|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ผู้บริหารแคปปิตอล โอเค เผยปีหน้าลูกค้าเพิ่มเป็น 1.3 ล้านราย หรือเพิ่มขึ้น 6.9 แสนราย วางแผนเพิ่มอีก 6 สาขา มั่นใจปีหน้ามีกำไรเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งจุดคุ้มทุนภายใน ส.ค.ปี 2550 ประกาศเป็นแชมป์เจ้าหนี้รายใหญ่ของราชาเงินผ่อนตามต่างจังหวัด แนะ ปปง.อย่าบีบนอนแบงก์ เหตุการเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเหมาะสมแล้ว
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทแคปปิตอลโอเค ในฐานะตัวแทนผู้ถือหุ้น กลุ่มชินวัตร เปิดเผยว่า ภายในปี 2549 บริษัทจะสามารถมีผลการดำเนินงานเป็นกำไร ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในระยะเวลา 3 ปี หลังจากที่บริษัทเปิดประกอบการ ตั้งแต่เดือนส.ค. 2547 ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายในปีหน้าจะเพิ่มจำนวนลูกค้าอีก 690,000 ราย จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 600,000 ราย รวมลูกค้าสิ้นปี 49 จะอยู่ที่ ประมาณ 1.3 ล้านราย และปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง 12,000 ล้านบาท และในสิ้นปีหน้าก็จะเพิ่มเป็น 20,000 ล้าน บาท
"ปกติแล้วสัดส่วนลูกค้าจะแบ่งเป็น ลูกค้าสินเชื่อบุคคล 60% สินเชื่อ เช่าซื้อ 30% และอีก 10% เป็นบัตรเครดิต แต่ในปีหน้าเป็นช่วงของการแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งตามสถิติแล้ว ปีใดที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก ยอดสินเชื่อเช่าซื้อจะเพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษ เพราะประชาชนจะไปซื้อโทรทัศน์ใหม่กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งผมเชื่อว่าใน ปีหน้าจะเหมือนกับอดีตทุกครั้ง ที่มีบอลโลก จึงได้เตรียม การเอาไว้ว่าจะปล่อยสินเชื่อ เช่าซื้อไว้แล้ว" นายอารักษ์ กล่าว
สำหรับสาขาในปีหน้าตั้งเป้าเพิ่มอีก 6 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 10 สาขา รวมสิ้นปีจะมี 16 สาขา ทั้งนี้สาขาที่เปิดใหม่ทั้งหมดจะเน้น ในต่างจังหวัดเพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น โดยมั่นใจว่าตัวเลข 16 สาขา ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยเกินไป เพราะบริษัทยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านเทเลวิซ ร้านเจมาร์ท โดยบริษัทได้วางเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ รายใหญ่ของบรรดา ราชาเงินผ่อน ในเขตต่างจังหวัด หลังจากที่ได้แซงคู่แข่งไปแล้วในบางจังหวัด ซึ่งการมีฐานลูกค้าต่างจังหหวัดเพิ่ม ทำให้มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ กว่า ลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ เพราะ ฐานลูกค้าต่างจังหวัดมีจำนวนมากกว่าในกรุงเทพฯ และในกรุงเทพฯ มีการแข่งขันกันสูง
กรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เรียกร้องให้สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ หรือ นอนแบงก์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมกับค่าธรรมเนียมเหลือ 20% นั้น นายอารักษ์ กล่าวว่า หากรวม ค่าธรรมเนียม แล้วเหลือ 15% ผู้ประกอบการทุกรายต้องปิดกิจการ ทั้งหมด เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการอยู่รอดได้ ดังนั้น เรื่องนี้ต้องแยกให้ชัดเจนระหว่างนอนแบงก์ที่ถูกต้องตามกฎหมายกับนอนแบงก์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่ง ในปัจจุบันนอนแบงก์ที่ถูกกฎหมายได้ปฏิบัติตามกฎของธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่มีรายใดคิดดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมาย กำหนด และไม่มีการทวงหนี้ที่รุนแรง
"จากกระแสข่าวในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาทำให้ประชาชนเข้าใจระบบการคิดดอกเบี้ยของนอนแบงก์มากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการแยกว่า อันไหนเป็นนอนแบงก์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และอันไหนที่ เป็นผู้ประกอบการใต้ดิน และ ผิดกฎหมาย ซึ่งลูกค้าจะได้รับ ประโยชน์จากตรงนี้ เชื่อว่าอนาคต ลูกค้าจะเพิ่มขึ้น" นายอารักษ์ กล่าว
|
|
|
|
|