Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน14 ธันวาคม 2548
"QH ดัน" คาซ่า วิลล์ สกัดคู่แข่ง ปี49ปูพรมรวดเดียว9โปรเจกต์รวบตลาดกลาง             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด

   
search resources

ควอลิตี้เฮาส์, บมจ.
Real Estate




"คิวเฮ้าส์ส่งบริษัทลูก คาซ่า วิลล์"รวบตลาด บ้านระดับกลางเฉลี่ย 3-5 ล้านบาทต่อยอดโครงการบ้านระดับพรีเมียม ปูพรมสกัดคู่แข่งรายใหม่ รวดเดียวปี 49 ถึง 8,000 ล้านบาท ผลิตสินค้าออกสู่ตลาด 2,400 ยูนิต วางยุทธศาสตร์ดันบ้านเดี่ยวแบรนด์ คาซ่า วิลล์ ยึด 4 มุมเมือง และทาวน์เฮาส์แบรนด์ คาซ่า ซิตี้ เจาะ กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ใจกลางเมือง ชอบความสะดวก

นายพรเทพ พิพัฒน์ทั้งสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการบ้าน บริษัท คาซ่า วิลล์ จำกัด บริษัทในเครือของ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผย เป็นครั้งแรกถึงแผนการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ใหม่ "คาซ่า วิลล์" ว่า ภายหลังที่บริษัทมีแนวทางชัดเจน ในการเข้ามาบุกเบิกตลาดบ้านระดับกลางราคาประมาณ 3-5 ล้านบาท เพื่อ ขยายฐานการตลาดของบริษัทฯให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และนำเสนอโครงการให้แก่ลูกค้า ที่ต้องการบ้าน ราคาไม่สูงแต่คุณภาพเทียบเท่าบ้าน ระดับพรีเมียม ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 6 เดือนที่ผ่านมา ทางผู้บริหารคาซ่า วิลล์ ได้ศึกษาข้อมูล และแผนงานอย่างละเอียด เพื่อจะสร้างสรรค์โครงการให้แก่ลูกค้า ที่ต้องการซื้อบ้านจากบริษัท

โดยตามเป้าหมายของแผนงานในปี 2549 จะมีการลงทุนโครง การใหม่ 2 กลุ่ม มูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท จำนวนกว่า 2,400 ยูนิต แบ่งเป็นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่ ภายใต้แบรนด์ คาซ่า วิลล์ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,600 ล้านบาท จำนวน 2,000 ยูนิต ระดับราคาเฉลี่ย 3-5 ล้านบาท มีแบบบ้านให้เลือก 4 สไตล์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับรูปแบบบ้าน ให้เหมาะกับความต้องการของ ลูกค้าโดยทั้ง 6 โครงการจะวางตำแหน่งยึดตลาด 4 มุมเมืองที่สำคัญ อาทิ โครงการคาซ่า วิลล์ วัชรพล ซึ่งจะอยู่ห่างจากโครงการลัดดารมย์ วัชรพล ซึ่งเป็นโครงการ ระดับพรีเมียมราคาประมาณ 8-12 ล้านบาทของบริษัทควอลิตี้เฮ้าส์ฯ เพียง 3 กิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในช่วง ที่ผ่านมา ทำเลวัชรพลมีโครงการจัดสรรเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ด้วย กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อที่ไหลเข้ามา ได้ทำให้จำนวนยูนิตในพื้นที่ลดไปเยอะ ประกอบกับด้วยฐานลูกค้าที่อยู่ในมือประมาณ 300-400 ราย ที่ป้อนมาจากโครงการลัดดารมย์ วัชรพล จะมีส่วนช่วยให้การขายโครงการประสบความสำเร็จมากขึ้น หรือทำเลราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ พบว่าในปี 49 จะมีสินค้าออกสู่ตลาดจากผู้ประกอบการรายอื่นรวมแล้วประมาณ 1,000 ยูนิต แต่ พบว่าความต้องการมีสูงกว่า ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะมีมูลค่ารวมสูงกว่า 4 โครงการที่จะเริ่มพัฒนาภายในไตรมาส 4 ปี 49

ในส่วนของโครงการทาวน์เฮาส์ บริษัทฯมีแผนที่จะลงทุน 3 โครงการ ภายใต้แบรนด์ คาซ่า ซิตี้ มูลค่าโครงการรวม 1,400 ล้านบาท ราคา ขายเฉลี่ย 4 ล้านบาท จำนวน 400 ยูนิต เน้นทำตลาดใจกลางเมืองอีกส่วนหนึ่ง

"ทำไมบริษัทใหม่ถึงกล้าลงทุนมากขนาดนี้ คำตอบก็คือ เรา ต้องปูพรมทีเดียวให้ใหญ่และมาก ทำการตลาดไปเลย ซึ่งด้วยศักยภาพ ของบริษัทใหม่แล้วไม่ด้อยกว่าใคร อีกทั้งจากข้อมูลทางด้านการตลาด พบว่า ผู้ประกอบการรายเล็กที่เข้าสู่ตลาดน้อยลง นี้จึงเป็นจังหวะที่แบรนด์ คาซ่า วิลล์ และคาซ่า ซิตี้ จะกวาดลูกค้าได้มาก นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าที่บริษัทเจาะจะเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีรายได้ต่อครอบครัวประมาณ 60,000-70,000 บาทเหมาะกับบ้านเดี่ยว ขณะที่ระดับรายได้ 20,000 บาทเหมาะกับทาวน์เฮาส์ ประกอบกับข้อมูลที่ลูกค้าไปเยี่ยมชมโครงการของคิวเฮ้าส์ประมาณ 20-30% ต้องการซื้อบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท และมีความต้องการซื้อบ้านภายใน 6 เดือน แสดงว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะได้ รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย ไม่รุนแรงเท่ากับกลุ่มอื่น" นายพรเทพกล่าว

ในส่วนการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ ก็เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า ที่ต้องการความสะดวกในการเดินทาง และอยู่ใกล้แหล่งงาน ทำให้บริษัทสามารถแยกลูกค้าในการทำตลาดได้อย่างชัดเจน ระหว่างบ้านเดี่ยวที่อยู่รอบนอกกับทาวน์เฮาส์ที่อยู่ใจกลางเมือง และทำเลที่พัฒนาทาวน์เฮาส์ส่วนใหญ่เดิมจะเป็นชุมชนเก่ามาก่อน ทำให้คนที่เคยอยู่ อาศัยในบริเวณไม่นิยมย้ายถิ่นฐาน มากนัก

"ต้องถือว่าขณะนี้บริษัทควอลิตี้เฮ้าส์และบริษัทใหม่ มีสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกระดับ จะพูดว่ากินตลาดทุกระดับราคาก็คงไม่ผิด แต่ถ้าจะพัฒนาโครงการ ต่ำกว่า 3 ล้านบาทในอนาคตได้หรือไม่ คงต้องพิจารณาเรื่องที่ดินเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี คาดว่าในปี 2549 บริษัทฯจะสามารถรับรู้รายได้ จากการพัฒนาโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท และ 3,000 ล้านบาทในปี 2550 ซึ่งเฉลี่ยแล้วอัตรากำไรขั้นต้นในการขายต่อยูนิตจะอยู่ที่ 30-35%" นายพรเทพกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us