไม่เป็นเรื่องที่แปลนต้องเร่งค้นหาคำตอบเช่นกัน
บ้านสวนริมคลองเจ้าพระยา-บางปะอินเป็นการจำลองชุมชนริมน้ำ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทย
มาใช้ในการออกแบบ โดยลำน้ำเหล่านี้จะไหลผ่านที่ดินทุกแปลง และทำหน้าที่เชื่อมโยงกลุ่มบ้านเข้าด้วยกัน
ในเมื่อที่ดินทั้งหมด 266 ไร่นั้นไม่ได้ติดแม่น้ำเจ้าพระยา แต่มีถนนชลประทานตัดแบ่งที่ดินเป็น
2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 พื้นที่ 32 ไร่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนที่ 2 พื้นที่ประมาณ
234 ไร่ ด้านหน้าจะติดถนนชลประทาน ดังนั้นบริษัทจึงจำเป็นต้องขุดคลองที่มีความกว้างตั้งแต่
6-40 เมตร แล้วชักน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา โดยต้องขุดท่อขนาดใหญ่ผ่านถนนชลประทานเพื่อให้น้ำไหลหมุนเวียนได้ทั่วโครงการ
โดยกำหนดราคาที่ดินและบ้านแตกต่างกันไป
ในที่ดินส่วนที่หนึ่งติดแม่น้ำเจ้าพระยานั้น จะมีบ้านเจ้าพระยาขนาดที่ดิน
80-150 ตารางวา จำนวน 54 แปลง ราคาเริ่มต้นที่ 3.5 ล้านบาทขึ้นไป ในที่ดินส่วนที่
2 นั้นขนาดที่ดิน 80-150 ตารางวาเช่นกันจำนวน 531 แปลง ราคาเริ่มต้นที่ 1.6
ล้านบาท
สำหรับตัวบ้านในแปลงที่ 80 ตารางวานั้นจะเป็นเรือนบางแก้ว ซึ่งมีห้องนอนขนาด
10 ตร.ม. ห้องน้ำ 4.80 ตร.ม. ระเบียง 3.50 ตร.ม. ใต้ถุน 22.40 ตร.ม. สำหรับแปลงที่ใหญ่กว่านี้
จะมีเรือนบางแก้วที่มีขนาดระเบียงกว้างขึ้นเป็น 9.40 ตร.ม. และยังเพิ่มเรือนขนมจีนให้อีกหลังซึ่งจะเป็นห้องน้ำ
3.80 ตร.ม. ห้องเก็บของ 2 ตร.ม. และครัว 9.10 ตร.ม. ซึ่งการออกแบบเรือนไม้ริมน้ำนี้
ได้ออกแบบให้มีลักษณะของบ้านไม้ตามชนบทที่ซ่อนตัวอยู่กับธรรมชาติ
ทางโครงการได้วางผังโดยคำนึงถึงพื้นที่ที่เอื้อต่อการพบปะสังสรรค์ระหว่างเพื่อนบ้านโดยมีสายน้ำ
สะพาน ทางจักรยาน เป็นเส้นสายที่เชื่อมโยงเรียงร้อยชุมชนเข้าด้วยกัน มีสวนมีลานแสดงกลางบ้าน
มีสโมสรขนาดใหญ่อีก 3 สโมสร
เมื่อโครงการนี้กว่า 80% คือลูกค้าที่ซื้อไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 แต่ในขณะเดียวกันมีทรัพย์สินส่วนกลางที่จะต้องดูแลอยู่ตลอดเวลา
เช่นในเรื่องของสโมสร การรักษาระดับน้ำ วิธีจัดการไม่ให้น้ำเน่าเสีย การดูแลต้นไม้ในโครงการ
เป็นต้น ดังนั้นบริษัทจึงได้กำหนดเก็บค่าส่วนกลางประมาณตารางวาละ 871 บาท
ในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งถ้าเป็นที่ดินแปลงเล็กสุดนอกจากราคาขายแล้วผู้ซื้อจะต้องรวมเงินส่วนนี้เพิ่มอีก
6 หมื่นบาท ซึ่งจะทยอยจ่ายพร้อมงวดเงินดาวน์ หรือเงินโอน
แปลนกรุ๊ปเปิดให้จองโครงการนี้มาตั้งแต่ต้นปี 2539 มาวันนี้แปลนคงได้คำตอบแล้วระดับหนึ่งว่า
สินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของบริษัทนั้น สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าส่วนใหญ่หรือไม่
แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร ก็คาดหวังไว้ว่าแปลนจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไปให้ดีที่สุด