Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2540








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2540
ราศี บัวเลิศ สายสัมพันธ์สร้างธุรกิจ             
โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล ปิยาณี รุ่งรัตน์ธวัชชัย
 

 
Charts & Figures

โครงการทางด้านเรียลเอสเตทของแชลเล้นจ์กรุ๊ป
รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเจริญเลิศเอ็นเตอร์ไพร์ส


   
search resources

แชลเล้นจ์ กรุ๊ป
ราศรี บัวเลิศ
Real Estate




เพียงชั่วระยะเวลาประมาณ 13 ปี ราศี บัวเลิศ เด็กสาวผิวคล้ำ ตาคม ตัวเล็ก ๆ จากจังหวัดอุตรดิตถ์ สามารถถักทอสายใยสัมพันธ์กับกองทัพ ทหาร และนักธุรกิจได้อย่างเหนียวแน่น และเหลือเชื่อ วันนี้เธอมีโครงการที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาทที่ต้องบริหาร นี่ยังไม่รวมถึงอีกหลายโครงการที่รอจังหวะเข้าไปร่วมทุนในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เรื่องราวของเธอจึงน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าเรื่องในอดีตที่ผ่านมา

ราศี บัวเลิศ ประธานกรรมการบริหารเชลเล้นจ์กรุ๊ปไม่พอใจสื่อมวลชนนักหนา ในเรื่องที่มาขนานนามเธอว่าเป็นเจ้าแม่ค้าอาวุธ การเข้ามาทำธุรกิจที่ดินหรือธุรกิจอื่น ๆ ก็เพื่อล้างคาวเงินเท่านั้น นี่คือสาเหตุสำคัญที่ติดค้างในอารมณ์ซึ่งทำให้เธอหลีกเลี่ยงที่จะให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อมวลชนทุกฉบับ

"ก็ไม่รู้จะให้สัมภาษณ์พิเศษไปทำไมกัน เพื่ออะไร เพื่อโปรโมตโครงการหรือก็ไม่จำเป็นเลย" ราศรีเคยกล่าวกับ "ผู้จัดการรายเดือน"

เธอพยายามย้ำกับสื่อมวลชนที่ต้องการทราบประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงานในอดีต ก่อนที่จะก้าวเข้าไปสู่ธุรกิจที่เป็นที่มาของการขนานนามนั้น

"ทำไมต้องรู้ประวัติ ดูกันที่การทำงานในปัจจุบันไม่ดีกว่าหรือ" เธอเคยย้อนถามผู้สื่อข่าวบางฉบับ

เมื่อเป็นเช่นนี้ชีวิตส่วนตัว และการทำงานของเธอบางช่วงบางตอนจึงไม่ถูกเปิดเผย แม้แต่เพื่อนพ้องน้องพี่ที่ใกล้ชิดก็พร้อมใจกันปิดปากเงียบ

ราศรีต้องอย่าลืมความจริงข้อหนึ่งที่ว่าวันนี้เธอไม่ได้ทำธุรกิจส่วนตัวเหมือนเดิมแล้ว แต่กลายเป็นนักพัฒนาที่ดินซึ่งเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่หลายโครงการ มีความเกี่ยวข้องกับคนหมู่มากนับพันนับหมื่นคนคำถามที่ว่าเจ้าของโครงการเป็นใครเป็นเรื่องที่ต้องการคำอรรถาธิบาย เป็นคำถามที่สำคัญที่ทีมงานต้องตอบลูกค้าได้แจ่มชัดในสถานการณ์ปัจจุบัน

"ผู้จัดการรายเดือน" ก็พยายามอธิบายในจุดนั้น และดูเหมือนราศรีเองก็เข้าใจ แต่เธอก็ยังพอใจที่จะทำตัวเป็นปริศนาเช่นเคย

บทชีวิตของราศรีบางช่วงบางตอนจึงจำเป็นต้องกระโดดข้ามขาดการต่อเชื่อมไปอย่างน่าเสียดาย

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 13 ปีก่อนคือในช่วงปี 2527 ราศรีกับนายทหารเกษียณราชการกลุ่มหนึ่งได้ตั้งบริษัท เจริญเลิศเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัดขึ้นมา ระบุประเภทของธุรกิจไว้ว่ารับจัดสรรธุรกิจให้ผู้อื่น รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทจะประกอบไปด้วยพลเรือเอกประเทือง วงศ์จันทร์, พอเรือโทอนันต์ จันทรกุล, พันเอกสวัสดิ์ พัดชื่นใจ,ราศี และสุรชัย บัวเลิศ ผู้เป็นน้องชาย

