Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 ธันวาคม 2548
เกรทไชน่าขายรร.-สนง. ใช้หนี้กรุงไทย1.5พันล.             
 


   
search resources

เกรทไชน่า มิลเลนเนียม (ไทยแลนด์)
Hotels & Lodgings




"เกรทไชน่าฯ" เล็งขายโรงแรม สำนักงานให้กลุ่มทุนนอก หวังรับเงินกว่า 2,000 ล้านบาทเตรียมใช้หนี้คืนแบงก์กรุงไทย 1,500 ล้านบาท อ้างไม่มีประสบการณ์ด้านบริหารโรงแรม ส่วนคอนโดฯขายได้เพียง 30% รอดู สถานการณ์ปีหน้าหากขายไม่ได้เล็ง ปรับเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์

นายวิทวัส วิภากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เกรทไชน่า มิลเลนเนียม (ไทยแลนด์) จำกัด เจ้าของโครงการประตูน้ำ เซ็นเตอร์ ซึ่งมีทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม และคอนโดมิเนียม เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มทุน อสังหาริมทรัพย์จำนวน 2 กลุ่มคือฮ่องกง และสิงคโปร์ เพื่อเจรจาซื้อขายโรงแรมของบริษัทที่อยู่ภายในโครงการประตูน้ำ เซ็นเตอร์ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท จำนวน 400 ห้อง โดยคาดว่ากลุ่มที่ได้รับการคัดเลือกน่าจะเป็นทางสิงคโปร์ เนื่อง จากปัจจุบันกลุ่มดังกล่าวทำธุรกิจโรงแรมอยู่ทั่วโลกแต่ยังไม่มีเชนโรงแรมในประเทศไทย ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะสามารถลงนามบันทึกความเข้าใจกันได้ภายในปีนี้

สำหรับเงื่อนไขที่มีการเจรจากันนั้นมี 2 ทางเลือก คือ ทางเลือก แรกกลุ่มดังกล่าวจะซื้ออาคารโรงแรมจากบริษัท 100% หรือทางเลือกที่ 2 อาจจะซื้อแค่ 80% และอีก 20% บริษัทจะยังคงถือหุ้นเหมือนเดิม แต่กลุ่มดังกล่าวจะเลือกแนวทางใดนั้นขึ้นอยู่กับทางนักลงทุนเป็นหลัก ซึ่งบริษัทสามารถ รับได้ทั้งสองทางเลือก สำหรับสาเหตุที่ขายตัวโรงแรมออกไป เนื่องจากบริษัทไม่มีความชำนาญหรือมีประสบการณ์ในด้านโรงแรม รวมถึงต้องใช้เชนเข้ามาบริหาร ดังนั้นจึงเห็นว่าการขายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

"กลุ่มทุนที่เข้ามาเจรจาซื้อเขายืนยันว่าจะทำได้ แม้ว่าในบริเวณใกล้เคียงจะมีโรงแรมระดับ 4 ดาวอยู่แล้วก็ตาม นอกจากนี้ใน ส่วนของอาคารสำนักงานซึ่งมีมูลค่า 800-900 ล้านบาทนั้นบริษัทก็อยู่ระหว่างเจรจากับกองทุนอสังหา ริมทรัพย์จากยุโรป โดยคาดว่าจะซื้อทั้งตึกเช่นกัน ซึ่งส่วนนี้ การเจรจา แล้วเสร็จเมื่อไหร่ยังไม่สามารถบอก ได้ หากขายไม่ได้ก็ไม่มีปัญหาบริษัทจะบริหารเองก็ได้ ทั้งนี้ เงินที่จะได้จากการขายทรัพย์สินทั้ง 2 อย่าง ซึ่งจะมีมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท บริษัทจะนำมาใช้หนี้ธนาคารกรุงไทยที่ปัจจุบันบริษัทใช้สินเชื่อเพื่อก่อสร้างโครงการอยู่รวมประมาณ 1,500 ล้านบาท"นายวิทวัสกล่าว

นายวิทวัส กล่าวต่อว่า ในส่วนของโครงการ คอนโดมิเนียมนั้น ยอมรับว่าการขายค่อนข้างล่าช้า โดยขณะนี้ขายไปได้เพียง 30% เท่านั้น หรือ 250 ล้านบาท จากมูลค่าทั้งหมด 800 ล้านบาท ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุมาจากการขายดังกล่าวเป็นการขายสิทธิให้เช่า 30 ปี จากกรมการศาสนา ในขณะที่คู่แข่งในย่านเดียวกันแม้ว่าจะขายในราคาแพงกว่า 30% ผู้ซื้อได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ทำให้ลูกค้าลังเลในการซื้อ อย่างไรก็ตามบริษัทคง ต้องรอดูว่าในปี 2549 ซึ่งเป็นช่วงที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จ ยอดขายจะคืบหน้าไป ได้มากน้อยแค่ไหน และแม้ว่าจะไม่สามารถขายได้ทั้งหมดก็สามารถนำไปทำเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ได้ เพราะมีโรงแรมอยู่ในบริเวณเดียวกันอยู่แล้ว

"จริงๆ แล้ว ในเรื่องคอนโดฯนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นที่ดินฟรีโฮล หรือมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เพราะในที่สุดเมื่อครบ 30 ปีแล้วอาคารก็ทรุดโทรมต้องการปรับปรุงใหม่ ซึ่งไม่เหมือนบ้านที่จำเป็นต้องเป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เพราะเมื่อบ้านหมดสภาพก็ทุบแล้วสร้างใหม่ได้เลย" นายวิทวัสกล่าว

ด้านนายวรพงษ์ บุพสิริ หัวหน้าส่วนการตลาด บริษัท เกรทไชน่าฯ กล่าวว่า ความคืบหน้า การขายพื้นที่ศูนย์การค้าในประตูน้ำคอมเพล็กซ์ เซ็นเตอร์ขณะนี้ ขายพื้นที่ได้แล้ว 60% แต่มีปัญหาว่าคนที่ซื้อไปแล้วประมาณ 50% ไม่ยอมเปิดบริการ ทำให้ลูกค้าเข้ามาเดินไม่มากนัก บริษัทจึงมีแผนที่จะดึงกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่มาใช้พื้นที่ เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้ โดยขณะนี้กำลังเจรจากับทางกลุ่มเทสโก้ โลตัส และคาร์ฟูร์ เพื่อให้มาเปิดซูเปอร์มาร์เกตในพื้นที่ของโครงการอยู่ นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้าจะเจรจากับทางกลุ่มเซ็นเตอร์ พอยต์ ที่ปัจจุบันเปิดบริการที่สยาม สแควร์มาใช้พื้นที่ในศูนย์ด้วย โดยคาดว่ากลุ่มเซ็นเตอร์พอยต์จะใช้พื้นทั้งชั้น บริเวณชั้น 2 หรือชั้น 4 ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป

ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่ใต้ดินนั้นกลุ่มนารายภัณฑ์ได้เช่าทั้งพื้นที่โดยจะเข้าใช้พื้นที่ในปีหน้า เนื่องจากพื้นที่เดิมด้านข้างของห้างสรรพสินค้าเกษร พลาซ่าหมดสัญญาเช่า นอกจากนี้ยังเปิดศูนย์ท่องเที่ยวกว่า 200 บูท โดยมีสัญญา เช่า 3 ปี และต่อสัญญาได้อีก 3 ปี ซึ่งจะทำให้มีคนเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us