Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน16 ธันวาคม 2548
มั่นคงฯโหมลงทุน7โปรเจกต์ เจาะเซกเมนต์ต่ำ3ลบ.-เล็งผุดคอนโดฯแนวรถไฟฟ้า             
 


   
www resources

โฮมเพจ มั่นคงเคหะการ

   
search resources

มั่นคงเคหะการ, บมจ.
Real Estate




ค่ายมั่นคงเคหะการฯเคาะแผนปี 49 โหมขยาย 7 โครงการมูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท พุ่งเป้าเจาะกลุ่มตลาดระดับกลางราคาเฉลี่ย 2-3 ล้านบาท ตั้งเป้า 2 ปีข้างหน้ายอดขายสูงกว่า 3,000 ล้านบาท คาดปีนี้รายได้แตะระดับ 2,200 ล้านบาท ระบุพฤติกรรมลูกค้า ต้องการบ้านเร็วขึ้น ภายใน 3 เดือน ตัดสินใจซื้อแล้ว เดินหน้าสร้างวินัย การเงินคุมหนี้สินต่อทุนไม่เกิน 1 เท่า

นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายบัญชีและการเงิน บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยถึงทิศทางของบริษัทในปี 2549 ว่า จากสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม ลูกค้าระดับกลางลงล่างที่เป็นฐานลูกค้ารายใหญ่ ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้ ว่าที่ผ่านมาโครงการต่างๆที่บริษัทลงทุน จะให้น้ำหนักกับกลุ่มลูกค้าดังกล่าว โดยในปี 2549 บริษัทมีแผน ที่จะเปิดขายโครงการใหม่รวมถึง 7 โครงการ มูลค่า 4,500 ล้านบาท ระดับ ราคาจะอยู่ที่ 2-3 ล้านบาท อาทิ

โครงการชวนชื่นศรีนครินทร์ อยู่ใกล้กับถนนศรีนครินทร์ เทพารักษ์ ราคาขาย 2-3 ล้านบาทเศษ ซึ่งยังไม่เปิดขายอย่างเป็นทางการแต่มียอดจองเข้ามาต่อเนื่อง หรือ โครงการชวนชื่นเพชรเกษม ส่วนหนึ่งของโครงการชวนชื่นซิตี้ โดยบริษัทได้ลงทุนในการซื้อที่ดินเพิ่มแล้วประมาณ 300 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 4 นี้ ราคาขาย 2-3 ล้านบาท

สำหรับแหล่งเงิน จะแยกเป็น 2 ส่วนคือ กู้เงินจากสถาบันการเงิน 70% และ 30% เป็นเงินทุนหมุนเวียน ของบริษัท ซึ่งสาเหตุที่ไม่ใช้แหล่งเงินอื่นในการพัฒนาโครงการใหม่ เช่น ออกหุ้นกู้ เป็นต้น เนื่องจากการ กู้เงินจากสถาบันการเงินจะช่วยให้บริหารต้นทุนได้ มีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนแผนการชำระหนี้ ได้ แต่หากเป็นการกู้เงินโดยผ่านการออกหุ้นกู้ จะกำหนดเวลาชำระที่แน่นอน และแนวโน้มต้นทุนใน ส่วนนี้จะสูงกว่าการกู้เงินจากสถาบัน การเงินด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม บริษัท ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารหนี้สินต่อทุน(D/E) ไม่ให้เกิน 1 เท่า โดยสิ้นสุดไตรมาส 3 อยู่ที่ 0.87 เท่า อุตสาหกรรมทั้งระบบอยู่ที่ 1.26 เท่า ด้านสภาพคล่องในการดำเนินงานสูงขึ้นมาอยู่ที่ 7.28 เท่า หากเทียบกับบริษัทอสังหาฯที่พัฒนาที่อยู่อาศัยจะอยู่ที่ 3.88 เท่า เป็นต้น