และในปี 2529 นี้เองที่ราศรีก็ได้ใช้บริษัทนี้ร่วมกับบริษัทคู่ค้าจากต่างประเทศอีก 2 บริษัททำการประมูลขายสินค้าให้กับรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง สังกัดกระทรวงกลาโหม โดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนระบุไว้ในบัญชีของบริษัทประมาณ 70 ล้านบาท

คำตัดสินที่ฟันธงลงไปว่าสินค้าตัวนี้คืออาวุธ ในขณะที่ราศรีเคยชี้แจงว่าเป็นการประมูลเกี่ยวกับการต่อเรือรบชื่อ เรือรบหลวงสุรินทร์ แต่จะเป็นอะไรก็ตามเมื่องานชิ้นนี้สำเร็จ ภาพของสายสัมพันธ์ของเธอกับกองทัพเรือ และกระทรวงกลาโหมได้เริ่มปรากฎให้เห็นมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว แล้วยังเหนียวแน่นอยู่ในปัจจุบัน เธอเคยกล่าวว่า จากเงิน 70 ล้านบาทนี้เป็นเงินกองทุนในการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2531 บริษัทเจริญเลิศฯ ได้เข้าไปลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทเวิลด์เครื่องมือแพทย์ และบริษัทริโก้อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทริโก้ฯ เดิมเป็นบริษัทขายเครื่องปรับอากาศ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นธุรกิจ นายหน้าและตัวแทน

ธุรกิจของราศรีได้ขยายตัวไปอีกหลายบริษัท เช่น บริษัทแชลแลนจ์อินดัสทรีส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ขายเครื่องมือ และอุปกรณ์การแพทย์ทุกชนิด มีบริษัทเดอาร์ไทยแลนด์เป็นโรงงานผลิต บริษัทอีเดน ออลซี่ ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็น แชลเลนจ์ เทคโนโลยี ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมพลาสติก

รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทต่าง ๆ ที่ทยอยเกิดขึ้นมา ส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมในบริษัทเจริญเลิศฯ นั่นเอง พร้อม ๆ กันนั้นในปี 2532 ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจที่ดินบ้านเรากำลังบูมสุด ๆ ราศรีจึงได้ตั้งบริษัทยิ่งรวยเรียลเอสเตทขึ้น เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน นอกจากผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมแล้ว เธอยังดึงเอาอัมพร กีรติบุตร สาวสังคมชื่อดังคนหนึ่งมาร่วมถือหุ้นด้วย

ถ้าจะมองกันว่าราศรีเติบโตในวงการธุรกิจมาได้เพราะมีผู้ใหญ่ในกองทัพสนับสนุน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเธอเป็นคนเก่ง และมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลคนหนึ่ง

การซื้อที่ดินเก็บไว้เพื่อขายเก็งกำไรอาจจะเป็นเรื่องที่นิยมกันมากในช่วงเวลานั้นของบรรดาเศรษฐีหน้าเก่า หน้าใหม่กระเป๋าหนักทั้งหลาย แต่สายตาของราศรีไม่ได้หยุดนิ่งเพียงนั้น เธอกลับมองทะลุว่าธุรกิจที่อยู่อาศัยจะเป็นธุรกิจที่มีความเป็นไปได้สูงในระยะเวลาต่อไป

ดังนั้นเมื่อปี 2535 มีผู้เอาโครงการบางมดแลนด์ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเล็ก ๆ ริมคลองประปา และยังมีพื้นที่ในโครงการเหลืออีกประมาณ 90 ไร่มาเสนอขาย เพราะมีปัญหาทางด้านการเงินและการบริหาร เธอตัดสินใจซื้อ ทั้งที่บนถนนเส้นนี้ในช่วง 4-5 ปี ที่ผ่านมาเป็นทำเลที่ค่อนข้างไกล และเปลี่ยว เป็นแหล่งที่มีพวกแขกมอญเลี้ยงวัวกันเป็นจำนวนมาก

