Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2540
"15 ปีแปลนพับลิชชิ่ง กับผู้หญิงทื่ชื่อ สุภาวดี หาญเมธี"             
โดย กุสุมา พิเสฏฐศลาศัย
 


   
search resources

แปลนพับลิชชิ่ง
สุภาวดี หาญเมธี




แปลน พับลิชชิ่ง ก้าวสู่ปีที่ 15 พร้อมด้วยแผนขยายตัวอย่างมาก โดยไม่ทิ้งแนวทางเดิมในเรื่องของเด็กและครอบครัว นับเป็นโชคดีที่งานและชีวิตของคุณแม่ลูก 2 เฉกเช่น สุภาวดี หาญเมธีประสานกันได้ดี ถึงวันนี้แม้ว่าแปลนจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลาย ๆ สื่อ แต่หัวเรือใหญ่อย่างเธอยังคงมีไฟที่จะทำสิ่งต่าง ๆ อีกมากมาย

บนทางเลือกอันหลากหลาย ชะตาชีวิตกับการตัดสินใจนับเป็นส่วนผสมที่สำคัญในการที่ทำให้ใครสักคนย่างก้าวไปบนเส้นทางที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ และไม่ว่าจะเป็นก้าวย่างที่ถูกต้องหรือผิดพลาด บทเรียนต่างหากที่เป็นตัวตัดสินความคุ้มค่าของช่วงชีวิตนั้น

สุภาวดี หาญเมธี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปลน พับลิชชิ่ง จำกัด หนึ่งในหลาย ๆ คนที่ตัดสินใจเข้าป่าหลังเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เนื่องจากเธอได้เข้าร่วมเดินขบวน และทำกิจกรรมอยู่ในองค์กรนักศึกษา สมัยยังเป็นนิสิตอยู่ในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สามปีครึ่งแห่งความไม่สะดวกสบาย สุภาวดีไม่ได้คิดว่านั่นคือบาดแผล หรือความบอบช้ำที่ได้รับจากสังคมในช่วงนั้น แต่นั่นคือโอกาสหนึ่งที่หล่อหลอมเธอให้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รู้จักคิดมากขึ้น

"การเข้าป่าไปมันก็ดี หนึ่งเราได้ฝึกฝนชีวิตที่เรียบง่ายที่สุด สองได้เห็นแบบอย่างของการทำงานที่เสียสละตัวเองแต่ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดจะเป็นอย่างนั้น คนไม่ดีก็มี และสามเราได้ฝึกการคิด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเรื่องที่เราคิดเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของสังคม" เธอขยายความ

วิถีที่เปลี่ยนแปลงไปจากชีวิตนักศึกษา นักกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย จนจบออกมาเป็นครูได้เพียง 3 เดือนเศษเท่านั้น การเข้าป่าทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น ทั้งยังเป็นจังหวะดี ๆ ที่ทำให้เธอได้พบกับผู้คนมากมาย และได้รู้จักตัวเอง


จุดเริ่มต้นของแปลนพับลิชชิ่ง

สุภาวดีมีความสนใจในการทำหนังสือมาตั้งแต่สมัยเป็นนิสิต "พี่จบพาณิชยศาสตร์และการบัญชี แต่จริง ๆ อยากเรียนนิเทศ สมัยนั้นไม่มีนิเทศ แต่อยากเป็นนักข่าว เพราะเป็นคนชอบภาษา" เธอเท้าความ

ความเป็นคนรักการอ่าน การเขียน และเคยทำหนังสือมาเมื่อครั้งยังเป็นนิสิต นับเป็นแรงผลักดันอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอก้าวเข้ามาในเส้นทางสายนี้

หลังออกจากป่าในช่วงต้นปี 2523 สุภาวดีเริ่มต้นชีวิตนักเขียนหนังสือด้วยการเข้าร่วมงานกับนิตยสารลูกรัก ซึ่งเป็นของประยูร อัครบวร เพื่อนนักกิจกรรมคนหนึ่ง เธอทำงานนี้อยู่ประมาณครึ่งปี ทำให้ได้เรียนรู้กระบวนการทำหนังสือจากที่นี่

