ซีเอ็มจีเล็งสร้างธุรกิจโต หันรุกขยายช่องทางผ่านดิสเคานต์ สโตร์ หลังทดลองวางตลาดแล้วผลตอบรับดี เล็งแบรนด์อื่นในเครือลงตลาด อีก 2-3 แบรนด์ ล่าสุดช่วงท้ายปีเตรียมจัดงาน "ซีเอ็มจี แวร์เฮาส์เซลส์ 2005" หวังเงินสะพัดในงานกว่า 100 ล้านบาท และช่วยดันยอดขายปีนี้โตถึง 20% ส่วนปีหน้าคาดผุดแบรนด์เสื้อผ้า อีก 2-3 แบรนด์

นายเกรียงศักดิ์ จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ บริษัทเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป จำกัด (ซีเอ็มจี) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้า แบรนด์เนมและแฟชั่น เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมรุกตลาดช่องทางดิสเคานต์สโตร์มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทดลองนำสินค้าในเครือไปวางขายแล้วพบว่าตลาดมีศักยภาพและยอดขายโตขึ้น อาทิ กางเกงยีนส์พีแอนด์เจได้วางขายไปได้ประมาณครึ่งปีแล้ว หรืออเมริกัน ทัวริสเตอร์ที่วางขายในดิสเคานต์สโตร์มากว่า 2 ปีแล้วแต่จะมีการปรับโพซิชันนิ่งแบรนด์ ใหม่ตามบริษัทแม่ที่ต่างประเทศ
หลักเกณฑ์ในการคัดเลือก แบรนด์สินค้าไปวางขายในช่องทางดิสเคานต์สโตร์ต้องดูความเหมาะสมของตลาดและการเจรจากับบริษัทแม่ที่ต่างประเทศด้วย เช่น กางเกงยีนส์ลีและแรงเยอร์เคยไปวางขายแล้ว จากนั้นต้องเลิกขายเพราะบริษัทแม่ไม่อนุญาต ซึ่งขณะนี้บริษัทฯเล็งเจรจากับอีก 2-3 แบรนด์ในการนำสินค้าไปวางขายช่องทางนี้

"การทำธุรกิจโตต้องมี 3 ส่วนประกอบ ได้แก่ การหาแบรนด์ใหม่มาทำตลาด, การขยายช่องทางการขาย ใหม่อย่างในดิสเคานต์สโตร์ที่บริษัทฯกำลังทำอยู่หรือการทำร่วมกับพันธมิตร อย่างแอมเวย์ในการนำสินค้าบางรายการขายผ่านแค็ตตาล็อกแอมเวย์ รวมถึงการทำโปรโมชันให้กับสินค้าอีกด้วย"

ปัจจุบันบริษัทฯมีสินค้าในเครือ แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1. สินค้าแฟชั่นและเสื้อผ้า เช่น เบเนตองส์, เอส แฟร์, ยูทู เป็นต้น 2. กลุ่มเครื่องสำอางและน้ำหอม เช่น เอชทูโอพลัส 3.กลุ่มนาฬิกา เช่น เกสส์,คาสิโอ สวอท์ช 4. เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เพนแทกซ์ และ 5. สินค้าเบ็ดเตล็ด เช่น แซมโซไนท์, ลาคอส ซึ่งหากคิดเป็นแบรนด์สินค้าจะมีกว่า 100 แบรนด์ แบ่งเป็นนำเข้ากว่า 90 แบรนด์ และผลิตเอง 10 แบรนด์ เช่น รองเท้าเอส แฟร์ โดยปีนี้บริษัทฯมีการนำแบรนด์ใหม่ และผลิตเอง 3-4 แบรนด์ เช่น นำเข้าเสื้อผ้าซาร์ช, คิลเลอร์รูฟ และเพลย์ไลฟ์ ส่วนผลิตเอง เช่น ทริปเปิ้ล เซเว่น ซึ่งเป็นยีนส์วัยรุ่น เป็นต้น ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีแบรนด์ใหม่กลุ่มเสื้อผ้าอีก 2-3 แบรนด์

ล่าสุดบริษัทฯเตรียมจัดงาน "ซีเอ็มจี แวร์เฮาส์เซลส์ 2005" ระหว่างวันที่ 22-30 ธันวาคม 2548 ที่เซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว ซึ่งปีนี้นับเป็นครั้งที่ 7 แล้ว โดยงานครั้งนี้จะมีความพิเศษ นอกเหนือจากการนำสินค้าค้างสต๊อกหรือตกรุ่นจาก 5 กลุ่มหลัก อาทิ สินค้าแฟชั่นและเสื้อผ้า, เครื่องสำอาง, นาฬิกา, เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเบ็ดเตล็ดมาวางขายแล้ว ยังมีการแสดงสินค้าที่จะเปิดตัวในปีหน้ามาให้ลูกค้าได้ชมและทำโปรโมชันสินค้าราคาพิเศษ "ช็อก ไพรซ์" สำหรับลูกค้า ที่ซื้อสินค้าครบ 2,000 บาท จากเดิมทุกปีจะซื้อสินค้าครบ 3,000 บาท และสามารถนำใบเสร็จมาแลกซื้อสินค้าในราคาพิเศษ เป็นต้น บริษัทฯคาดว่า เงินจะสะพัดในงานกว่า 100 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทฯมีแผนจะพัฒนากิจกรรม นี้ให้เป็นรูปแบบเทรดโชว์ต่อไป

สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯปีนี้คาดว่าจะมีกว่า 5,000 ล้านบาทและมีอัตราการโต 20% ซึ่งในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาพบว่ายอดรายได้โตกว่า 10%