แต่หลังจากนั้นถนนเส้นนี้ก็ได้มีการขยายเป็น 4 เลน และมีจุดขึ้นลงทางด่วนขั้นที่ 2 ทั้งด้านถนนงามวงศ์วานและแจ้งวัฒนะที่ไม่ไกลจากโครงการนัก จนในวันนี้ได้กลายเป็นทำเลทองทางด้านที่อยู่อาศัยอีกแห่งหนึ่ง

โครงการบางมดแลนด์ เดิมเป็นโครงการของผู้มีรายได้ปานกลางค่อนข้างต่ำรูปแบบโครงการธรรมดามาก ซึ่งแน่นอนราศรีไม่ชอบ สินค้าที่เธอจะขาย จะต้องสวยดี คุ้มค่ากับราคาเงิน เธอจึงเปลี่ยนแปลงคอนเซ็ปต์โครงการนี้ใหม่หมด และเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น "ยิ่งรวยนิเวศน์"

เมื่อทำบ้านแพงที่สวยงามราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 4 ล้านบาท เพื่อน ๆ ในวงการที่ราศรีดึงมาช่วยงานทางด้านประชาสัมพันธ ์และการขายในช่วงแรก ๆ ก็คือ ยาจิตต์ ยุวบูรณ์ และทนง บุรานนท์ ซึ่งในขณะนั้นได้ตั้งบริษัทบุรกิจ จำกัด รับงานทางด้านการขายและประชาสัมพันธ์อยู่แล้ว

ยาจิตต์ และทนง ทำงานร่วมกับราศรีอยู่ไม่นาน ต่อมาทั้ง 2 ก็แยกตัวเองออกมาเพื่อไปทำโครงการพัฒนาที่ดินเองหลายโครงการ เช่น สมคิดการ์เด้นท์ และริเวอร์วิลล่า คอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในขณะที่โครงการยิ่งรวยนิเวศน์ไม่ค่อยประสบความสำเร็จทางด้านการขายนัก

สาเหตุสำคัญที่ราศรีไม่ประสบความสำเร็จในโครงการที่อยู่อาศัยของเธอในช่วงแรกเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวพร้อม ๆ กับโครงการที่อยู่อาศัยได้เกิดขึ้นมากมาย ลูกค้ามีหลายโครงการให้เลือก สงครามการแข่งขันเกิดขึ้นสูงมากในปี 2536 เป็นต้นมา และที่สำคัญทีมงานของราศรียังไม่มีมืออาชีพที่แท้จริง

ราศรีชะลอการขายโครงการไปพักหนึ่งแต่แล้วจู่ ๆ เธอทำให้วงการพัฒนาที่ดินช็อกอีกครั้งด้วยการเทกโอเวอร์โครงการตึกสูง 63 ชั้นมูลค่านับหมื่นล้านบนถนนสีลมของรังสรรค์ ต่อสุวรรณ

ราศรีซื้อโครงการนี้ท่ามกลางความสงสัยของผู้คนในวงการ เพราะเป็นโครงการที่ต้องลงทุนสูง และในช่วงปี 2537 นั้นภาวะตลาดของอาคารสำนักงาน โดยทั่วไปก็กำลังซบเซาอย่างหนัก นับเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไปในการบริหารโครงการที่มีพื้นที่ประมาณ 333,000 ตารางเมตร เป็นโครงการที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาอาคารสำนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีความสูงรองจากตึกใบหยกที่สูงประมาณ 90 ชั้น

แต่ราศรีก็กล้าโดยให้เหตุผลง่าย ๆ ว่าเป็นตึกที่อยู่ในทำเลที่ดี เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะเป็นตึกที่สวยงามเป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศ กับอีกเหตุผลหนึ่งคือเป็นการช่วยเพื่อน

เพื่อนที่เธอว่าคือ พวงเพ็ญ วิบูลย์สวัสดิ์ น้องสาวของรังสรรค์เอง

"รังสรรค์สีลมพรีเชียส" ถูกเปลี่ยนชื่อว่าโครงการ "โรยัลเจริญกรุง" ก็ได้เดินหน้าต่อด้านการก่อสร้าง ตึกที่ถูกสร้างค้างคาไว้เพียง 22 ชั้นได้ก่อสร้างถึงชั้นที่ 63 แล้วในปัจจุบัน โดยอำนาจเงินของราศรี