แต่ด้วยการชักชวนของรุ่นพี่คนหนึ่ง ประกอบกับความสนใจในเรื่องวังคม เรื่องพัฒนาการของคน ทำให้เธอย้ายมาทำงานในมูลนิธิเด็ก ที่นี่เองนับเป็นแหล่งความรู้สำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพเด็กตั้งแต่แรกเกิด พัฒนาการของเด็ก การสื่อสาร การให้การศึกษา แนวคิดของเด็ก รวมถึงทิศทางการอบรมเลี้ยงดูเด็ก

เนื่องจากช่วงปีแรกในมูลนิธิเด็กนั้น สุภาวดีคลุกคลีอยู่กับบ้านทานตะวัน ซึ่งเป็นบ้านพักฟื้นของเด็กขาดอาหาร พอปีที่สองเธอเริ่มรับผิดชอบในส่วนอื่น ๆ ด้วย เช่น เรื่องของมูลนิธิโดยรวม

เธอยกตัวอย่างให้ฟังว่า "ที่หมู่บ้านเด็ก เราได้เรียนรู้เรื่องการศึกษาของเด็ก แนวคิดที่ควรจะเป็น และทิศทางการอบรมเลี้ยงดู ส่วนที่บ้านทานตะวันเราได้เรียนรู้เรื่องสุขภาพของเด็กนับแต่แรกเกิด"

มูลนิธิเด็กมีส่วนทำให้สุภาวดีเข้าใจเรื่องพื้นฐานของเด็กในภาคปฏิบัติ ซึ่งกลายเป็นความสนใจที่ต่อเนื่อง ครั้นเมื่อรุ่นพี่ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มแปลนมาชวนให้ทำหนังสือ "รักลูก" เธอจึงตอบตกลง

"ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่า เราก็มีฐาน มีหมอ มีนักการศึกษา มีอาจารย์ในครุศาสตร์ที่เราติดต่อได้ ตอนอยู่มูลนิธิเด็กเราต้องติดต่อกับหมอเยอะ ตรงนี้เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้น"

แปลนพับลิชชิ่ง ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2525 ตามความตั้งใจของผู้ถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มแปลนคนหนึ่ง สุภาวดีเล่าว่าสมัยยังเป็นนิสิต รุ่นพี่ 7 คนที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่มแปลนก็เป็นนักกิจกรรมเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้สนิทกันนัก ช่วงที่เธอเข้าป่า รุ่นพี่เหล่านี้ก็ทำธุรกิจด้านสถาปนิก ซึ่งประสบความสำเร็จสูงมากภายในเวลาเพียง 3-4 ปี

"พอเขาประสบความสำเร็จตรงนั้น เขาก็อยากจะทำอะไรที่เป็นเรื่องทางใจของเขาบ้าง ก็มีพี่คนหนึ่งไปทำแปลน ทอยส์ เพราะเขาชอบของเล่น อีกคนก็อยากทำงานกราฟิกดีไซน์ และอีกคนหนึ่งอยากทำหนังสือ เขาก็นึกถึงพี่ เพราะสมัยที่เรียนอยู่จุฬาฯ เราก็ทำหนังสือ"

บนเส้นทาง 15 ปี

แปลนพับลิชชิ่งเริ่มต้นที่นิตยสารรายเดือน "รักลูก" ซึ่งออกวางจำหน่ายครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2526 โดยกลุ่มผู้อ่านเป้าหมายคือคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะมีลูก จนถึงมีลูกอายุไม่เกิน 6 ขวบ หนังสือรักลูกเติบโตและติดตลาดในเวลาอันรวดเร็วทั้งยั่งเป็นผู้นำตลาดมาจนถึงปัจจุบัน

