Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์19 ธันวาคม 2548
ฟิลิปส์เสริมไลน์อัพสินค้าราคาถูกขยายฐานลูกค้า เพิ่มยอดขาย             
 


   
www resources

Philips Thailand Homepage

   
search resources

ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย), บจก.
Electric




ฟิลิปส์ทุ่มงบ 110 ล้านบาท รุกตลาดปีจอ เน้นกิจกรรมในร้านค้าและการโรดโชว์ พร้อมส่งสินค้าราคาถูกรุกตลาดครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยไฮไลท์หลักอยู่ที่ตลาดทีวีหวังเกาะกระแสฟุตบอลโลก 2006

การแข่งขันในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงที่ผ่านมาแบรนด์ชั้นนำต้องประสบกับสงครามราคาโดยเฉพาะการเข้ามาของสินค้าจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ค่ายเกาหลีก็เคยใช้สงครามราคาสร้างตลาดแต่ปัจจุบันได้ยุติศึกดังกล่าวแล้วหันมายกระดับตัวเองไปสู่ความเป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมเพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้าของตัวเอง ในขณะที่แบรนด์เนมทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นค่ายญี่ปุ่นหรือยุโรปต้องงัดกลยุทธ์ที่จะดึงลูกค้าไม่ให้หวั่นไหวไปกับราคาของคู่แข่งที่ถูกกว่า ซึ่งแนวทางหลักๆที่แบรนด์ชั้นนำส่วนใหญ่เลือกก็คือการสร้างความจงรักภักดีต่อตราสินค้า อย่างเช่นกรณีของโซนี่ที่ประสบความสำเร็จในเรื่องเทคโนโลยีจนไม่ต้องพูดเรื่องดังกล่าวก็ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคอยู่แล้ว ลูกเล่นทางการตลาดของโซนี่ส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องของ Emotional Marketing ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภครู้สึกผูกพันธ์กับแบรนด์อยากจะใช้สินค้าแบรนด์นั้นต่อไปแม้จะมีราคาแพงกว่าคู่แข่งก็ตาม แต่ถึงแม้โซนี่จะมีสาวกที่คลั่งไคล้แบรนด์มากเพียงใดก็ยังต้องมีการลอนช์สินค้าในระดับรองลงไปที่มีราคาถูกกว่า เพื่อขยายฐานลูกค้าและทำให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้สินค้าของตน ซึ่งหากเป็นที่ถูกใจก็มีโอกาสที่จะทำให้ผู้บริโภคเหล่านั้นหันมาซื้อสินค้าตัวอื่นๆต่อไป

ฟิลิปส์เองก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่วางตำแหน่งทางการตลาดตัวเองเอาไว้ค่อนข้างสูง แม้จะมีเทคโนโลยีที่ไม่น้อยหน้าโซนี่แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างสาวกได้เท่าโซนี่ อีกทั้งยังต้องเผชิญสงครามราคาจากแบรนด์จีน ทำให้ฟิลิปส์ต้องหาทางเข้าถึงผู้บริโภคเพื่อพิสูจน์ให้เห็นความแตกต่างของสินค้าและโน้มน้าวให้ผู้บริโภคยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อให้ได้สินค้าที่ดีกว่า ซึ่งที่ผ่านมาฟิลิปส์มีการลงทุนในเรื่องของโปรแกรมพัฒนาช่องทางจำหน่ายโดยงบการตลาดของฝ่ายคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์กว่า 100 ล้านบาท จะถูกใช้ไปกับ Total Store Management Program (TSMP) มากที่สุด โดยฟิลิปส์มีร้านค้าดีลเลอร์กว่า 80% จากทั้งหมด 500 ราย ที่ใช้ระบบ TSMP ซึ่งช่องทางดังกล่าวนี้คิดเป็นสัดส่วน 55% ของช่องทางจำหน่ายของฟิลิปส์ ส่วนที่เหลือ 45% เป็นโมเดิร์นเทรด โดยโปรแกรมดังกล่าวจะมีทั้งเรื่องของการจัดดิสเพลย์ตกแต่งหน้าร้านดึงดูดลูกค้า และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านการขายให้สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังมีการสร้างเทคโนโลยีที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของฟิลิปส์เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง อย่างเช่น พิกเซลพลัส และแอมบลิไลท์ในทีวีรุ่นไฮเอนด์