นอกจากโครงการยักษ์นี้ ปีเดียวกันนั้นราศรียังสยายปีกไปลงทุนต่างประเทศโดยเข้าไปซื้อโครงการโรงแรมที่ประเทศนิวซีแลนด์ โรงแรมนี้แรกเริ่มที่ซื้อมายังไม่ได้พัฒนา มีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ ริมทะเลสาบ โรโตรัว เมื่อซื้อมาแล้วราศรีก็ได้ปรับปรุงเป็นโรงแรม "โรยัล เลคไซด์ โนโวเทล" โรโตรัว เป็นโรงแรมขนาด 4 ดาว และได้เปิดบริการไปแล้วเมื่อกลางปี 2538 ที่ผ่านมา

ส่วนทางเมืองไทยราศรีก็ทะยอยเปิดโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องอีก 3 โครงการ หวังกวาดลูกค้าทุกระดับ ตั้งแต่กลุ่มที่เริ่มก่อร่างสร้างตัว ไปจนถึงกลุ่มลูกค้าที่จะมีกำลังซื้อบ้านอาศัยในราคาหลังละ 10 ล้านบาทขึ้นไป

ในขณะเดียวกันข่าวคราวที่ว่าราศรีมีความสนใจที่จะเข้าไปซื้อโครงการต่าง ๆ ก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าในเรื่องสายการบินที่ 2 ธุรกิจโทรคมนาคม การเข้าไปซื้อโรงแรมในต่างประเทศ รวมทั้งมีทีมงานที่กำลังศึกษาโครงการพัฒนาที่ดินที่เสนอตัวเข้ามาให้เทกโอเวอร์หลายโครงการ

โครงการของสมประสงค์กรุ๊ป และโครงการของรัตนการเคหะ ได้ถูกทีมงานของราศรีเอามาศึกษาความเป็นไปได้แล้วทั้งสิ้น

ปฏิบัติการเชิงรุกในธุรกิจอย่างต่อเนื่องของเธอในเวลานี้ สร้างความสงสัยให้กับวงการเป็นอย่างมากว่าเธอเอาเงินมาจากไหนในเมื่อบริษัทหลัก ๆ ของเธอที่ทำธุรกิจเกือบทุกบริษัทไม่มีตัวเลขกำไร (อ่านล้อมกรอบค้นกระเป๋าเงินราศรี)

ถ้าไม่มีฐานที่มาทางการเงินที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลัง ราศรีคงเป็นแม่มดทางการเงินที่เก่งกาจรายหนึ่งทีเดียว

ปัจจุบันแชลเล้นจ์กรุ๊ป มีบริษัทหลักอยู่ 4 กลุ่มคือ 1. บริษัททางด้านซื้อมาขายไป คือเจริญเลิศเอ็นเตอร์ไพรส์ 2. บริษัททางด้านอุตสาหกรรม 3. บริษัททางด้านพัฒนาที่ดิน และ 4. บริษัททางด้านโรงแรมและบริการ

ช่วงปลายปี 2538 ถึงต้นปี 2539 ที่ผ่านมาแชลเล้นจ์กรุ๊ปจึงมีการปรับปรุงโครงสร้างการทำงานอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้องานที่เพิ่มมากขึ้น

ในช่วงระยะแรก ๆ ที่เริ่มมีการขยายตัวของบริษัทนั้น ราศรีก็ใช้วิธีการแยกกันทำแยกกันบริหาร โดยมีคณะกรรมการจากบริษัทเจริญเลิศเอ็นเตอร์ไพรส ซึ่งเป็นบริษัทแม่คอยคุมนโยบาย แต่หลังจากการซื้อโครงการโรยัลเจริญกรุงเข้ามาแล้ว ก็ได้รวมเป็นกลุ่มชัดเจนขึ้นเป็น แชลเล้นจ์ กรุ๊ป เพื่อการทำงานให้มีประสิทธิภาพขึ้นมีการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องของการตลาด โดยบริษัทที่ยังเป็นแกนนำก็คือเจริญเลิศฯ เหมือนเดิม มีราศรีเป็นกรรมการผู้จัดการ และคณะกรรมการก็จะมาจากผู้บริหารแต่ละบริษัท

ทางด้านบริหาร ในกิจการด้านการซื้อมาขายไปและด้านอุตสาหกรรมนั้น ราศรีจะเป็นผู้ดูแลโดยตรง

