Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2540
"ใครว่าแบงก์ชาติไม่ไฮเทค"             
โดย ฐิติเมธ โภคชัย
 

   
related stories

"แบงก์เทศไปไกลถึง Electronics Banking แล้ว"

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
เสาวณี สุวรรณชีพ




เป็นที่สงสัยกันอย่างมากว่าปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติมีความทันสมัยมากน้อยแค่ไหน เพราะแบงก์ชาติเป็นองค์กรของรัฐ ดังนั้นความทันสมัยนั้นอาจด้อยกว่าองค์กรเอกชน เรื่องนี้ เสาวณี สุวรรณชีพ ผู้อำนวยการฝ่ายสารสนเทศ ซึ่งเข้ามาดูแลด้านเทคโนโลยีให้กับแบงก์ชาติมาประมาณ 20 ปีแล้ว เปิดเผยถึงวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีของแบงก์ชาติว่า เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2520 ด้วยเมนเฟรม ที่นำเข้ามาใช้ทำงานในลักษณะที่เป็น Centralize จากนั้นในช่วงปี 2527-2529 ก็เริ่มทยอยนำ PC ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจอย่างมากเข้ามาใช้เป็น Workstation และเข้าสู่ระบบ Local Area Network ด้วยการลดเมนเฟรมลง ปัจจุบันแบงก์ชาติเข้าสู่ยุคลักษณะการใช้ PC ตัวใหญ่ที่เป็น Server เข้ามาทำงาน

"การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของเราเริ่มจากยุคเมนเฟรมมาเป็น PC ระบบ Local Area Network และมาสู่ยุค Client server"

สำหรับงบประมาณในการลงทุนด้านเทคโนโลยีจะต้องจัดทำแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับแผนงานหลักของแบงก์ชาติ โดยแผนงานด้านเทคโนโลยีจะแบ่งออกเป็นช่วง ๆ ละ 3 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงที่ 3 แผนแรกได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2519 ช่วงที่ 2 อยู่ระหว่างปี 2536-2538 โดยในช่วงนั้นจะเน้นหนักด้านการพัฒนาระบบการเงิน และแผนที่ 3 ตั้งแต่ปี 2539-2541 แผนนี้มีเป้าหมายหลักที่จะพัฒนาเทคโนโลยีให้สนองนโยบายด้านการเงินให้เต็มรูปแบบ

"เราตั้งเป้าไว้ว่าจะสร้างฐานด้านเศรษฐกิจ การเงินให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เพราะเราต้องการเป็นศูนย์กลางด้านการเงิน"

ตัวอย่างความสำเร็จจากการพัฒนาเทคโนโลยีของแบงก์ชาติที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นการเปิดบริการการชำระเงินแบบ Baht Net และการเปิดบริการการชำระเงินแบบ Media Clearing ระหว่างแบงก์เพื่อประหยัดต้นทุนในการดำเนินงาน โดยสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานในการทำข้อมูล กรณีที่มีบัญชีต่างแบงก์ทำให้การบริหารเงินของแบงก์พาณิชย์ง่ายขึ้น ซึ่งบริการทั้งสองนี้ต่างมีจุดหมายเดียวกันคือเสริมให้ไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการเงิน

นอกจากนี้ แบงก์ชาติยังมีแผนที่จะเปิดบริการระบบการเงินแบบ Delivering Versus Payment ซึ่งเป็นการบริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ในการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ พร้อมทั้งเพิ่มบริการรายย่อยที่เรียกว่า Electroinics Purse เพราะมองว่าเมื่อเปิดเสรีด้านการเงินแล้วการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์จะมีบทบาทและสำคัญมากขึ้น

ในการพัฒนาระบบการทำงานภายในองค์กรเองเวลานี้แบงก์มีเทคโนโลยีที่สามารถ On-line ถึงกันได้หมดทุกจุดทุกสาขาทั่วประเทศแล้ว โดยเป็นการสร้างเครือข่ายของตนเองขึ้นมาเรียกว่า BOT NET ฉะนั้นข้อมูลที่จำเป็นนั้นสามารถ On-line ผ่านเครือข่ายนี้ได้โดยไม่ต้องส่งเอกสารเหมือนในอดีต

สำหรับเม็ดเงินลงทุนด้านเทคโนโลยีนั่น ในแต่ละปีจะอยู่ประมาณ 300 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นการใช้จ่ายในเรื่องของอุปกรณ์ซอฟต์แวร์ ที่เป็น System software ในขณะที่ส่วน Application แบงก์ชาติจะพัฒนาขึ้นมาเอง เนื่องจากแบงก์ชาติต้องทำงานอยู่ภายใต้กฎระเบียบฉะนั้น Application จะซับซ้อนมากกว่า Application ที่ใช้กันอยู่ทั่วไป เช่นระบบเงินฝากกระแสรายวัน" เสาวณี กล่าวถึงความแตกต่างเทคโนโลยีของแบงก์ชาติ

หลังจากนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ในปัจจุบันการทำงานด้วยเอกสารของแบงก์ชาติได้ลดลงไปมาก ทว่าเสาวณีกลับยังให้ความสำคัญกับเอกสารเหมือนเดิมเพราะถือเป็นวัฒนธรรมสำหรับการทำงานไปแล้ว

"เพราะตราบใดการทำงานที่ไม่เห็นเอกสารหรือกระดาษ เราเองก็ไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือไม่ ตรงนี้คงจะสกัดออกไปยากมากในการที่เราจะเป็น Paperless โดยเฉพาะองค์กรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างแบงก์ชาติ"

ถึงกระนั้นก็ตาม เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ช่วยให้การทำงานมีความสะดวก สบายมากขึ้น และยังช่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างน้อย ๆ ก็สามารถลดขั้นตอนด้านเอกสาร เช่นรวบรวมข้อมูลประมวลผลเข้าไว้อยู่ในระบบได้

ในปีหน้าเราคงจะได้เห็นพนักงานแบงก์ชาติมีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้งานกันอย่างทั่วถ้วน หากแผนการขั้นที่ 3 เดินไปได้ตามเป้าที่ตั้งไว้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us