ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ปรับกลยุทธ์การตลาดหันเจาะตลาดรับสร้างบ้านพร้อมการตกแต่งภายใน ระดับราคา 25-30 ล้าน สไตล์ Classic ระบุผลสำรวจความต้องการ ลูกค้าสูง ชี้ตลาดรับสร้างบ้านปี 49 โต 15% ยอดขายรวมกว่า 8,000 ล้านบาท
นายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านระดับพรีเมียมหรือบ้านระดับบน เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2549 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายที่ 220 ล้านบาท โดยกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่การสร้างบ้านแบบใหม่ ซึ่งจะมีการเปิดตัวในปีหน้า ตั้งเป้าที่ 5 หลัง ประมาณ 150 ล้านบาท ส่วนบ้านแบบมาตรฐานหลังใหญ่ ของเรา ตั้งเป้าไว้ที่ 1 หลัง
โดยบริษัทได้ออกแบบบ้านชุดใหม่ C-Series เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านพร้อมการตกแต่งภายใน โดยต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย ของลูกค้าให้อยู่ที่ 25-30 ล้านบาท โดยจะปรับแบบมาจากรูปแบบบ้านมาตรฐานของ ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ที่ลูกค้าให้ความสนใจ รวมทั้งแบบที่ออกแบบขึ้นมาใหม่ด้วย รวมทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน ขนาดพื้นที่ใช้สอยของตัวบ้านจะอยู่ที่ประมาณ 450-600 ตร.ม. ทั้งนี้ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในช่วงต้นปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการวิจัยและศึกษาตลาด เพื่อเก็บข้อมูลความต้องการ พบว่ามีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่มีที่ดินแต่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการสร้างบ้าน และต้องการสร้างบ้านที่ตกแต่งภายในเรียบร้อย พร้อมเข้าอยู่ โดยมีงบประมาณจำกัดอยู่ที่ 25 ล้านบาท และคิดว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีจำนวนมากพอสมควร รวมถึงยังมีช่องว่างของตลาดรับสร้างบ้านในกลุ่มนี้อยู่ จึงหันมาจับลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าในการสร้างบ้านแบบใหม่นี้ปีละ 5 หลัง มูลค่าประมาณ 100-150 ล้านต่อปี
สำหรับการประเมินภาพรวมของ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2548 นี้ ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ประมาณการเติบโตอยู่ที่ 15% โดยจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปี 2548 มีจำนวน 79,400 หน่วย แยกเป็นจำนวนบ้านสร้างเอง 25,408 หน่วย บ้านจัดสรร 42,666 หน่วย และอาคารชุด 11,327 หน่วย ในส่วนของตลาดบ้านสร้างเองมีอัตราการเติบโตที่ 27.9% จากปี 2547 ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 19,859 หน่วย ทั้งนี้เป็นผลพวงต่อเนื่องมาจากปี 2547 ซึ่งภาวะปัจจัยลบทางเศรษฐกิจยังไม่รุนแรงมากนัก กำลังซื้อและการตัดสินใจซื้อหรือสร้างบ้านยังคงมี อยู่สูง ตามการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม
ส่วนในปี 2549 บริษัทฯ คาดว่าภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ จะเติบโตแบบชะลอตัวลงอยู่ที่ 12% หรือ คิดเป็นจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล จำนวน 88,928 หน่วย โดยประมาณการว่า ตลาดบ้านสร้างเองจะมีจำนวน 29,727 หน่วย หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 17% นอกจากนี้ บริษัทฯ ประเมินสถานการณ์ของธุรกิจรับสร้างบ้าน ปี 2549 ว่าจะยังคงมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 15% โดยคิดจากมูลค่ายอดขายรวม คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8,165 ล้านบาท จากมูลค่ารวมของตลาดบ้านสร้างเองทั้งสิ้นประมาณ 52,000 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2548 มียอดรวมประมาณ 7,100 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าตลาดรวมที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว เนื่องมาจากมูลค่าบ้านที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตามราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับราคาขึ้น และการได้รับการยอมรับในคุณภาพ และการให้บริการของบริษัทรับสร้างบ้าน รวมถึงการเข้ามาสู่ตลาดบ้านสร้างเองของผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ด้วย
"ตลาดรับสร้างบ้าน ยังคงเป็นตลาดที่น่าจับตามอง เพราะดีมานด์ในการสร้างบ้านยังมีอยู่สูง และผู้ประกอบการต่างก็มีการแข่งขันกันทั้งเรื่องของคุณภาพ บริการที่ดี และครบวงจร รวมถึงการเสริมในเรื่องของ การบริการหลังการขาย และการทำตลาดเชิงรุก เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง และในปีหน้า บริษัทฯ จะปรับรูปลักษณ์ Advertising ที่จะออกมาในแนว Emotional มากขึ้น ในลักษณะเป็นบ้านคู่บารมี ตอบแทนรางวัลชีวิตกับกลุ่มเป้าหมาย ที่ทุ่มเทการทำงานมาทั้งชีวิต รวมถึงการกระจายการใช้สื่อให้เหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" นายสุรัตน์ชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานของบริษัทในปี 2549 นั้น ได้มีการกำหนดทิศทาง และการบริหารงานเชิงรุกที่ชัดเจน โดยประกาศเดินหน้าตอกย้ำการเป็น "Brand Loyalty" ด้วยการนำ "Credibility" ความเชื่อมั่นและการยอมรับจากลูกค้าอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็น 1 ในหลักปฏิบัติของบริษัทหรือ 5-C ประกอบด้วย Credibility ความน่าเชื่อถือและการยอมรับ เช่นการที่ลูกค้ายอมให้บริษัทติดป้ายโลโก ของบริษัทไว้ที่หน้าบ้าน หรือการที่ลูกค้าเก่ายินดีที่จะให้ลูกค้าใหม่เข้าชมบ้านได้ตลอดเวลา
Construction Management การบริหารงานก่อสร้างให้ได้คุณภาพเหนือมาตรฐาน Customer Service การบริการในระหว่างก่อสร้างและหลังก่อสร้าง ที่ดีและมีประสิทธิภาพสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า Contract สัญญาที่มีความเป็นธรรมกับลูกค้า ให้สิทธิแก่ลูกค้าสามารถสั่งหยุดงาน เปลี่ยนคนงานหรือผู้ควบคุมงานได้ หากพบว่าทำงานไม่มีประสิทธิภาพ และ Cost ราคาที่มีมาตรฐานให้ได้คุณภาพที่เหนือกว่าในราคาที่เท่ากัน หรือหากเป็นงานที่มีสเปกเดียวกันราคาจะถูกกว่าเสมอ
|