อีก 1 ปีถัดมา แปลนได้เห็นช่องทางขยายตลาดไปยังหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คประเภทคู่มือ เช่น คู่มือเลี้ยงลูก คู่มือดูแลสุขภาพเด็ก คู่มือตั้งครรภ์เตรียมคลอด ฯลฯ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี

แปลนค่อย ๆ รุกไปในสื่อต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งโทรทัศน์และวิทยุโดยแนวเนื้อหาที่นำเสนอยังคงเน้นเรื่องเกี่ยวกับเด็กและสุขภาพเป็นหลัก รายการโทรทัศน์ "ดวงใจพ่อแม่" ซึ่งออกอากาศทางช่อง 5 ครั้งแรกในเดือนเมษายน 2532 เพียงช่วงเวลา 2 ปี รายการนี้ก็ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำประเภทรายการส่งเสริมสถาบันครอบครัวดีเด่นปี 2534 และปี 2535 นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลเมขลา ประเภทรายการส่งเสริมสังคมไทยดีเด่นปี 2535 อีกด้วย

หลังจากนั้นแปลนก็เข้าสู่วงการวิทยุ โดยเน้นแนวคิดที่ถนัดอยู่แล้ว คือเรื่องของแม่ เด็ก และครอบครัว รายการวิทยุเริ่มออกอากาศครั้งแรกในปี 2533 ทางคลื่น FM 106.5 ออกอากาศวันละ 6.5 ชั่วโมง ทุกวันตั้งแต่เวลา 05.00 - 12.00 น. แต่ปัจจุบันรายการดังกล่าวได้งดออกอากาศไป เนื่องจากแปลนได้เช่าช่วงเวลาต่อจากบริษัทวิไล เซ็นเตอร์ ผู้รับสัมปทาน เมื่อมีการเปลี่ยนสัมปทานมาให้บริษัทแกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ก็ย่อมกระทบต่อแปลนไปด้วย

นอกจากรายการโทรทัศน์ดวงใจพ่อแม่ แปลนได้จัดทำรายการเพื่อการศึกษาสำหรับเด็กออกมาอีกรายการหนึ่ง ใช้ชื่อว่า "บ้านน้อยซอยเก้า" โดยออกอากาศครั้งแรกในปี 2537 ทางไทยทีวีสีช่อง 5 รายการดังกล่าวสร้างชื่อเสียงให้กลุ่มแปลนอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทเยาวชนอายุ 6-12 ปี จากการประกวดรายการวิทยุโทรทัศน์สำหรับเด็กและเยาวชนครั้งที่ 1 ของช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์

สุภาวดีให้ความเห็นเกี่ยวกับสื่อโทรทัศน์ และวิทยุว่า "รายการโทรทัศน์จะกระจายไปในกลุ่มเป้าหมายหลาย ๆ กลุ่ม ซึ่งก็ตอบสนองได้ดีพอสมควร เราเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2532 ทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ และก็ทำรายการวิทยุตั้งแต่ปี 2532 ทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ และก็ทำรายการวิทยุตั้งแต่ปี 2533 แต่เพิ่งปิดไปเมื่อเดือนที่แล้ว ก็ทำมาเรื่อย ๆ เพราะเป็นสื่อที่คนไม่ต้องเสียเงินซื้อและสามารถแก้ปัญหาได้รวดเร็วที่สุด"

หลังจากไปลุยสื่ออื่น ๆ และพ็อกเก็ตบุ๊คอยู่หลายปี แปลน พับบลิชชิ่งก็ย้อนกลับมาบุกตลาดนิตยสารเพิ่มขึ้น ด้วยการออกนิตยสาร "ดวงใจพ่อแม่" เมื่อปลายปี 2538 สุภาวดีให้เหตุผลว่า "อย่างนิตยสารรักลูก พอทำไปก็จะพัฒนาไปในเรื่องของพ่อแม่ที่สนใจเสาะแสวงหาความรู้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นกลาง เราอยากจะลองลงไปในระดับล่างด้วย ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราคิดว่ามันขาดไป จึงได้มาคิดทำนิตยสารดวงใจพ่อแม่ คือพยายามจะให้มันลงไปอีกนิดหนึ่ง"