แผนการตลาดของฝ่ายคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ฟิลิปส์ในปีหน้าจะมีการเพิ่มงบการตลาดเป็น 110 ล้านบาท โดยไฮไลท์หลักจะอยู่ที่การทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในร้าน (Instore Activity) เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าเดิมและจะมีการเพิ่มคู่ค้ารายใหม่ที่มีศักยภาพในการทำตลาดระดับกลางถึงระดับบน รวมถึงมีการเดินสายโรดโชว์ไปตามที่ต่างๆภายใต้คอนเซ็ปต์ PHILIPS at its Best เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ฟิลิปส์โดยจะมีการนำเทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆออกมาโชว์และจำหน่ายในราคาพิเศษ ล่าสุดมีการจัดโรดโชว์ที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวโดยใช้ชื่อว่า Turn up your experience ซึ่งนอกจากจะมีการนำเทคโนโลยีรุ่นใหม่ไฮเอนด์แล้วยังมีการทำโปรโมชั่นราคาพิเศษสำหรับสินค้าบางรุ่นอย่างเช่นแอลซีดีทีวี 42 นิ้วรุ่นใหม่ที่จะนำเข้ามาทำตลาดในปีหน้าด้วยราคา 2 แสนกว่าบาท แต่จำหน่ายในงานเพียง 1.4 แสนบาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ถูกและคุ้มค่าเมื่อเทียบกับพลาสม่าทีวีขนาดเดียวกันที่ปัจจุบันราคาตกจากแสนกว่าบาทไปอยู่ที่ระดับ 9 หมื่นกว่าบาท แม้จะมีการจำหน่ายสินค้าราคาถูกแต่ฟิลิปส์ก็ไม่มีการสื่อสารในเรื่องดังกล่าวเนื่องจากจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์

ฟิลิปส์มีการแบ่งผู้บริโภคในตลาดเมืองไทยและเอเชียเป็นกลุ่มต่างๆคือ Innovator เป็นผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ไวต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ Selective เป็นระดับรองลงมาที่ไม่เน้นเทคโนโลยีมากนักแต่สินค้านั้นต้องดูทันสมัย ใช้แล้วไม่ตกยุค เรื่องดีไซน์จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกลุ่มนี้ กลุ่มที่ 3 คือ Classical ที่เน้นในเรื่องของราคาเป็นหลัก ส่วนกลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มรากหญ้าที่ไม่ได้สนใจสินค้าประเภทคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีมากถึง 50% ของตลาด ในขณะที่ Classical มี 25% และ Innovator รวมกับ Selective มีเพียง 25% เท่านั้น

ทั้งนี้แม้ว่าฟิลิปส์จะเน้นสินค้าไฮเอนด์แต่สัดส่วนรายได้จากสินค้าดังกล่าวมีเพียง 30-35% ของรายได้ฟิลิปส์เท่านั้น ดังนั้นเพื่อที่จะเพิ่มยอดขายจึงต้องขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นฟิลิปส์จึงมีการพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ออกมาตอบสนองครบทุกความต้องการของตลาดตั้งแต่ระดับ Classical ไปถึง Innovator ซึ่งจะช่วยเติมเต็มให้กับกลยุทธ์ Experience Marketing ของฟิลิปส์