ส่วนธุรกิจด้านอสังหริมทรัพย์ที่กำลังก่อสร้างนั้น ราศรีจำเป็นต้องมีมืออาชีพเข้ามาช่วยอย่างเร่งด่วน เพราะบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วไม่มีการสร้างขุมกำลังพลที่แข็งแกร่งประจำการอย่างต่อเนื่องนั้น อาจจะทำให้โครงการล้มได้ง่าย ๆ เหมือนกัน ซึ่งอันนี้มีตัวอย่างให้เห็น ๆ แล้วหลายราย

ราศรีมีความตั้งใจจริงที่จะทำโครงการทุกโครงการให้ดีมีคุณภาพ "เธอเองก็รู้ตัวว่ามีคนหลายคนจับตามองอยู่ ดังนั้นเธอต้องทำให้ได้ดีที่สุด" เพื่อนผู้ใกล้ชิดคนหนึ่งกล่าว

ความขยันเอาจริงเอาจังของเธอทำให้ทีมงานต้องเตรียมตัวตั้งรับอยู่ตลอดเวลาเพราะไม่รู้ว่าวันนี้เธอจะโผล่ไปตรวจงานที่ไซต์ไหน บางวันราศรีอาจจะปีนบันไดเข้าไปตรวจงานบ้านที่กำลังก่อสร้าง เห็นตรงไหนผิดพลาด ก็จะสั่งแก้สั่งรื้อทันที

มาฆะ โทณะวณิก เป็นนักพัฒนาที่ดินมืออาชีพที่ราศรีดึงเข้ามาช่วยทำโครงการเมื่อปี 2538 ซึ่งในช่วงนั้นกำลังทำโครงการที่สุวินทวงศ์ ซึ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรรที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่ม ปัจจุบันมาฆะมีตำแหน่งเป็นกรรมการรองผู้จัดการ

มาฆะจบการศึกษาจากคณะสถาปัตย์ สถาบันเทคโนฯ พระจอมเกล้าลาดกระบังรับราชการอยู่ที่ศรีราชา 1 ปี แล้วลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว โดยการรับงานออกแบบก่อสร้าง ต่อมาเริ่มทำโครงการของตนเองและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย เช่น บริษัทรับทำความสะอาด กิจการล่าสุดคือโรงแรมซิตี้โฮเต็ลที่ศรีราชา หลังจากนั้นก็ได้เข้ามาทำธุรกิจที่ดินในกรุงเทพฯ โดยไปมีหุ้นส่วนในโครงการนอร์ทปาร์ค ในสมัยเริ่มแรกของกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ แต่ปัจจุบัน ได้ขายหุ้นให้กลุ่มเอื้อชูเกียรติไปหมดแล้ว

มาฆะเล่าว่า สาเหตุที่ยอมเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างให้กับราศรีเป็น เพราะเห็นว่าเป็นคนที่มีความตั้งใจจริงที่จะทำธุรกิจและงานที่เข้ามารับผิดชอบก็เป็นงานใหญ่ที่ท้าทาย ที่สำคัญมาฆะย้ำว่าราศรีเป็นคนมีเงิน

ภายในระยะเวลา 2 ปีที่เข้ามาร่วมงานกับราศรีจะเห็นว่าเธอมีความไว้วางใจมาฆะเป็นอย่างมาก เพราะมอบหมายงานด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นผู้ดูแลทั้งหมดแม้แต่โครงการมูลค่านับหมื่นล้านอย่าง "โรยัลเจริญกรุง"

มาฆะเข้ามาสู่อาณาจักรของราศรีโดยเกี่ยวก้อยเอาลูกน้องมาด้วยคนหนึ่งคือ บุณฑริก กุศลวิทย์ ซึ่งบุณฑริก นี้เข้ามาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และฝ่ายขายของเชลเล้นจ์กรุ๊ป ประวัติของเธอเป็นสถาปนิกรุ่นน้องของมาฆะที่สถาบันเทคโนพระจอมเกล้าลาดกระบัง และเป็นผู้จัดการโรงแรมของมาฆะที่ชลบุรี

จากโครงการมูลค่าเพียงไม่กี่ร้อยล้านบาทที่ศรีราชามารับผิดชอบการบริหารโครงการ และบริหารการขายมูลค่านับหมื่นล้านของแชลเล้นจ์กรุ๊ปนั้นเรียกได้ว่าเป็นงานที่ท้าทายสถาปนิกทั้ง 2 คนนี้มากทีเดียว กำลังหลักด้านที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ประมาณ 5 คน 3 ใน 5 คนเป็นเครือญาติของเธอ