นิตยสารดวงใจพ่อแม่ได้รับการตอบรับด้วยดีเช่นเคย แม้เนื้อหาจะยังคงเน้นเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ขวบ เช่นเดียวกับนิตยสารรักลูก แต่ด้วยแนวคิดที่เปลี่ยนแปลงไปและประสบการณ์ที่มากขึ้น ทีมงานแปลนเริ่มเล็งเห็นว่ามิใช่เพียงแต่เด็กเล็ก ๆ เท่านั้นที่มีปัญหา เด็กโตก็มีปัญหา แปลนจึงได้ออกนิตยสารฉบับใหม่ "Life & Family" ขึ้นมา เพื่อตอบสนองกลุ่มพ่อแม่ที่มีลูกวัย 7-15 ปี

เนื้อหาของ Life & Family จะเน้นถึงความเข้าใจธรรมชาติและพฤติกรรมของเด็กโตจนถึงวัยรุ่น รวมทั้งความรู้เรื่องสุขภาพของแม่ ความเข้าใจต่อความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ และการปรับตัวเมื่อลูกโตขึ้น ทั้งนี้ฐานการตลาดส่วนหนึ่งจะมาจากกลุ่มเดิมที่เคยอ่านรักลูกและดวงใจพ่อแม่ ก็สามารถเปลี่ยนมาอ่าน Life & Family ได้เมื่อลูกโตขึ้น

ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนถึงวันนี้ แปลนได้ก้าวขึ้นปีที่ 15 สุภาวดีมองว่า ปีนี้ธุรกิจสิ่งพิมพ์จะต้องปรับตัวกันอย่างมาก เพื่อรองรับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นตามภาวะการค้าเสรี ในส่วนของแปลนพับลิชชิ่งเองก็มีแผนงานที่จะขยายธุรกิจหนังสือออกไปในหลายรูปแบบ เพื่อให้ครบวงจรมากขึ้น เริ่มด้วยการเปิดตัวบริษัทใหม่ "แปลน บุ๊ค เน็ท" เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตจำหน่ายหนังสือของบริษัท

บริษัทใหม่นี้จะทำธุรกิจ 3 อย่าง คือ 1. เปิดตัวสำนักพิมพ์ใหม่ โดยพิมพ์หนังสือพ็อคเก็ตบุ๊ค วรรณกรรม เรื่องสั้น และหนังสือเกี่ยวกับเด็ก 2. การจัดจำหน่ายหนังสือที่บริษัทจัดพิมพ์ขึ้นทั้งหมด ยกเว้นนิตยสาร 3 ฉบับในเครือยังคงให้บริษัทเพ็ญบุญ เป็นผู้จัดจำหน่ายต่อไป 3. การเปิดร้านค้าปลีกหนังสือด้วยทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 10 ล้านบาท โดยใช้ชื่อว่าร้านหนังสือ "ใยแก้ว"

จุดขายสำคัญของร้านหนังสือใยแก้ว คือเน้นให้บริการกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด โดยเจ้าหน้าที่ประจำร้านจะสามารถให้คำปรึกาาเรื่องหนังสือกับลูกค้าได้ด้วย สุภาวดีต้องการให้ร้านหนังสือแห่งนี้เป็นเพื่อนกับทุกคนที่เดินเข้ามา เธอมองว่านี่จะเป็นข้อแตกต่างที่สำคัญไปจากร้านหนังสืออื่น ๆ

เธอตั้งเป้าว่าร้านใยแก้วจะเริ่มเปิดบริการได้ในไตรมาส 2 ปีนี้โดยช่วงแรกจะเปิด 4 สาขาก่อน แต่ละสาขาใช้เงินลงทุนประมาณ 3 ล้านบาท