สำหรับสินค้ารุ่นใหม่ๆที่ฟิลิปส์จะนำเข้ามาทำตลาดในปีหน้ามีตั้งแต่รุ่นธรรมดาราคาถูกๆไปถึงระดับไฮเอนด์ โดยมีสินค้า 4 กลุ่มหลักคือ หมวดภาพ เครื่องเสียง ไอที และผลิตภัณฑ์สื่อสาร

ทั้งนี้ทีวีถือเป็นไฮไลท์หลักในปีหน้าเนื่องจากมีการแข่งขันฟุตบอลโลกซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดทีวีมีการเติบโตมากขึ้น ประกอบกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมทีวีจอใหญ่มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันความนิยมทีวีจอใหญ่ที่เป็นพลาสม่าทีวีมี 20,000 เครื่อง แอลซีดีทีวีมี 10,000 เครื่อง แต่แนวโน้มตลาดโลกพบว่าแอลซีดีทีวีจะแซงหน้าพลาสม่าทีวี โดยคาดว่าในปีหน้าตลาดทีวีทั้ง 2 ประเภทในเมืองไทยจะมีระดับที่ใกล้เคียงกันและแอลซีดีจะแซงหน้าพลาสม่าทีวีได้ในปีถัดไป

ฟิลิปส์มีการออกแอลซีดีทีวีรุ่นใหม่ 42 นิ้ว ราคา 349,900 บาท ซึ่งมีทั้งเทคโนโลยีพิกเซลพลัส 2 และแอมบลิไลท์ 2 ซึ่งให้ภาพที่คมชัดกว่ารุ่นธรรมดา 2 เท่า ขณะเดียวกันก็ยังมีการทำตลาดพลาสม่าทีวีเนื่องจากมีจุดเด่นในเรื่องของขนาดจอที่ใหญ่กว่าแอลซีดีทีวี โดยพลาสม่าใหญ่สุดของฟิลิปส์อยู่ที่ 50 นิ้วราคา 329,900 บาท ส่วน 42 นิ้ว มี 2 รุ่น ราคา 119,900 บาท และ 199,900 บาท ซึ่งมีความแตกต่างในเรื่องของฟีเจอร์การใช้งาน โดยราคาดังกล่าวถือว่าเป็นระดับราคาที่ใกล้เคียงกับคู่แข่ง แม้ในตลาดจะมีราคา 90,000 กว่าบาท แต่ด้วยชื่อชั้นที่เหนือกว่าก็อาจทำให้ผู้บริโภคยอมจ่ายเพิ่มเพื่อให้ได้สินค้าที่ดีกว่า

"ราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเสมอไป เพราะกลุ่มที่เป็น Innovator และ Selective ซึ่งไม่ได้คำนึงเรื่องราคามีสัดส่วนมากถึงครึ่งหนึ่งของกลุ่มเป้าหมายของฟิลิปส์ ประกอบการนำเสนอสินค้าที่มีเทคโนโลยีตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องจะทำให้ฟิลิปส์สามารถติดอันดับ 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดทีวีได้ไม่ยาก" ฟรองซัว บิลลีการ์ด ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) กล่าว

นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องเสียงไร้สาย Streamium Wireless Centre ที่จุเพลงกว่า 15,500 เพลง (40 กิกะไบต์) กรอบรูปแสดงภาพดิจิตอลแอลซีดีขนาด 6.5 นิ้ว ที่สามารถอ่านสัญญาณภาพจากกล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ Xenium 9@9e ที่มีแบตเตอรี่เปิดรับสายได้นานถึง 30 วันและสนทนาต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง

ซึ่งสิ่งเหล่านี้นอกจากจะเป็นเทคโนโลยีที่แตกต่างจากคู่แข่งแล้ว การทำกิจกรรมที่เข้าถึงผู้บริโภค รวมถึงการมีสินค้าครอบคลุมทุกความต้องการของตลาดจะช่วยผลักดันให้ฟิลิปส์มีส่วนแบ่งในตลาดมากขึ้น หากไม่ถูกโจมตีด้วยสงครามราคาเสียก่อน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us