คนแรกคือกัญญ์วรา วัยคุณาน้องสาวแท้ ๆ ซึ่งราศรีดึงเข้ามาช่วยงานที่บริษัทเจริญเลิศ เอ็นเตอร์ไพรส์ ตั้งแต่ปี 2530 ช่วงแรก ๆ จะทำงานด้านธุรการ จัดซื้อ แต่ตอนนี้เธอเข้าไปเป็นผู้จัดการโครงการที่ยิ่งรวยนิเวศน์ และกำลังเป็นลูกศิษย์อาจารย์มานพ พงศทัติในโครงการ RE.CU รุ่น 19

เจษฏ์สุดา บัวเลิศ เป็นหลานสาวของราศรีอีกคนที่จบการศึกษาระดับปริญญาโทที่อเมริกา แล้วมาเริ่มงานที่นี่ในส่วนของเลขากรรมการบอร์ดบริษัทเจริญเลิศเอ็นเตอร์ไพรส์ ซึ่งจากตรงจุดนี้ทำให้ได้รับรู้งานด้านบ้านจัดสรรและพัฒนาที่ดินของบริษัท เลยมีความสนใจ และคิดว่าน่าทำ เลยย้ายงานมาทำด้านการจัดซื้อในส่วนของงานด้านอสังหาริมทรัพย์เมื่อประมาณปี 2537 จนในที่สุดมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการโครงการโรยัลปาร์ค วิลล์ สุวินทวงศ์

ส่วนอีกคนคือกุลชัย บัวเลิศ เป็นน้องชายของราศรีที่ดึงเอามาช่วยงานด้านประสานงานกองทัพตั้งแต่อายุ 20 กว่า ๆ และตอนนั้นกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันเป็นกรรมการคนหนึ่งของเชลเล้นจ์กรุ๊ป จากการที่เป็นผู้ทำงานใกล้ชิดพี่สาวมาตลอด บทบาทของกุลชัยในกลุ่มนี้จึงน่าจับตายิ่ง

อัมรา ศิลา จากค่ายเครือซิเมนต์ไทยเข้ามาร่วมงานกับกลุ่มนี้เมื่อกลางปี 2536 ตอนแรกก็เข้ามาช่วยด้านโครงการที่ยิ่งรวยนิเวศน์ หลังจากนั้นก็ได้ไปช่วยดูงานด้านธุรการที่สำนักงานใหญ่ ปัจจุบันได้เข้ามารับผิดชอบเป็นผู้จัดการโครงการโรยัลสายไหม

ผู้หญิงคนสุดท้ายคืออรทัย ตันติเมธ ซึ่งรับผิดชอบตัวโรงแรมโรยัล เลคไซด์โนโวเทล โรโตรัว อรทัยเข้ามาช่วยงานราศรีเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2538 เป็นคนไทยคนเดียวในกลุ่มผู้บริหารโรงแรมเธอเกิดเมืองไทย แต่ครอบครัวย้ายไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เล็ก ๆ เลยโตเมืองนอกส่วนใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ เรียนหนังสือที่อเมริกามีประสบการณ์ทางด้านเรียลเอสเตทและด้านโรงแรมมาบ้าง

ทีมงานด้านบริหารเรียลเอสเตทนั้นนอกจากมาฆะแล้ว เรียกได้ว่าเป็นน้องใหม่ในวงการนี้ทั้งสิ้น ส่วนคนเก่า ๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ร่วมก่อตั้งคือนายทหารนอกราชการกลุ่มเดิมเช่น พลเรือเอกอนันต์ วงศ์จันทร์, พลเรือโทอนันต์ จันทรกุล, พลเอกสมุทร นิลกุล ปัจจุบันอายุประมาณ 70 ปี ซึ่งเจษฎ์สุดากล่าวว่ายังเป็นที่ปรึกษาและมีประสบการณ์ให้กับรุ่นลูก รุ่นหลานที่บริษัท

แม้ภาพของราศรีในธุรกิจอื่น ๆ ไม่แจ่มชัดนัก แต่ในส่วนของพัฒนาที่ดินนั้น ถ้าทีมงานของเธอแข็งแกร่ง มีการวางแผนที่ดีพอ ก็อาจจะประสบความสำเร็จไม่ยากนัก จะช้าหรือเร็วแค่นั้น!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us