นอกจากนี้แปลนพับลิชชิ่งมีแผนจะนำสิ่งพิมพ์ในเครือให้บริการทางอินเตอร์เน็ตด้วย เพื่อเป็นการบริการกลุ่มผู้อ่านนิตยสารทั้ง 3 ฉบับ คือ รักลูก ดวงใจพ่อแม่ และ Life & Family

ส่วนรายการวิทยุที่ได้ระงับไปนั้น แปลนยังคงมีไฟที่จะทำอยู่ ขณะนี้รอเพียงโอกาสที่จะได้รับสัมปทานคลื่นวิทยุเป็นของตนเอง หรือสามารถเช่าช่วงต่อได้ในราคาที่เหมาะสม

ระหว่างนี้แปลกก็มีโครงการ "ออดิโอ เท็กซ์" ซึ่งให้บริการปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ผ่านสายโทรศัพท์ โดยจะเริ่มได้ในเร็ว ๆ นี้

สุภาวดีกล่าวสรุปถึงจุดกำเนิดของสื่อทั้งหมดที่ทำมาว่า "สังคมมันเปลี่ยนจากครอบครัวรวมขยายมาเป็นครอบครัวเดี่ยว สมัยก่อนจะมีปู่ย่าตายายช่วยแนะนำ สั่งสอน ดูแล พอแยกครอบครัวออกมา คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องครอบครัวศึกษา เพศศึกษา เด็กศึกษา ฉะนั้นอย่างน้อยก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่เป็นเครื่องช่วย ซึ่งบทบาทของแปลนที่เข้ามาช่วยครอบครัวเดี่ยวก็คือให้เขาสามารถที่จะอย่างน้อยที่สุดรู้วิธีดูแลตัวเอง พึ่งตัวเองได้ ไม่ว่าจะในมุมมองของการเลี้ยงลูก การสร้างครอบครัวที่ดี หรือการแก้ปัญหาอื่น ๆ ที่แวดล้อมอยู่"

ชีวิตกับงานประสานเป็นหนึ่งเดียว

การทำงานเกี่ยวกับเด็ก ๆ ในมูลนิธิเด็ก รวมทั้งการก้าวเข้าสู่แปลนพับลิชชิ่งจนถึงทุกวันนี้ ชีวิตของสุภาวดีเกี่ยวข้องกับเด็ก ๆ มาโดยตลอด เธอโชคดีที่ได้มีประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมในเรื่องเหล่านี้ เพื่อนำมาปรับใช้กับชีวิตครอบครัวเรียกได้ว่าครบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ

สุภาวดีเริ่มชีวิตครอบครัวกับเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ อดีตเลขาธิการศูนย์การนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย เป็นผู้นำนักศึกษาและเคยเข้าป่าเช่นเดียวกัน ทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 2 คน คนโตเรียนอยู่ชั้น ป. 6 ส่วนคนเล็กเรียนอยู่ชั้น ป.2

สุภาวดีเล่าถึงการเลี้ยงดูบุตรชายทั้ง 2 คนว่า "พี่ได้เปรียบที่อยู่ที่นี่ อย่างลูกของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่แปลนก็เลี้ยงกันในนี้ เพราะตอนเปิดแปลนพับลิชชิ่ง ลูกเขาก็ 4 เดือนแล้ว นับเป็นรุ่นแรก ลูกพี่เป็นรุ่นที่ 2 ซึ่งก็ดีทำให้เด็กได้อยู่กับพ่อแม่อย่างใกล้ชิด"

