"คิวเฮ้าส์ส่งบริษัทลูก คาซ่า วิลล์"รวบตลาด บ้านระดับกลางเฉลี่ย 3-5 ล้านบาทต่อยอดโครงการบ้านระดับพรีเมียม ปูพรมสกัดคู่แข่งรายใหม่ รวดเดียวปี 49 ถึง 8,000 ล้านบาท ผลิตสินค้าออกสู่ตลาด 2,400 ยูนิต วางยุทธศาสตร์ดันบ้านเดี่ยวแบรนด์ คาซ่า วิลล์ ยึด 4 มุมเมือง และทาวน์เฮาส์แบรนด์ คาซ่า ซิตี้ เจาะ กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ใจกลางเมือง ชอบความสะดวก
นายพรเทพ พิพัฒน์ทั้งสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการบ้าน บริษัท คาซ่า วิลล์ จำกัด บริษัทในเครือของ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผย เป็นครั้งแรกถึงแผนการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ใหม่ "คาซ่า วิลล์" ว่า ภายหลังที่บริษัทมีแนวทางชัดเจน ในการเข้ามาบุกเบิกตลาดบ้านระดับกลางราคาประมาณ 3-5 ล้านบาท เพื่อ ขยายฐานการตลาดของบริษัทฯให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และนำเสนอโครงการให้แก่ลูกค้า ที่ต้องการบ้าน ราคาไม่สูงแต่คุณภาพเทียบเท่าบ้าน ระดับพรีเมียม ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 6 เดือนที่ผ่านมา ทางผู้บริหารคาซ่า วิลล์ ได้ศึกษาข้อมูล และแผนงานอย่างละเอียด เพื่อจะสร้างสรรค์โครงการให้แก่ลูกค้า ที่ต้องการซื้อบ้านจากบริษัท
โดยตามเป้าหมายของแผนงานในปี 2549 จะมีการลงทุนโครง การใหม่ 2 กลุ่ม มูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท จำนวนกว่า 2,400 ยูนิต แบ่งเป็นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่ ภายใต้แบรนด์ คาซ่า วิลล์ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,600 ล้านบาท จำนวน 2,000 ยูนิต ระดับราคาเฉลี่ย 3-5 ล้านบาท มีแบบบ้านให้เลือก 4 สไตล์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับรูปแบบบ้าน ให้เหมาะกับความต้องการของ ลูกค้าโดยทั้ง 6 โครงการจะวางตำแหน่งยึดตลาด 4 มุมเมืองที่สำคัญ อาทิ โครงการคาซ่า วิลล์ วัชรพล ซึ่งจะอยู่ห่างจากโครงการลัดดารมย์ วัชรพล ซึ่งเป็นโครงการ ระดับพรีเมียมราคาประมาณ 8-12 ล้านบาทของบริษัทควอลิตี้เฮ้าส์ฯ เพียง 3 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในช่วง ที่ผ่านมา ทำเลวัชรพลมีโครงการจัดสรรเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ด้วย กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อที่ไหลเข้ามา ได้ทำให้จำนวนยูนิตในพื้นที่ลดไปเยอะ ประกอบกับด้วยฐานลูกค้าที่อยู่ในมือประมาณ 300-400 ราย ที่ป้อนมาจากโครงการลัดดารมย์ วัชรพล จะมีส่วนช่วยให้การขายโครงการประสบความสำเร็จมากขึ้น หรือทำเลราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ พบว่าในปี 49 จะมีสินค้าออกสู่ตลาดจากผู้ประกอบการรายอื่นรวมแล้วประมาณ 1,000 ยูนิต แต่ พบว่าความต้องการมีสูงกว่า ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะมีมูลค่ารวมสูงกว่า 4 โครงการที่จะเริ่มพัฒนาภายในไตรมาส 4 ปี 49
ในส่วนของโครงการทาวน์เฮาส์ บริษัทฯมีแผนที่จะลงทุน 3 โครงการ ภายใต้แบรนด์ คาซ่า ซิตี้ มูลค่าโครงการรวม 1,400 ล้านบาท ราคา ขายเฉลี่ย 4 ล้านบาท จำนวน 400 ยูนิต เน้นทำตลาดใจกลางเมืองอีกส่วนหนึ่ง
"ทำไมบริษัทใหม่ถึงกล้าลงทุนมากขนาดนี้ คำตอบก็คือ เรา ต้องปูพรมทีเดียวให้ใหญ่และมาก ทำการตลาดไปเลย ซึ่งด้วยศักยภาพ ของบริษัทใหม่แล้วไม่ด้อยกว่าใคร อีกทั้งจากข้อมูลทางด้านการตลาด พบว่า ผู้ประกอบการรายเล็กที่เข้าสู่ตลาดน้อยลง นี้จึงเป็นจังหวะที่แบรนด์ คาซ่า วิลล์ และคาซ่า ซิตี้ จะกวาดลูกค้าได้มาก นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าที่บริษัทเจาะจะเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีรายได้ต่อครอบครัวประมาณ 60,000-70,000 บาทเหมาะกับบ้านเดี่ยว ขณะที่ระดับรายได้ 20,000 บาทเหมาะกับทาวน์เฮาส์ ประกอบกับข้อมูลที่ลูกค้าไปเยี่ยมชมโครงการของคิวเฮ้าส์ประมาณ 20-30% ต้องการซื้อบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท และมีความต้องการซื้อบ้านภายใน 6 เดือน แสดงว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะได้ รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย ไม่รุนแรงเท่ากับกลุ่มอื่น" นายพรเทพกล่าว
ในส่วนการพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ ก็เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า ที่ต้องการความสะดวกในการเดินทาง และอยู่ใกล้แหล่งงาน ทำให้บริษัทสามารถแยกลูกค้าในการทำตลาดได้อย่างชัดเจน ระหว่างบ้านเดี่ยวที่อยู่รอบนอกกับทาวน์เฮาส์ที่อยู่ใจกลางเมือง และทำเลที่พัฒนาทาวน์เฮาส์ส่วนใหญ่เดิมจะเป็นชุมชนเก่ามาก่อน ทำให้คนที่เคยอยู่ อาศัยในบริเวณไม่นิยมย้ายถิ่นฐาน มากนัก
"ต้องถือว่าขณะนี้บริษัทควอลิตี้เฮ้าส์และบริษัทใหม่ มีสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกระดับ จะพูดว่ากินตลาดทุกระดับราคาก็คงไม่ผิด แต่ถ้าจะพัฒนาโครงการ ต่ำกว่า 3 ล้านบาทในอนาคตได้หรือไม่ คงต้องพิจารณาเรื่องที่ดินเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี คาดว่าในปี 2549 บริษัทฯจะสามารถรับรู้รายได้ จากการพัฒนาโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท และ 3,000 ล้านบาทในปี 2550 ซึ่งเฉลี่ยแล้วอัตรากำไรขั้นต้นในการขายต่อยูนิตจะอยู่ที่ 30-35%" นายพรเทพกล่าว
|