"การแข่งขันในตลาดบ้านระดับกลางลงล่างไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงนี้ แต่มีผู้เล่นเข้าสู่ตลาดและจับตาตรงนี้ตั้งแต่ปลายปี 2547 แล้ว เท่าที่ดูพบว่า ระดับราคาของบ้านของบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ใกล้เคียงกับบริษัท ขณะที่ค่ายพฤกษา ก็ให้ความสำคัญกับแบรนด์พฤกษามากกว่าแบรนด์ภัสสร ถึงกระนั้น ด้วยการให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้งโครงการชวนชื่น ทำให้การขายของ โครงการยังไปได้ด้วยดี เห็นได้จากกำไรและยอดขายในช่วงที่ผ่านมาเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ประกอบกับในปีหน้า ถือเป็นปีที่ค่ายมั่นคงเคหะมีการเปิดโครงการเยอะ ตามแผนการเติบโตของยอดขายและรายได้อื่นๆ ในปี 2549-2550 คาดว่าจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และ 3,500 ล้านบาท ตามลำดับ" นางสาวชุติมากล่าว

ทั้งนี้ คาดว่าปี 2548 การเติบโต ของยอดขายและรายได้จากค่าเช่ารวมประมาณ 2,300 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 11 เดือนมียอดขายแล้ว 1,870 ล้านบาท หลักๆ มาจากโครงการชวนชื่นวัชรพล เส้นรามอินทรา กม.5, ชวนชื่นบางนา บ้านเดี่ยวราคา 2.5 ล้านบาทขึ้น, โครงการสิรีนเฮ้าส์บางนา ซึ่งเป็นแบรนด์เดิมนำมาปรับปรุงใหม่ และโครงการอารีน่าพาร์ค ชวนชื่นซิตี้ รวมแล้ว 3 ไตรมาส ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้ากว่า 460 หลัง คาดว่าทั้งปีจะโอนกรรมสิทธิ์ได้กว่า 500 หลัง ขณะที่ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นมา(ก.ค.-พ.ย.48) ยอดพรีเซลในแต่ละเดือนสูงขึ้นตั้งแต่ 100 ล้านบาทมาจบที่ 225 ล้านบาท ตามลำดับ และเฉพาะ 2 เดือนแรกของไตรมาส 4 มียอดพรีเซลแล้ว 380 ล้านบาท

นางธัญญา สิริปุชกะ ผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดบริษัทมั่นคงฯ กล่าวยอมรับว่าในเรื่องของราคาน้ำมันก็เป็นปัจจัยในช่วงสั้นที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งจะเห็นได้ในช่วงไตรมาส 3 ยอดขายลดลงบ้าง แต่หลังจากนั้น ขยับขึ้นมาอยู่ในภาวะปกติ ขณะเดียวกันในช่วงนั้น โครงการใหม่ของบริษัทมีน้อย จึงทำให้ดูเหมือนว่า ยอดขายลดลง อย่างไรก็ดี ด้วยทำเล ที่ตั้งและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าที่มาซื้อบ้านภายในโครงการได้รับการบอกกล่าวจากลูกค้าที่ซื้อไปก่อนหน้านี้เพิ่มต่อเนื่อง โดยตัวเลขในปี 48 มาอยู่ที่ 30% เมื่อเทียบกับปี 2547 ที่ 25% นอกจากนี้ยังพบว่า ตามผลการสำรวจจากข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการ ภายในระยะ 3 เดือนจะมีการตัดสินใจซื้อทันทีถึง 93% เทียบกับปี 47 มีสัดส่วนประมาณ 86%

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมนั้น ขณะนี้มีอยู่เพียง 1 โครงการภายใต้ชื่อ สิรีนเพลส-สุวรรณภูมิ เพื่อรองรับกับพนักงานการบินไทย (TG)ที่จะย้ายมาทำงานสนามบินแห่ง ใหม่ มีจำนวน 5 อาคารๆ ละ 180 ยูนิต รวมแล้วประมาณ 1,000 ยูนิต ซึ่งบางส่วนจะเปิดขายให้แก่พนักงานของธุรกิจต่างๆ รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมที่ย้ายฐานการผลิต อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทมีแผนที่จะหาทำเลเพื่อลงทุนพัฒนาโครงการ คอนโดมิเนียมใจกลางเมือง โดยอิงกับระบบรถไฟฟ้าเส้นที่เปิดให้บริการแล้ว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us