ลูก ๆ ของทีมงานแปลนพับลิชชิ่งรุ่นแรก ๆ จะเลี้ยงดูกันภายในสำนักงาน เมื่อโตขึ้นก็เข้าอนุบาลลูกรัก โรงเรียนอนุบาลในเครือของแปลน จนได้มีการย้ายที่ตั้งสำนักงานใหม่ ลูก ๆ ของทีมงานรุ่นใหม่จึงพลาดโอกาสดี ๆ อย่างนี้ไป อย่างไรก็ดีการทำนิตยสารที่เกี่ยวพันกับเด็กโดยตรงเช่นนี้นับเป็นข้อได้เปรียบกว่าคุณแม่โดยทั่ว ๆ ไปอยู่แล้ว

"เรามีโอกาสเยอะในเรื่องนี้ เราก็ต้องพยายามเลี้ยงลูกให้ดี ดูแลครอบครัวให้ดี ซึ่งทำให้ชีวิตกับงานของเรามีความเกี่ยวพันกันมาก แม้ว่าจะไม่ทั้งหมด แต่ก็เป็นโอกาสที่ดี" เธอกล่าวย้ำ

สุภาวดีมีแนวคิดว่า เธอเองไม่คาดหวังเท่าใดนักว่าลูก ๆ จะต้องทำในสิ่งที่เธอทำอยู่ จะมีก็เพียงคาดหวังว่าเมื่อโตขึ้นพวกเขาควรจะพึ่งตัวเองได้และรู้จักแบ่งปันคนอื่น ให้กับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ

เธอแทรกแนวคิดนี้เข้าไปในชื่อของลูกชายทั้ง 2 คน "ลูกคนโตมีชื่อเล่นว่า ปัน ชื่อจริงก็คือปราณัตต์ ก็คือลมปราณ-อัตตา อันนี้ตั้งเองไม่รู้ถูกอักขระหรือเปล่า แต่ก็คืออยากให้พึ่งลมหายใจของตัวเอง และรู้จักแบ่งปัน ส่วนคนเล็กชื่อจริงว่า ปัญญ์ปรีดี ก็คือมีความสุขกับการได้ใช้ความคิด ชื่อแล่นก็คือแปง มาจากคำโบราณว่าสร้างบ้านแปงเมือง ก็ฝากหลักคิดของพ่อแม่ไว้ที่ชื่อเขา อยากให้เขาพึ่งตนเอง คิดแล้วก็ทำ และรู้จักรักคนอื่น รู้จักแบ่งปัน" สุภาวดีขยายความ

ทุกวันนี้งานที่เธอรับผิดชอบคืองานด้านบริหารจัดการในฐานะของกรรมการผู้จัดการบริษัทแปลนพับลิชชิ่ง แม้จะไม่ใช่สิ่งที่คาดหวังมาแต่แรก แต่เธอก็ทำได้ดี

"ถ้าถามว่าชอบงานบริหารจัดการไหมมันก็ทำได้ ก็ถนัด แต่หัวใจก็ไม่ค่อยอยากเท่าไหร่ มันเบื่อ ชอบเขียนหนังสือมากกว่ามันมีความสุข"

แม้แปลนพับลิชชิ่งจะก้าวเข้ามาเป็นปีที่ 15 ประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แต่สุภาวดีก็ยังมองว่าเธอยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่าสำเร็จ เพราะยังมีอะไรต้องทำอีกมากมาย เธอยังอยากทำกิจกรรมกับเด็ก อยากทำรายการโทรทัศน์ อยากทำเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิง

"มันมีเรื่องให้ทำอีกเยอะ แต่เวทีมีจำกัด ต้องมีแรง มีทุน มีคน และอยู่รอด คนที่มาทำงานกับเราก็ต้องอยู่ได้ ไม่ใช่งานอาสาสมัคร และเราต้องสร้างฐานได้" นั่นคือบทสรุปของผู้หญิงเก่งที่ชื่อสุภาวดี หาญเมธี และมั่นหมายถึงว่าเธอจะยังอยู่เคียงข้างกับแปลนพับลิชชิ่งไปอีกยาวนานเพื่อทำในสิ่งที่อยากทำอีกมากมาย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us